“ภูมิธรรม”ลั่นใครส่งไฟให้ “แก๊งคอลฯ” นับเป็นผู้สมรู้ร่วมคิด ไฟเขียวชง ”มท.” ตัดไฟทันที ไม่ห่วงไทยอาจถูกลดอันดับเทียร์ 2 ด้าน“นายกฯ”พร้อมทำงานร่วมจีนปราบ “แก๊งคอลฯ”หลังผช.รมต.จีน ลงพื้นที่แม่สอด ด้าน “ทักษิณ” ชี้ต้องพึ่งทางการ “จีน” เชื่อมีอิทธิพลกับเมียนมาเยอะ ขณะที่ “โรม” เหน็บ “อนุทิน” ไม่กล้าสั่ง “กฟภ.” ตัดไฟแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หวั่นเจอตอใหญ่หรือไม่
เมื่อเวลา 11.45 น.วันที่ 30 มกราคม 2568 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรมว.มหาดไทย ระบุว่า ให้หน่วยงานด้านความมั่นคงสั่งการให้ตัดการขายไฟฟ้าไปยังประเทศเมียนมา หากพบว่ามีการส่งไฟฟ้าให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ว่า หากมีปัญหาเกี่ยวกับความมั่นคงก็มีสิทธิที่จะร้องสั่งการให้ตัดไฟได้ ซึ่งหากเป็นเรื่องการตัดไฟก็อยู่ในดุลยพินิจเขาอยู่แล้ว ที่ต้องทำการ แต่หากเขาไม่มั่นใจว่าบริเวณตรงนี้มีปัญหาหรือไม่ ก็จะให้ฝ่ายความมั่นคงช่วยดำเนินการถือเป็นการดำเนินการตามปกติ ส่วนหน่วยงานด้านความมั่นคงที่หมายถึง คือทหาร ตำรวจที่เกี่ยวข้อง ในขณะที่ตนเป็นรองนายกฯฝ่ายความมั่นคง ก็ต้องทำหน้าที่ประสานงาน
เมื่อถามว่า หากกระทรวงมหาดไทยส่งเรื่องไปสามารถตัดไฟฟ้าได้ทันทีใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม ระบุว่า ต้องมีการหารือกัน เมื่อถามว่า ประเด็นดังกล่าวถือว่ากระทบกับความมั่นคงหรือไม่ นายภูมิธรรม ระบุว่า หากพิจารณาในภาพรวมก็จะดูว่ามีปัญหา แต่ประเด็นที่ 1 เรื่องตัดไฟที่จ่ายให้เมียนมา มี 2 จุด คือสะพานมิตรภาพไทย-ลาว ซึ่งบริเวณนั้น ไม่ได้ตัดไฟฟ้า เพราะถือเป็นการใช้ไฟตามปกติ เนื่องจากเป็นแหล่งชุมชนมีศูนย์เด็กเล็ก และแหล่งพยาบาล และไม่มีความเกี่ยวพันกับเรื่องยาเสพติด หรือแก๊งคอลเซ็นเตอร์ อีกส่วนคือ จ.แม่ฮ่องสอน ก็ยังคงจ่ายไฟเช่นกัน เพราะมีชาวบ้านอาศัยอยู่ แต่จุดที่มีปัญหาคือ อ.แม่ระมาด และอ.แม่สอด ซึ่งเราได้ตัดไฟเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อปี 2567 แต่มีประเด็นที่ตนได้สั่งการไป หากพบว่าใคร ที่รู้ว่าจุดใดมีการส่งไฟให้กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และยังมีการจ่ายไฟอยู่ ให้ถือว่าเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดมีความผิด ฝ่ายความมั่นคงเราจะดำเนินการ ซึ่งยืนยันว่าตั้งแต่เดือนมิ.ย. 2567 มีการตัดไฟในจุดที่มีปัญหาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว รวมไปถึงมีการรื้อเสาสัญญาณอินเตอร์เน็ตทั้งหมดแล้ว แต่หากเขาจะใช้เครื่องปั่นไฟเอง ก็ต้องติดตามดู เพราะเป็นเรื่องภายในของเขา
