“นายกฯอิ๊งค์”จัดรายการทีวีครั้งแรก ออกตัวรายการพิเศษเพื่อประชาชน เอ็กซ์คลูซีฟเล่านโยบายรัฐบาล ยัน‘เงินหมื่นเฟสสาม’มาแน่ รอ‘ก.คลัง’แถลง เมินโดนบูลลี่แต่งกาย แต่แต่งตัวแบบนี้ทำงานให้ประชาชนมีความสุข รับเสียใจโดนว่า แต่ไม่จมงานรออยู่เยอะ “ดุสิตโพล” เผยดัชนีการเมือง ม.ค. ดีดตัว “อิ๊งค์ – เท้ง” โดดเด่นในวงการ

เมื่อวันที่ 2 ก.พ.2568  น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จัดรายการ “โอกาสไทยกับนายกแพทองธาร” ครั้งแรก โดยจะมีเป็นประจำทุกวันอาทิตย์ต้นเดือน เริ่มเล่าที่มาที่ไปเกี่ยวกับการทำรายการ เพื่อให้ประชาชนได้รับฟังจากตัวเอง เป็นรายการพิเศษสำหรับประชาชน ในรูปแบบที่ไม่เคยทำที่ไหนมาก่อน ไม่เคยให้สัมภาษณ์แบบนี้ เป็นแบบ Exclusive นำเบื้องหลังมาเล่าให้ฟังว่าได้พบเจออะไรมาบ้าง ได้พูดอธิบายที่มาที่ไปของนโยบายและขั้นตอน แต่ละนโยบายว่าไปถึงไหนแล้ว โดยเรื่องแรกเกี่ยวกับนโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่ ครอบคลุมทั่วประเทศไทย 77 จังหวัด ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2568 ซึ่งรู้สึกดีใจมากที่ประชาชนไม่ต้องต่อคิวรอตั้งแต่ 05.00 น. เพื่อเข้ารักษา เพียง 15 นาที เสียเวลา 1 วันเต็ม ซึ่งผลตอบรับกลับมาดีมาก หากมีระบบตรงไหนไม่ตอบสนองสามารถแจ้งมายังรัฐบาลได้

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงการบังคับใช้กฎหมายสมรสเท่าเทียมทั่วประเทศ เมื่อวันที่ 23 มกราคม 2568 ซึ่งเป็นสิ่งที่ตนดีใจมาก ทุกฝ่ายของการเมือง ฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายค้าน สว. เห็นตรงกัน ว่าเป็นการสร้างโอกาสสร้างความเท่าเทียม ไม่แบ่งแยก รัฐบาลสามารถใช้กฎหมายดูแลทุกคนได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีมากๆ ทุกแรงที่ต่อสู้ ผลักดันมา 20 ปี ถ้าไม่ใช้ทุกแรงก็ไม่สำเร็จ จึงเป็นความภูมิใจของทุกคน

นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการเข้าร่วมประชุม World Economic forum Annual Meeting 2025 ที่เมืองดาวอส สมาพันธรัฐสวิส ระหว่างวันที่ 20-24 มกราคม 2568 ว่า ทำให้รู้ว่าการมีตำแหน่งนายกรัฐมนตรี สามารถดึงความสนใจของคนได้จริง มีโอกาสสามารถผลักดันตัดสินใจเรื่องใดๆ ได้มีคนมาประชุมและขอคุยด้วย และมีผลที่ดี หาเงินเข้าประเทศได้อย่างมากมาย เช่น การลงนามสัญญาการค้าเสรี ดังนั้นปีหน้าก็จะไปอีกแน่นอนจะเอารัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องไปด้วย โดยจะมีการเตรียมการล่วงหน้าในแต่ละกระทรวงที่มีนโยบายเกี่ยวข้อง

นายกรัฐมนตรียังกล่าวถึง การโอนเงินหมื่นเฟส 2 ให้ผู้สูงอายุ 3 ล้านคน เมื่อ 27 มกราคม 2568 โดยยืนยันว่าโครงการเฟส 3 มาแน่นอนต้องรอให้กระทรวงการคลังยืนยันช่วงเวลาอีกครั้ง


นายกฯ ยังกล่าวถึงกำลังใจในทุกๆ วันนี้ว่า หากโดนต่อว่า เสียใจและรู้สึกอย่างแน่นอน แต่จมไม่ได้ เพราะงาน รออยู่เยอะมาก

“ โดนว่านาทีนี้ นาทีหน้าต้องไปประชุมแล้วจึงพยายามมองว่า หัวข้อไหนที่ถูกต่อว่าเช่นประชาชนไม่พอใจ เรื่องการจัดการบางเรื่อง ก็กลับมาเรียกประชุม จัดการแต่ละกระทรวง แต่หากเป็นเรื่องที่ไม่จำเป็นเช่นถูกบูลลี่ มาตลอด เรื่องการแต่งตัว เสื้อผ้าหน้าผมก็ไม่ได้คิดอะไร หากนโยบายต่างๆทำสำเร็จความภูมิใจในความสำเร็จ ของดิฉันคือประชาชน ที่มีความสุขมากกับนโยบายที่ได้ไปชีวิตที่ดีขึ้น จากสิ่งที่นโยบายสำเร็จและขอบคุณรัฐบาลขอบคุณนายกฯได้เงินหมื่นต่อยอดขายของได้เยอะขึ้น หมดเกลี้ยง มีแต่คนมาจับจ่ายใช้สอย คนซื้อดีใจคนขายก็ดีใจ หรือขอบคุณมาก 30 บาทเปลี่ยนชีวิต มันเติมเต็ม และรู้สึกว่า ฉันก็จะแต่งตัวแบบนี้แหละไปทำงานแบบนี้ให้ประชาชนมีความสุข เพราะเป็นฉันก็อย่างนั้นล่ะ” นางสาวแพทองธาร กล่าว


