คุยเฟื่องเรื่องต่างประเทศ / ดร.วิวัฒน์ เศรษฐช่วย
“นครลอสแอนเจลิส”นับเป็นเมืองหน้าด่าน ที่มีความโดดเด่นแสดงให้เห็นถึงความเจริญรุ่งเรืองทั้งด้านไฮเทค ด้านศูนย์กลางอุตสาหกรรม ด้านการธนาคาร ด้านการผลิตเครื่องบิน ด้านการผลิตภาพยนตร์ เป็นศูนย์กลางที่มีมหาวิทยาลัยชั้นนำของโลก มีพิพิธภัณฑ์สถานที่มีชื่อเสียงโด่งดัง และในรัศมี 60 ไมล์ของเมืองแอลเอยังเชื่อมต่อกับเมืองสำคัญๆอีกหลายๆเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งยอดจีดีพีของแอลเอติดอยู่ในอันดับที่สิบของโลกอีกด้วย
ขณะนี้จำนวนประชากรที่พำนักอาศัยอยู่ในแอลเอมีมากกว่าสี่ล้านคน ที่กอปรไปด้วยทุกๆชาติ ทุกๆภาษา ทุกๆวัฒนธรรม โดยเฉพาะย่าน “ไทยทาวน์”เพียงแห่งเดียว ปรากฏว่ามีชาวต่างชาติที่มีการสื่อสารกันมากถึงเจ็ดสิบภาษา และในนครลอสแอนเจลิส แคลิฟอร์เนียและเมืองใกล้เคียงก็มีพี่น้องชาวไทยของเราพำนักอาศัยอยู่มากกว่าสามแสนคนเลยทีเดียว!!!
สำหรับไฟไหม้ป่าครั้งใหญ่ที่ผ่านมาไม่กี่วันในย่านเมือง “พาลิเซดส์ (Palisades)” ที่มีลมพายุพัดแรงจนขยายไปยัง “เมืองมาลิบู” ที่ถูกไฟป่าทำลายไปถึงหนึ่งในสามของเมือง และลุกลามขยายต่อไปยัง “เมืองอีตัน” “เมืองพาสซาดินา”
จากผลการรายงานครั้งล่าสุดของ “สำนักข่าวเอพี”เมื่อวันที่ 24 มกราคม 2025 ว่า มีผู้เสียชีวิตถึง 28 ราย แถมยังมีผู้สูญหายไปอีก 22 ราย และอัคคีภัยในครั้งครานี้ยังมีผลทำให้ประชาชนอีกหลายพันคนต้องกลายเป็นคนไร้ที่อยู่อาศัย โดยอาคารบ้านเรือนถูกทำลายไปกว่า 14,000 หลัง
บริเวณที่ถูกไฟป่าเผาไหม้จนได้รับความเสียหายสูงสุด มีอยู่ที่ 2 จุดด้วยกัน นั่นก็คือ “ย่านเมือง พาลิเซดส์ (Palisades) และ “เมืองอีตัน” (Eton) ซึ่งทั้งสองแห่งนี้ล้วนแต่เป็นย่านของผู้ฐานะดีมีอันจะกิน โดยอาคารบ้านเรือนที่ถูกทำลายด้วยไฟป่าล้วนแต่มีมูลค่ามหาศาล โดยประมาณอยู่ระหว่าง 250,000 ดอลลาร์ไปจนถึงยี่สิบกว่าล้านดอลลาร์เลยทีเดียว
แม้กระทั่ง “มหาวิทยาลัยยูซีแอลเอ” ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำแห่งหนึ่งของสหรัฐอเมริกาและของโลก ก็เกือบเป็นเหยื่อในเพลิงครั้งนี้อีกด้วย
