รัฐบาลเตรียมกระตุ้นการท่องเที่ยวไทยต่อเนื่องตลอดปี 2568 โดยผลักดันให้เป็นปี AMAZING

THAILAND GRAND TOURISM & and  SPORTS YEAR 2025 ประกอบด้วย 5 แคมเปญ  คือ Grand Festival ,Grand Moment ,Grand Privilege ,Grand Invitation และ Grand Celebration พร้อมมาตรการที่เกี่ยวเนื่อง เช่น สนับสนุนสายการบิน โรงแรมที่พัก วีซ่า รวมทั้งจัดทำปฏิทินรวมกิจกรรมการท่องเที่ยว และมหกรรมกีฬาที่น่าสนใจจากหลากหลายหน่วยงานทั้งรัฐ และเอกชนตลอดทั้งปีไว้ที่เดียว เพื่ออำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวในการวางแผนการเดินทาง โดยตั้งเป้าที่จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติกว่า 40 ล้านคน และเกิดการเดินทางในประเทศมากกว่า 205 ล้านครั้งทั่วประเทศไทย

และการที่มีนักท่องเที่ยวได้ตามที่คาดการณ์ได้นั้น ปัจจัยหลักของการเดินทาง คือ เครื่องบิน และท่าอากาศยาน ที่ให้บริการนักท่องเที่ยว ซึ่งจากตัวเลขของการเดินทาง และท่าอากาศยานที่รองรับผู้โดยสารที่มีอยู่ทั่วประเทศนั้น กำลังเกิดปัญหาในการให้บริการ

ทั้งนี้ “สยามรัฐสัปดาห์วิจารณ์” ได้สัมภาษณ์ “นายสุทธิพงษ์ คงพูล” ผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) เผยว่า ผลการดำเนินงานประจำปี 2567 ภาพรวมผู้โดยสารมีจำนวน 140 ล้านคน เพิ่มขึ้น 15.12% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า และมีการฟื้นตัว 85.14% เมื่อเทียบกับสภาวะปกติ ขณะที่ปริมาณเที่ยวบินในปี 2567 ในภาพรวมมีจำนวนมากถึง 8.8 แสนเที่ยวบิน หรือเพิ่มขึ้น 11.90% เมื่อเทียบกับปี 2566 ขณะที่ปริมาณการขนส่งสินค้าทางอากาศมีการเติบโตมากกว่าสถานการณ์ปกติ คิดเป็น 101.63% เมื่อเทียบกับปี 2562 และมีจำนวนมากกว่าปี 2566 ถึง 22.4% จึงกล่าวได้ว่าอุตสาหกรรมการบินในปี 2568 มีทิศทางในการฟื้นตัวและสามารถกลับมาเติบโตได้ในระดับเดียวกันกับปี 2562

ขณะที่ปัจจุบันตลาดอุตสาหกรรมการบินของไทยมีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 19 ของโลก และมีการคาดการณ์จากสมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ หรือ IATA ว่าตลาดการบินของไทยมีโอกาสขยายตัวจนขึ้นสู่อันดับที่ 9 ของโลกภายในปี 2576 ซึ่งสะท้อนถึงความเป็นศูนย์กลางการบินที่มีบทบาทสำคัญในภูมิภาคและระดับโลกอย่างชัดเจน ดังนั้นแล้วหน่วยงานด้านการบินจะต้องเร่งเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งในด้านการพัฒนาขีดความสามารถในการให้บริการ การรักษามาตรฐานความปลอดภัยระดับสากล รวมทั้งต้องเร่งผลักดันโครงการสำคัญต่างๆ ให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม

นายสุทธิพงษ์ กล่าวถึงปัญหาใหญ่ในการขาดแคลนเครื่องบินเวลานี้ว่า  ปี 2568 เป้าหมายคาดการณ์อุตสาหกรรมการบินจะกลับไปเท่าปี 2562 แต่ปัจจัยสำคัญคือ จำนวนเครื่องบินที่ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการของสายการบิน ซึ่งการผลิต ของแอร์บัสและโบอิ้ง ไม่สามารถเร่งได้ทันกับความต้องการ เช่น เครื่องแอร์บัส A320 สั่งวันนี้ กว่าจะได้รับเครื่องอีก 15 ปี เพราะความสามารถในการผลิตลดลง ดังนั้นหลายสายการบินหันไปใช้วิธีการเช่าใช้  ซึ่งมีหลายรูปแบบ ทั้งเช่าเครื่องเปล่า เช่าเครื่องบินพร้อมลูกเรือ หรือ เช่าเครื่องบิน พร้อมลูกเรือ-การซ่อมบำรุง และประกันภัย โดยช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ลงนามในประกาศผ่อนปรน ตามประกาศกรมการขนส่งทางอากาศ อนุญาตเป็นเวลา 6 เดือน ให้สายการบินใช้เครื่องบินเช่าพร้อมลูกเรือ ซึ่งมีสายการบินไทยเวียตเจท เช่า เครื่องบิน A 320 จำนวน 2 ลำ ทำการบินเส้นทาง กรุงเทพฯ-เชียงใหม่ และ กรุงเทพฯ -ภูเก็ต และสายการบินบางกอกแอร์เวย์ เช่าเครื่องบิน ATR จำนวน 2 ลำ ทำการบินเสริมเส้นทาง กัมพูชา และสปป.ลาว