เมื่อถามย้ำว่า แก๊งคอลเซ็นเตอร์ปั่นไฟเองใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ไม่รู้ แต่ถ้าเป็นทางการว่าเราส่งไฟไปให้ ยืนยันว่ายกเลิกทั้งหมดแล้ว แต่อาจจะมีลักลอบส่งไปก็ต้องตรวจสอบกันโดยตลอด ซึ่งมีเจ้าหน้าที่เข้มงวดในบริเวณนั้นอยู่
เมื่อถามว่า ในเร็ววันนี้จะมีการประชุมเรื่องความมั่นคงจะได้ข้อสรุป ปัญหาการส่งไฟไปให้เมียนมากระทบกับความมั่นคงหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า การเปิดปฏิบัติการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด “Seal Stop Safe” ในวันนี้ก็จะเป็นแนวปฏิบัติสูงสุด ที่ทุกหน่วยต้องทำร่วมกัน เพื่อบูรณาการ เพราะวันนี้เป็นการประชุมร่วมกันของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครองที่เกี่ยวข้อง ปปท. รวมถึง กอ.รมน. ถือเป็นการบูรณาการงานให้เป็นหน่วยเดียว และเราจะเพิ่มการซีลชายแดนเพิ่มจากปกติโดยมี 51 อำเภอเข้าไปสนับสนุน เพื่อเป็นการซีลชายแดนชั้นที่ 2 เพราะหากเล็ดลอดมาตามช่องทางธรรมชาติ ก็จะมาพักอยู่ในตัวอำเภอ รวมถึงสถานีตำรวจ 76 สถานี และใช้เวลา 6 เดือนในการประเมินผล ส่วนที่อำเภอแม่สอด เคยมีวิธีการใช้กฎหมาย ซึ่งในอดีตสมัยนายทักษิณ ชินวัตร เคยใช้แล้วได้ผล ก็จะให้จ.ตาก ใช้ตรงนี้เป็นโมเดล ส่วนพื้นที่ภายในก็มีส่วนรับผิดชอบอยู่แล้ว
เมื่อถามว่า มีความกังวลว่าไทยจะถูกปรับลดการตัดอัดการค้ามนุษย์ หรือ เทียร์ ลงเหลือเทียร์ 2 หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ตนไม่ห่วง เพราะ ปัจจุบันเราแก้ไขปัญหาไม่ได้นิ่งเฉยสิ่งที่เราทำทั้งหมดนี้ ไม่ใช่แค่เรื่องยาเสพติดอย่างเดียว แต่จะใช้เรื่องยาเสพติดนำทาง ไปในเรื่องของการปราบปรามอาชญากรรม ออนไลน์ตามแนวชายแดน เช่นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ การค้ามนุษย์ ทุกอย่างจะรวมศูนย์อยู่ในนี้ เรื่องนี้เราได้มีการหารือ ไว้ทั้งหมดแล้ว ทั้งในระดับกองทัพ ตำรวจ เรื่องนี้อยากให้มั่นใจ เมื่อรัฐบาลมอบหมายให้ ฝ่ายความมั่นคงก็จะดำเนินการอย่างเต็มที่ในเรื่องการปราบปรามยาเสพติด เพราะมันเกี่ยวพันหลายเรื่อง จึงอยากให้ประชาชนมั่นใจและสบายใจ ในช่วง 6 เดือน ได้เห็นผลอย่างแน่นอน ซึ่งในส่วนนี้ยังไม่ได้รวมปัญหา จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งต้องมีมาตรการเฉพาะ
ส่วน นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ระบุว่า กระทรวงมหาดไทยสามารถตัดไฟแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ได้เลย หากสัญญาซื้อขายไม่ถูกต้อง ว่า หากกระทรวงมหาดไทยส่งไฟเข้าไปในตึกของแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ ก็สามารถทำได้เลย แต่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ทำสัญญากับบริษัทที่ทางการพม่าและทางการรัฐบาลไทยรับรอง ทั้งนี้ การตัดไฟทำง่ายมากสำหรับผู้จ่ายและผู้ตัด แต่คนประสานงานจ่ายไฟให้ประเทศเพื่อนบ้าน ต้องแจ้งให้เราหยุด ไม่ใช่เราฟังข่าวแล้วหยุดเลย เพราะจะถูกต่อว่า ประชาชนที่ไม่เกี่ยวข้องจะเดือดร้อน ซึ่งเรื่องดังกล่าวมีเงื่อนไขสัญญาขายไฟอยู่ หากทำผิดสัญญา คนที่ลงนามสัญญา ครม.