เลขาฯ กกต. แจงแล้ว   คุณสมบัติ  "ผู้ช่วยหาเสียง" เลือกตั้งท้องถิ่น  ยันผู้ช่วยหาเสียงช่วยหาเสียงได้ทุกเขต ไม่เฉพาะเขตที่มีสิทธิ์เลือกตั้งเท่านั้น   ย้ำหลักการนี้เคยตอบข้อหารือพรรคการเมืองแล้ว   ด้าน “สมชัย” อดีต กกต.ยอมรับแนวทาง แต่อยากให้เขียนระเบียบให้รัดกุมกว่านี้  ปล่อย “ ทักษิณ  ธนาธร พิธา” จ้าง 300 เล่น 3 ล้าน 

วันนี้ ( 30 ม.ค.)   นายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต.  ได้โพสต์เฟสบุ๊กชี้แจงเรื่องคุณสมบัติของผู้ช่วยหาเสียงเลือกตั้งสมาชิกและนายก อบจ.   โดยระบุว่าผู้ถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง   เป็นผู้ช่วยหาเสียงไม่ได้    เป็นผู้ไม่มีสิทธิเลือกตั้ง   และเป็นผู้ไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ส่วนผู้ถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้ช่วยหาเสียงได้   เป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้ง และเป็นผู้ไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง

โดยคุณสมบัติของผู้ช่วยหาเสียงในการเลือกตั้งสมาชิกสภาห้องถิ่นหรือผู้บริหารห้องถิ่น  ตามนิยามข้อ 4  ของระเบียบ กกต. ว่าด้วยการหาเสียงและลักษณะต้องห้ามในการหาเสียงเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2563  หมายความว่า  ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง   ที่ได้รับว่าจ้างจากผู้สมัครให้เข้าร่วมกิจกรรมในการโฆษณาหาเสียงเลือกตั้ง

ทั้งนี้ กกต.ได้ออกระเบียบฯ   ดังกล่าวเพื่อให้เป็นไปตามมาตรา 66 ของ พ.ร.บ. ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาห้องถิ่นหรือผู้บริหารห้องถิ่น พ.ศ.2563  ให้การหาเสียงเลือกตั้งเป็นไปด้วยความเรียบร้อยสุจริต และเที่ยงธรรม  ผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่อาจจะเป็นผู้ช่วยหาเสียงได้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งตามนิยามของระเบียบฯ ดังกล่าว หมายความว่า


ผู้มีสิทธิเลือกตั้งตามนิยาม ข้อ 4 ของระเบียบฯ ดังกล่าว ที่กำหนดว่า  ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง   หมายความว่า ผู้มีสิทธิเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น เป็นการกำหนดสถานะของผู้มีสิทธิเลือกตั้งสำหรับการเลือกตั้งสมาชิกสภาห้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น    เพื่อปฏิบัติให้เป็นไปตามระเปียบฯ  ซึ่งเป็นการกำหนดให้สอดคล้องกับนิยามของ  ผู้มีสิทธิเลือกตั้งตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2562 ที่กำหนดใว้ก่อนแล้ว

ผู้มีสิทธิเลือกตั้งตามข้อ 4 ในนิยาม ผู้ช่วยหาเสียง  เป็นการกำหนดนิยามผู้ช่วยหาเสียงเป็นการเฉพาะสำหรับระเบียบนี้   เพราะใน พ.ร.บ. ว่าตัวยการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น    ไม่ได้กำหนดนิยามคำว่าผู้ช่วยหาเสียงไว้  กกต. จึงได้กำหนดนิยามเป็นการเฉพาะสำหรับในระเบียบนี้   โดยอาศัยอำนาจตามมาตรา 66 ของ พ.ร.บ. ว่าด้วยการเลือกสมาชิกสภาห้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น   ซึ่งนิยามผู้ช่วยหาเสียงไม่ได้กำหนดว่าผู้ช่วยหาเสียงต้องเป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งที่ผู้สมัครลงสมัครหรือในเขตเลือกตั้งใด   ดังนั้น การแต่งตั้งผู้สมัครในเขตเลือกตั้งอื่นเป็นผู้ช่วยหาเสียง ย่อมสามารถกระทำได้   หลักการและสาระสำคัญดังกล่าวข้างต้นเป็นหลักการเดียวกันกับ ระเบียบ กกต.ว่าด้วยวิธีการ
หาเสียงและลักษณะต้องห้ามในการหาเสียงสมาชิกสภาผู้แหนราษฎร พ.ศ. 2561 เพื่อให้โอกาสผู้สมัครมีโอกาสในการจ้างผู้ช่วยหาเสียงได้อย่างกว้างขวาง

ทั้งนี้ กกต. และ สนง. กกต.ได้บังคับใช้หลักการนี้   โดยได้ตอบข้อหารือผู้สมัคร หรือพรรคการเมือง รวมทั้งมีหนังสือเวียนแจ้งแนวปฏิบัติแก่ผู้อำนวยการ   สำนักงานคณะกรรมการเลือกตั้งประจำจังหวัดทุกจังหวัดแล้ว  คือตอบข้อหารือพรรคเพื่อชาติ หนังสือ สำนักงานคณะกรรมการเลือกตั้ง ด่วนที่สุด ที่ ลต 0019/2077  ลงวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2562

และตอบข้อหารือพรรคก้าวไกล หนังสือสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ด่วนที่สุด ที่ลต 0015/10234   ลงวันที่ 28 ตุลาคม 2563

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ด้านนายสมชัย  ศรีสุทธิยากร  อดีต กกต. ที่ก่อนนี้ออกมาตั้งข้อสังเกตการตั้งนายทักษิณ ชินวัตร  นายธนาธร  จึงรุ่งเรืองกิจ และ นายพิธา  ลิ้มเจริญรัตน์   เป็นผู้ช่วยหาเสียง ได้อ่านคำชี้แจงของเลขาธิการ กกต.แล้ว  โพสต์เช่นกันว่า   คำชี้แจงจาก กกต. ว่า เคยตอบคำหารือของพรรคก้าวไกล   เมื่อปี 2563 ว่า ผู้ช่วยหาเสียงท้องถิ่นเป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้งในท้องถิ่นใดก็ได้  เพื่อเปิดโอกาสให้มีส่วนร่วมได้อย่างกว้างขวาง

เมื่อเคยมีการพิจารณาแบบนี้  ก็ยอมรับได้ว่า คุณทักษิณ   คุณธนาธร คุณพิธา สามารถทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยหาเสียง รับเงินวันละ 300 เล่นบท 3 ล้านได้

แต่สิ่งนี้ คงเป็นโจทย์ที่ กกต.ต้องคิดต่อในอนาคตว่า เหมาะสมหรือไม่  นำไปสู่การเลือกตั้งที่เที่ยงธรรมหรือไม่    หากเหมาะก็เอาแบบนี้อย่างสนุกสนานต่อไป  หากไม่เหมาะก็เขียนระเบียบให้รัดกุมครับ