นายสุทธิพงษ์ กล่าวว่า ส่วนการออกใบอนุญาตสนามบินทั่วประเทศจำนวน 39 แห่ง ในปี 2567 CAAT ได้ออกใบรับรองการดำเนินงานสนามบินสาธารณะตามข้อกำหนดของสำนักงานการบินพลเรือนระหว่างประเทศ  (ICAO)  เพิ่มเติมอีก 4 แห่ง ได้แก่ ท่าอากาศยานบุรีรัมย์ ท่าอากาศยานหาดใหญ่ ท่าอากาศยานภูเก็ต และท่าอากาศยานสุราษฎร์ธานี รวมกับก่อนหน้าที่ออกไปแล้ว รวมกับเดิมที่เคยออกไปแล้วเป็น 11 แห่ง ส่วนในปี 2568 คาดว่าจะออกใบรับรองได้อีกประมาณ 6 แห่ง และคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 4-5 ปี จะออกใบรับรองครบทั้ง 39 แห่ง

และการออกใบอนุญาตประกอบกิจการการบินพลเรือน หรือ AOL ในปี 2567 เพิ่ม 3 ราย ได้แก่ บริษัทแอร์ เอเอ็มบี จำกัด , บริษัท บีบีเอ็น แอร์ไลน์ (ประเทศไทย) จำกัด , บริษัท ไทย แอร์โรสเปช อินดันทรีส์ จำกัด และต่ออายุ AOL 5 ราย ได้แก่ บริษัท ไทยแอร์เอเชีย เอ็กซ์ จำกัด , บริษัท ฟลายอิ้ง มีเดีย จำกัด , บริษัท ดรอปโซน (ไทยแลนด์) จำกัด , บริษัท สยามยามาฮ่ามอเตอร์โรโบทิคส์ จำกัด ,บริษัท ยูไนเต็ด ออฟชอร์ เอวิเอชั่น จำกัด และมีการออกใบรับรองผู้ดำเนินการเดินอากาศ หรือ AOC ให้ 4 ราย ได้แก่ บริษัท พัทยา แอร์เวยส์ จำกัด ,บริษัท สยามซีเพลน จำกัด , บริษัท บริษัท เอเชีย เอวิเอชั่น แอนด์ เทคโนโลยี จำกัด , บริษัท ไทยซีเพลน จำกัด ทำให้มีสายการบินเข้ามาในตลาดการบินเพิ่มขึ้น แต่สายการบินยังไม่ได้ทำการบินเนื่องจาก มีปัญหาขาดแคลนเครื่องบิน และมีการเพิกถอน AOC สายการบินไทยสมายล์ เนื่องจากการควบรวมกิจการกับการบินไทย

ขณะที่ผลการดำเนินงานในการแก้ไขปัญหาราคาตั๋วเครื่องบิน พบว่า มาตรการการเพิ่มเที่ยวบินพิเศษช่วงเทศกาลปีใหม่ 2568 ที่สายการบินให้ความร่วมมือ และมีที่นั่งเพิ่มขึ้นกว่า 70,000 ที่นั่งนั้น ทำให้ตั๋วเครื่องบินมีราคาลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนและผู้โดยสารเข้าถึงราคาตั๋วเครื่องบินได้มากขึ้น และในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่จะถึงนี้ CAAT ได้หารือ ร่วมกับสายการบินและผู้ให้บริการทุกหน่วยงานในการเตรียมมาตรการรองรับด้านต่างๆ  เพื่อให้ประชาชนมีทางเลือกในการเดินทางและได้ราคาตั๋วเครื่องบินที่เหมาะสม

อย่างไรก็ตามแนวทางการแก้ไขปัญหาราคาตั๋วเครื่องบิน นั้น CAAT อยู่ระหว่างการเก็บข้อมูล เพื่อศึกษาวิเคราะห์สำหรับการทบทวนหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง นำมาปรับสมดุลด้านราคาตั๋วทุกมิติให้เกิดประสิทธิภาพ-ประสิทธิผลมากขึ้น เช่น การเพิ่มความสามารถให้กับระบบการบินของประเทศ อาทิ เที่ยวบิน สายการบิน ศูนย์ซ่อมอากาศยาน เป็นต้น

นายสุทธิพงษ์ กล่าวว่า ได้เตรียมความพร้อมผลักดันให้ประเทศไทยกลับเข้าสู่ FAA CAT 1 ซึ่งประโยชน์จะเกิดขึ้นเศรษฐกิจประเทศไทย อาทิ สายการบินของไทยสามารถจัดสรรเที่ยวบินบินตรงไปยังสหรัฐอเมริกาได้ ,สายการบินของไทยทั้งสายการบินใหม่ และสายการบินเดิม สามารถเพิ่มเทียวบินไปยังประเทศที่อ้างอิงผลการตรวจสอบของ FAA เช่น เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น หรือฮ่องกง ได้ ,นักบินสัญชาติไทยมีโอกาสในการทำงาน กับสายการบินต่างชาติเพิ่มมากขั้น และเพื่อเพิ่มโอกาสทางเศรษฐกิจ และการท่องเที่ยวของประเทศไทย

การท่องเที่ยวถือ เป็นเส้นเลือดใหญ่ในการนำเม็ดเงินเข้าสู่ประเทศไทย!! แต่จะนำพานักท่องเที่ยวเดินทางอย่างสะดวก ก็ต้องอาศัยเครื่องบิน – สนามบิน ที่ดี!! รัฐบาลไม่ควรละเลยปัญหา เพราะถ้าไม่สะดวก ก็ไม่มีใครมาเที่ยวบ้านเรา