ให้การรับรองการขายไฟให้ประเทศเพื่อนบ้าน หน่วยงานที่ประสานเหล่านี้ต้องแจ้งกระทรวงมหาดไทย ซึ่งตนยืนยันหลักการนี้ ถ้าแจ้งมาเราสับสวิตซ์ทันที
นายอนุทิน กล่าวต่อว่า ตนจะไปรู้ได้ยังไงว่า ไฟเข้าไปในบ้านเลขที่เท่าไหร่ในจังหวัดชเวโกะโก กระทรวงมหาดไทยเราข้ามชายแดนไปได้หรือไม่ ไม่มีคู่เจรจา เพราะฉะนั้นต้องขีดเส้นทำงานให้ชัดเจน จะได้รู้ว่าใครควรรับผิดชอบในส่วนงานด้านไหน ส่วนงานของตนถูกสั่งให้ขาย เมื่อตนถูกสั่งให้หยุดก็จะหยุด
”ก็สั่งมาสิ สั่งมาให้เรียบร้อย และผมก็ต้องรับฟังคำสั่งที่ถูกต้อง มีกฎหมายรองรับ ไม่ใช่ตามข่าว ความรู้สึก ความเชื่อ หรือการวิเคราะห์ของตัวเอง ไม่ใช่บริษัทส่วนตัวของผม จะไปสั่งอะไรได้ เพราะเป็นเรื่องของรัฐ และสนธิสัญญาต่างๆ“ นายอนุทิน กล่าว
เมื่อถามว่า นายภูมิธรรม ระบุว่ากระทรวงมหาดไทยก็เป็นหน่วยงานความมั่นคง สามารถชงเรื่องตัดไฟได้ นายอนุทิน กล่าวว่า ชงไปแล้ว กฟภ.ทำหนังสือไปแล้ว ซึ่งยังไม่ได้รับคำตอบ คำตอบคือสายลม ดังนั้น หากมีคำตอบจากหน่วยงานที่ทำเรื่องไป เราก็พร้อมดำเนินการทันที ต้องขีดเส้นให้ถูก ซึ่งนายกฯ ยังไม่ได้สั่งจะไปทำตามคนอื่นได้ยังไง
น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีได้รับรายงานนายหลิว จงอี้ ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงและสาธารณะ แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน และคณะ เดินทางไปประชุมกับเจ้าหน้าที่ไทย ที่อ.แม่สอด จ.ตาก เพื่อเปิดศูนย์ปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หรือไม่ ว่า "ก็ได้ยินแล้ว เดี๋ยวจะทำงานร่วมกันอีกทีหนึ่ง"
เมื่อถามว่า กรณีทางการจีน ให้ส่งตัว เฉอ จื้อเจียง ผู้ต้องหาชาวจีน ทางกระทรวงยุติธรรมได้มีรายงานเข้ามาหรือไม่ นายกฯ ได้หันไปทาง พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว .ยุติธรรม ก่อนจะระบุว่า"คะ รับทราบแล้วอยู่ในกระบวนการ"
ด้าน นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯกล่าวว่า ตนได้มีโอกาสพูดคุยกับจีนอย่างไม่เป็นทางการอยู่บ่อยครั้ง จึงได้ฝากไปถึงผู้นำและผู้ใหญ่ในประเทศจีน ว่า ปัญหาความร่วมมือในภูมิภาค ก็ต้องอาศัยจีนช่วยเรื่องนี้ด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง จีนก็มีอิทธิพลกับเมียนมา จึงต้องให้จีนช่วย ซึ่งในช่วงนี้ปัญหาการสู้รบในเมียนมา ยังไม่ยุติ