เมื่อวันศุกร์ที่ 24 มกราคม 2025 ที่ผ่านมา “ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์” ได้เดินทางไปเยือนแอลเอ เพื่อสำรวจความเสียหายร่วมกับ “ผู้ว่าฯเกวิน นิวซัม” ในบริเวณเมืองพาลิเซดส์ โดยประธานาธิบดีทรัมป์ออกมากล่าวถึงการเดินทางไปเยือนนครลอสแอนเจลิสในครั้งนี้ว่า “เป็นการยากที่จะรับรู้ถึงความเสียหายได้ ยกเว้นแต่ต้องเดินทางมาสำรวจด้วยตัวเอง”
หลังจากที่ประธานาธิบดีทรัมปได้พบปะกับผู้นำการเมืองท้องถิ่น เขาก็ได้เอ่ยปากให้คำสัญญาว่า “รัฐบาลจะยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือด้านการก่อสร้างบ้านเรือน และอาคารหลังใหม่ ขึ้นมาแทนที่ที่ได้รับความเสียหาย อีกทั้งรัฐบาลกลางจะยืดหยุ่นขั้นตอนการก่อสรางอาคารและด้านธุรกิจ เพื่อให้การก่อสร้างดำเนินไปอย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น”
ส่วน รัฐสภาแห่งรัฐแคลิฟอร์เนีย ก็ได้ผ่านกฎหมายหลายๆฉบับ เพื่อยืดหยุ่นด้านกฎเกณฑ์ต่างๆมากยิ่งขึ้นเช่นกัน
สำหรับมหาอัคคีภัยครั้งใหญ่นี้ พี่น้องชาวไทยของเราหลายๆท่านได้รับความเสียหายด้านทรัพย์สินไม่น้อยเลยทีเดียว ทั้งนี้ผมขอรายงานธารน้ำใจของชาวอเมริกันที่ยื่นมือช่วยเหลือบริจาคเงินสร้างร้านอาหารไทยแห่งหนึ่ง
โดยร้านอาหารที่ผมกล่าวมาข้างต้นนี้ มีชื่อว่า “ร้านชลลดา” อยู่ในย่านเมืองมาลิบู ซึ่งเป็นร้านอาหารไทยชื่อดัง เปิดให้บริการมานานกว่า 25 ปี และร้านอาหารแห่งนี้โชคร้ายกลายเป็นเหยื่อพระเพลิงถูกไฟป่า “Palisades Fire” เผาผลาญหวอดหายไปกับกองเพลิงทั้งร้าน!!!
ทั้งนี้เมื่อวันเสาร์ที่ 25 มกราคม ตอนที่ผมเข้าไปรับบริการด้านสุขภาพ จากศูนย์บริการสุขภาพของ“มหาวิทยาลัยยูเอสซีกับศูนย์ Divita” ปรากฏว่า “คุณสุปรียา ภู่ไพศาล” หรือ “คุณแป๋ว”พยาบาลสาวชาวไทย จากจังหวัดเชียงราย จะเริ่มทำการตรวจรักษา เธอได้บอกกับผมว่า ร้านอาหารชลลดา เมืองมาลิบู ที่ถูกเพลิงไหม้เสียหายไปทั้งหมดนั้น ขณะนี้ได้รับการช่วยเหลือเป็นอย่างดี โดยคุณสุปรียาได้ส่งข้อมูล Facebook ของร้านนี้ให้ผมได้รับทราบ
เมื่อผมได้อ่านแล้วรู้สึกภาคภูมิใจและดีใจเป็นอย่างมากที่ชาวอเมริกันทั่วประเทศช่วยกันบริจาคเงินช่วยเหลือหลั่งไหลไปให้ “คุณนิก” เจ้าของร้านได้สร้างร้านอาหารขึ้นมาใหม่
โดยข้อความที่โพสต์ทางเฟซบุ๊คของ “คุณนิกร ศรีวิชัยรำพัน” หรือ “คุณนิก”เขียนเอาไว้ว่า “ผมเป็นเจ้าของร้านอาหารชลลดา มานานกว่า 25 ปี ร้านอาหารชลลดาแห่งนี้เป็นชีวิตจิตใจและเป็นทุกสิ่งทุกอย่าง ที่ผมทุ่มเททั้งชีวิต แรงกาย และแรงใจบริหารมานานนับสิบๆปี” และคุณนิกยังได้โพสต์ต่อไปอีกว่า ร้านอาหารชลลดารับใช้ชาวมาลิบูมาอย่างยาวนานจนได้รับการตอบรับจากชุมชนเป็นอย่างดี
