นายกฯ เปิดปฏิบัติการสกัดยาเสพติด 'Seal Stop Safe' ปักธง ผนึก 51 อ.ชายแดน 14 จ. ด้าน ภูมิธรรม มอบแม่ทัพภาค-ผบก.ภ. 14 จ. ดูแล พร้อมตั้งเป้า 6 เดือน เห็นผลรูปธรรม ไฟเขียวเจ้าหน้าที่ตอบโต้พ่อค้ายาฮึดสู้  ลั่นชีวิตเจ้าหน้าที่สำคัญ

         เมื่อวันที่ 30 ม.ค.68 ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีเปิดปฏิบัติการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด "Seal Stop Safe" ผนึกกำลัง 51 อำเภอชายแดน 14 จังหวัด 
   

     โดย น.ส.แพทองธาร กล่าวมอบนโยบาย ว่า รู้สึกเป็นเกียรติเป็นอย่างยิ่งที่มีส่วนสำคัญในพิธีเปิดปฎิบัติการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด "Seal Stop Safe" ผนึกกำลัง 51 อำเภอชายแดน นโยบายยาเสพติดเป็นนโยบายที่รัฐบาลชุดนี้ให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่งตั้งแต่แถลงนโยบายต่อรัฐสภาว่าเราจะทำเรื่องนี้อย่างเข้มข้นและจริงจัง ขอบคุณทุกคนที่มีส่วนสำคัญทำให้เกิดขึ้นได้ และประโยชน์ตกกับประชาชนได้จริง ขอให้ทุกท่านทราบว่าทุกพื้นที่ทั้งเล็กและใหญ่ทุกคนปลาบปลื้มและขอบคุณที่พาลูกหลานของชาวบ้านกลับมาในครอบครัวอีกครั้ง ให้มีครอบครัวที่ดีและที่สำคัญคนที่อยู่หน้างาน เมื่อได้รับมอบนโยบายไปทำทั้งเหนื่อยและเสียสละ ขอบคุณคนหน้างานทุกคนที่เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้คนได้กลับมามีศักยภาพอีกครั้ง
   

   การขยับในวันนี้ คาดว่าได้ผลอย่างมากในการสกัดการไม่ให้ยาเสพติดเข้ามาในประเทศ และขอเป็นกำลังใจให้ทุกหน่วยที่ทำงานหนักเพื่อประเทศชาติเป็นกำลังใจให้และให้มั่นใจว่าเมื่องานนี้สำเร็จไปด้วยดีทุกคนคือกำลังสำคัญในการสร้างประเทศชาติให้แข็งแรงสร้างคนให้มีคุณภาพ
       

 ด้าน นายภูมิธรรมกล่าวว่า การจัดงานครั้งนี้ เป็นไปตามที่รัฐบาลได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภากำหนดให้ปัญหายาเสพติดเป็นปัญหาเร่งด่วน ที่ต้องดำเนินการและแก้ปัญหาอย่างเด็ดขาด ตัดต้นตอการผลิตและจำหน่าย โดยร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านสกัดกั้นนำเข้าและตัดเส้นทางลำเลียงยาเสพติด โดย ป.ป.ส. จะดูแลพื้นที่ที่จำเป็นเร่งด่วนและกำหนดผู้รับผิดชอบตามมาตรา 5 (10) กฎหมายยาเสพติด ในพื้นที่ 14 จังหวัด 51 อำเภอชายแดน 76 สถานีตำรวจ โดยให้แม่ทัพภาคเป็นผู้บัญชาการสกัดจากยาเสพติด สารตั้งต้น และเคมีภัณฑ์ตามแนวชายแดน ที่ยังหลุดรอดเข้ามา โดยมีวัตถุประสงค์ 3 ประการ เพื่อตอกย้ำเจตนารมย์ของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหายาเสพติด,เพื่อเร่งรัดดำเนินการสกัดกั้นยาเสพติดตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลอย่างจริงจังและเพื่อกระตุ้นให้ผู้ปฏิบัติงานเร่งดำเนินงานสกัดยาเสพติดชายแดนให้เป็นรูปธรรมและให้มีความคืบหน้า โดยมีความดีความชอบและมีการประเมินประสิทธิภาพในการทำงาน โดยดูกฎหมายทั้งหมดที่เกี่ยวข้อง และนำเงินที่ยึดจากยาเสพติดมาดูแลยังป้องกันปัญหายาเสพติด แนวชายแดน รวมถึงคอลเซ็นเตอร์ ฝุ่นละออง
       

 ทั้งนี้ ได้กำหนดตัวชี้วัดในการปฏิบัติการ 2 เดือน และวางเป้าว่า 6 เดือนนับตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ.นี้ ต้องมีผลเป็นรูปธรรม ไม่ให้มีการลักลอบนำเข้ายาเสพติดตามช่องทาง ด่านตรวจ จุดตรวจ ท่าเทียบเรือ บริเวณชายแดน ทั้งที่ถูกกฎหมายและช่องทางธรรมชาติ เส้นทางคมนาคม ระบบโลจิสติก การขนส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์, ไม่ปล่อยให้มีการแพร่ระบาดของยาเสพติดอย่างรุนแรงในพื้นที่อำเภอชายแดนที่รับผิดชอบ, ประชาชนในพื้นที่ไม่ได้รับความเดือดร้อนและเกิดปัญหาอาชญากรรมอื่น จากยาเสพติด, ไม่พบการร้องเรียนจากปัญหาเจ้าหน้าที่ของรัฐ ผู้ค้า ผู้เสพ ผู้ติดยาเสพติดที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข และมีการให้ความช่วยเหลือผู้เสพที่มีอาการทางจิตเวชจากยาเสพติด และไม่ก่อเหตุรุนแรงในพื้นที่
   

    เมื่อถามว่า ไฟเขียวให้จับตายหรือไม่ หากผู้ค้ายาใช้อาวุธต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า เราคงไม่ยืนให้เขาใช้อาวุธยิง ซึ่งการจับตายเป็นไปตามกระบวนการ ถ้าเขาใช้อาวุธเราก็ป้องกันตัวได้ตามกฎหมาย เชื่อว่าเราก็ระมัดระวังในเรื่องนี้ เพราะชีวิตเจ้าหน้าที่ก็สำคัญ ถึงแม้พ่อค้ายาจะเป็นมนุษย์คนหนึ่ง แต่เราก็ต้องคำนึงถึงเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานด้วย แต่ทุกอย่างจะยึดตามกติกาสากล เรื่องการปกป้อง ตอบโต้ ได้ ตามที่กฎหมายได้กำหนดไว้