เมื่อถามว่า มีความมั่นใจมากแค่ไหน ว่าจะสามารถทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้ นายทักษิณ กล่าวว่า “วันนี้คอลเซ็นเตอร์ในไทยมีแต่น้อย และไม่ได้ใหญ่ ซึ่งไล่ล่าได้ไม่ยาก แต่ปัญหาคือคอลเซ็นเตอร์ที่อยู่ข้างบ้าน แต่ใช้สื่อสารไทย ซึ่งเราได้เข้มงวดไปแล้ว ว่าให้บริษัทสื่อสารทั้งหลาย อย่าขายซิมเป็นแสนซิม จะไปหวังรายได้ตรงนั้นไม่ได้ เพราะครั้งที่แล้วที่เราจับได้มีซิมเป็นแสน ซึ่งได้เตือนบริษัทที่ทำธุรกิจด้านนี้แล้ว ว่าขอให้ร่วมมือกัน เพื่อให้ปราบปรามได้เต็มที่”
เมื่อถามว่าการตัดไฟฟ้าจะช่วยได้หรือไม่ นายทักษิณบอกว่า แน่นอน ทั้งไฟฟ้าและสื่อสารก็ต้องทำคู่กัน ส่วนกรณีที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯรัและรมว.มหาดไทย บอกว่ายังดำเนินการไม่ได้ เพราะว่าเป็นสัญญาที่ถูกต้อง นายทักษิณ กล่าวว่า สัญญาสามารถยกเลิกได้ ถ้าสัญญานั้นนำไปใช้ในสิ่งไม่ถูกต้อง
ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึง ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศไทยว่า ปัญหานี้กระทบต่อประเทศไทยอย่างแน่นอน เพราะมีเม็ดเงินจำนวนมากไหลออกจากประเทศไปอยู่กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลายครอบครัวต้องจบชีวิตตัวเอง แม้แต่นายกรัฐมนตรีก็ออกมายอมรับว่าเกือบเป็นเหยื่อของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ถือว่าเป็นภัยระดับร้ายแรง ซึ่งไม่ได้ส่งผลกระทบแค่ประเทศไทย แต่ยังส่งผลกระทบต่อหลายประเทศทั่วโลก เรื่องนี้ส่งผลต่อภาพลักษณ์ของประเทศไทยในสายตาของประเทศอื่นๆ รวมไปถึงผลกระทบด้านเศรษฐกิจการท่องเที่ยว ทำให้ถูกมองว่า ประเทศไทยไม่ปลอดภัย หากมาเที่ยวอาจกลายเป็นเหยื่อ และขบวนการค้ามนุษย์ ถือเป็นการทำร้ายประเทศไทยอย่างมาก ตนไม่ได้เป็นการจินตนาการไปเอง เพราะเกิดขึ้นแล้วจากการยกเลิกของทัวร์จีน
“การที่ยังไม่ตัดไฟ ไม่ใช่เพราะเรื่องรายได้ แต่เพราะหากตัดไปแล้วจะกระทบผู้มีอำนาจในประเทศไทยใช่หรือไม่ หรือว่าสุดท้ายที่ตัดไม่ได้เพราะเจอตอหรือไม่ หรือมีการไปทำลายผลประโยชน์ใคร อย่ามาอ้างเรื่องของชาวบ้าน เพราะได้รับเสียงสะท้อนมาว่า ความจริงแล้วชาวบ้านก็ไม่ได้ใช้ไฟในปริมาณมากขนาดนั้น แต่ความเป็นจริงที่ใช้กันมากที่สุดคือ กาสิโนเมียวดีคอมเพล็กซ์ซึ่งเป็นของตำรวจนายหนึ่งยศพลตำรวจตรี เป็นข้อมูลข้อเท็จจริงที่ได้รับมา การขายไฟลักษณะนี้มีผลอย่างยิ่งในการสนับสนุนการกระทำความผิดของแก๊งคอลเซ็นเตอร์และยาเสพติดซึ่ง 2 สิ่งนี้เป็นปัญหาใหญ่ของประเทศไทย และการที่นักการเมืองจะมาบอกว่าไม่รู้เรื่องนี้เป็นไปไม่ได้ เพราะย่อมรู้อยู่แล้ว แต่ไม่ดำเนินการจัดการ และหากไม่จัดการอาจแสดงว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ และทำตัวไม่ต่างกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์และยาเสพติด”