ช่วงท้ายรายการ นายกรัฐมนตรี ระบุว่า หวังว่าประชาชนจะได้ยินได้ฟังอะไรที่เป็นความรู้หรือ Entertain สนุกสนาน จะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยเดือนหน้าเจอกันใหม่ จะได้เข้าใจใจถึงใจ ส่งใจถึงใจกันมากขึ้นว่าใจนายกรัฐมนตรีจริงๆ คิดอะไรให้กับประชาชนบ้าง อยากเล่าอะไรให้ประชาชนบ้าง และขอฝากติดตามนักจัดรายการมือใหม่ด้วย(รายละเอียดอ่านหน้า2)

ด้าน  สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศ เรื่อง “ดัชนีการเมืองไทย ประจำเดือนมกราคม 2568” กลุ่มตัวอย่าง จำนวน 2,261 คน (สำรวจทางออนไลน์และภาคสนาม) ระหว่างวันที่ 27-31 มกราคม 2568 พบว่า กลุ่มตัวอย่างให้คะแนนภาพรวมดัชนีการเมืองไทยประจำเดือนมกราคม 2568 เฉลี่ย 5.06 คะแนน เพิ่มขึ้นจากเดือนธันวาคม 2567 ที่ได้ 4.97 คะแนน  ตัวชี้วัดที่ได้คะแนนสูงสุด คือ สิทธิเสรีภาพของประชาชน เฉลี่ย 5.35 คะแนน ตัวชี้วัดที่ได้คะแนนต่ำสุด คือ การแก้ปัญหาทุจริตคอร์รัปชัน ความโปร่งใส เฉลี่ย 4.76 คะแนน นักการเมืองฝ่ายรัฐบาลที่มีบทบาทโดดเด่นประจำเดือน คือ แพทองธาร ชินวัตร ร้อยละ 48.43 ด้านนักการเมืองฝ่ายค้านที่มีบทบาทโดดเด่นประจำเดือน คือ ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ร้อยละ 43.74 ผลงานฝ่ายรัฐบาลที่ชื่นชอบประจำเดือน คือ แจกเงิน 10,000 บาท เฟส 2 ร้อยละ 52.71 ผลงานฝ่ายค้านที่ชื่นชอบประจำเดือน คือ ตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล ร้อยละ 39.70

นางสาวพรพรรณ บัวทอง ประธานสวนดุสิตโพล ระบุว่า ดัชนีการเมืองไทยกลับมาสำรวจครบรอบ 1 ปี คะแนนเปลี่ยนแปลงอยู่ในช่วงคาบเส้นมาโดยตลอด โดยคะแนนดัชนีการเมืองเดือนมกราคมนี้เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าเล็กน้อย สะท้อนถึงพัฒนาการบางด้านที่เป็นรูปธรรม โดยเฉพาะสิทธิเสรีภาพที่อาจเชื่อมโยงกับกฎหมายสมรสเท่าเทียม และการเลือกตั้งนายก อบจ. ที่เปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมทางการเมืองมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันยังคงเป็นจุดอ่อนที่สำคัญ ดังนั้นการเมืองไทยยังต้องพิสูจน์ให้เห็นถึงการแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้าง ไม่ใช่เพียงมาตรการระยะสั้นที่เน้นผลลัพธ์ประชานิยมเฉพาะหน้า

ผศ.สรศักดิ์ มั่นศิลป์ รองคณบดีโรงเรียนกฎหมายและการเมือง มหาวิทยาลัยสวนดุสิต กล่าวว่า  จากผลการสำรวจของสวนดุสิตโพล ภาพรวมคะแนนเดือน ม.ค. 68 มีคะแนนสูงขึ้น โดยประชาชนให้ความสำคัญต่อเรื่องสิทธิและเสรีภาพของประชาชนมากที่สุดซึ่งถือว่าเป็นเรื่องใกล้ตัวของประชาชน ด้านการแก้ปัญหาทุจริตคอร์รัปชันความโปร่งใสได้รับคะแนนอันดับท้ายสุด รัฐบาลควรเพิ่มมาตรการแก้ไขปัญหาในส่วนนี้ให้ชัดเจนมากขึ้น   คุณแพทองธาร ชินวัตรได้รับคะแนนมากที่สุดของนักการเมืองฝ่ายรัฐบาลและคุณณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิได้รับคะแนนมากที่สุดของนักการเมืองฝ่ายค้านแสดงให้เห็นว่าทั้งสองท่านมีการทำงานที่โดดเด่นและเข้มข้นจนเข้าตาประชาชน  ทั้งนี้นโยบายการแจกเงิน 10,000 บาท ระยะที่ 2 ที่ได้รับความนิยมสูงสุด ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่น่าแปลกใจเพราะเป็นสิ่งที่ประชาชนรอคอยและเป็นสิ่งที่ดีสำหรับการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ และยังชี้ให้เห็นว่าประชาชนมีความหวังต่อการเยียวยาทางเศรษฐกิจ แม้จะมีข้อถกเถียงในมิติความยั่งยืนและความทั่วถึงของโครงการ