ในตอนหนึ่งคุณนิกได้โพสต์เขียนว่า การสูญเสียร้านอาหารชลลดาในครั้งนี้ ประหนึ่งว่าเขามิได้สูญเสียเพียงร้านอาหารที่เขาก่อสร้างขึ้นมาเท่านั้น แต่เหมือนดั่งเขาสูญเสียส่วนหนึ่งของหัวใจไปเลยทีเดียว
เพลิงไหม้ที่ร้านอาหารชลลดาในครั้งนี้ ทำให้คุณนิก ต้องออกมาประกาศขอความช่วยเหลือ (gofundme) เป็นเงิน 150,000 ดอลลาร์ (ประมาณห้าล้านบาท)
อนึ่ง ณ วันที่ 26 มกราคม 2025 ปรากฏว่าคุณนิกได้รับธารน้ำใจจากผู้บริจาคที่มีตั้งแต่ห้าดอลลาร์ สิบดอลลาร์ ห้าสิบดอลลาร์ หนึ่งร้อยดอลลาร์ สามร้อยดอลลาร์ ห้าร้อยดอลลาร์ สองพันดอลลาร์ ไปจนถึงผู้บริจาครายใหญ่ที่สุดคือ 20,000 ดอลลาร์!!!
และเมื่อรวมยอดเงินบริจาคจนถึงวันที่ 26 มกราคม แล้วปรากฏว่ามียอด 120,612 ดอลลาร์ หรืออีกแค่เพียงยี่สิบเปอร์เซ็นต์เท่านั้นก็จะถึงเป้าหมายแล้ว
ทั้งนี้ทำเลของร้านชลลดา นับว่าดีมากเพราะตั้งอยู่ใจกลางเมืองมาลิบู ที่ตั้งอยู่ชายหาดของมหาสมุทรแปซิฟิก และตั้งอยู่ใกล้กับ “มหาวิทยาลัยเปปเปอร์ไดน์” ที่ผมเป็นศิษย์เก่าเคยศึกษาติดต่อกันมาหกปี ในระดับปริญญาตรี และปริญญาโท
เมื่อพูดถึงน้ำใจของชาวอเมริกันนั้น จากประสบการณ์ส่วนตัวที่ผมใช้ชีวิตในแอลเอ มาตั้งแต่เยาว์วัย โดยพำนักอาศัยในครอบครัวของชาวอเมริกันนานสิบห้าปี เข้าศึกษาในมหาวิทยาลัยชั้นนำของสหรัฐฯ 3 สถาบัน และยึดอาชีพด้านการธนาคารและการเงิน นาน 30ปี และจากประสบการณ์ที่มีความใกล้ชิดกับชาวอเมริกันมาอย่างยาวนาน ผมสามารถสัมผัสได้ว่าว่า คนอเมริกันส่วนใหญ่ จะมีนิสัยคล้ายคลึงกับพี่น้องชาวไทยของเราในด้านที่มีจิตกุศล ไม่เคยแล้งน้ำใจ!!!
กล่าวโดยสรุปทั้งนี้และทั้งนั้นโชคร้ายของ “ร้านอาหารชลลดา” ในครั้งนี้ ก็ยังมีโชคดีเกิดขึ้น แต่น่าเห็นใจต่อผู้ประสบเคราะห์ร้ายท่านอื่นๆที่มีพี่น้องคนไทยรวมอยู่ด้วย ผมและชาวไทยทุกๆคนขอยกมือท่วมหัวภาวนาให้พี่น้องของเราสามารถผ่านพ้นวิกฤติครั้งนี้ไปได้ด้วยดี และในอีกสี่ปีข้างหน้านี้นครลอสแอนเจลิส ก็จะมีการจัดกีฬาโอลิมปิก ซึ่งหวังใจว่าจะทำให้นครใหญ่แห่งนี้พลิกฟื้นจากวิกฤติกลายเป็นหน้าต่างบานใหญ่ที่เปิดกว้างให้ชาวโลกได้พบเห็นความศิวิไลซ์ของสหรัฐฯอีกครั้งหนึ่งด้วยละครับ