วันที่ 2 ก.พ 2568 นายนพดล ปัทมะ สส. พรรคเพื่อไทย อดีตรมว.ต่างประเทศ กล่าวว่า ตามที่น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะเดินทางไปเยือนประเทศจีนอย่างเป็นทางการในวันที่ 5 ก.พ.นี้ นับว่าเป็นจังหวะที่ดีมาก เพราะปีนี้เป็นปีฉลองความสัมพันธ์ 50 ปีไทย-จีน อีกทั้งขณะนี้ การเปลี่ยนแปลงของภูมิรัฐศาสตร์โลกมีพลวัตต่อเนื่อง ส่งผลให้ความเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ระหว่างไทย-จีนมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เท่าที่ดูกำหนดการที่ท่านนายกฯจะได้เข้าเยี่ยมคารวะประธานาธิบดี สี จิ้นผิง หารือทวิภาคีกับนายกรัฐมนตรี หลี่ เฉียง และกับประธานสภาประชาชนฯ ซึ่งถือว่าทางการจีนได้ให้เกียรติกับนายกรัฐมนตรีของไทยเป็นอย่างมาก ที่ได้พบปะบุคคลสำคัญครบถ้วน

"ผมเชื่อมั่นว่านายกรัฐมนตรีจะหยิบยกประเด็นทวิภาคีที่จะกระชับความร่วมมือทางด้านการค้าและการลงทุนระหว่างสองประเทศให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นไปอีก โดยเฉพาะการขยายตลาดสินค้าส่งออกให้สินค้าไทย การดึงดูดการลงทุนจากประเทศจีนโดยเฉพาะในเรื่องรถยนต์ไฟฟ้า และการสร้างความเชื่อมั่นว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่มีความปลอดภัย และยังเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวของชาวจีนซึ่งไทยดูแลเสมือนญาติ ผมเชื่อมั่นว่าภายหลังการเยือนครั้งนี้จะช่วยยกระดับความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ให้กระชับแน่นแฟ้นขึ้นไปอีกและสามารถขยายตลาดการส่งออกและสร้างความมั่นใจให้นักท่องเที่ยวชาวจีนมากยิ่งขึ้น"นายนพดล กล่าว

นายนพดล กล่าวต่อว่า มีประเด็นเรื่องความมั่นคงในภูมิภาคที่อยากจะเสนอให้รัฐบาลไปพิจารณาว่าจะมีโอกาสหารือประเด็นเรื่องของเมียนมาร์หรือไม่ เนื่องจากการสร้างสันติภาพที่ยั่งยืนในเมียนมาร์นั้นประเทศไทยเป็นผู้มีบทบาทนำ รวมถึงการให้ความช่วยเหลือทางมนุษยธรรมแก่เมียนมาร์  เพราะถ้าอาเซียน ไทยและมหาอำนาจในภูมิภาคผลักดันการสร้างสันติภาพในเมียนมาร์สำเร็จ จะช่วยแก้ปัญหาที่ประเทศไทยต้องแบกรับในทุกปี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องผู้อพยพ ปัญหาฝุ่นPM 2.5 คอลเซ็นเตอร์ การค้ามนุษย์ และปัญหายาเสพติดซึ่งต้องยอมรับว่าบทบทบาททางการทูตของประเทศจีนนั้นมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง ต่อการสร้างสันติภาพที่ยั่งยืนในภูมิภาค รวมถึงเมียนมาร์

"ผมคิดว่าถ้ามีโอกาส และจังหวะที่เหมาะสม ประเด็นที่เกี่ยวข้องกับเมียนมาร์น่าจะเป็นเรื่องหนึ่งที่น่าไปพิจารณา ซึ่งจะช่วยเพิ่มพูนบทบาทด้านต่างประเทศของไทยและสร้างความเชื่อมั่นในเวทีโลกได้มากขึ้นไปอีก"อดีตรมว.ต่างประเทศ กล่าว