"พิชัย" ชง ครม.ภายใน ก.พ.เพิ่มอำนาจ ก.ล.ต.บังคับใช้ กม.ดำเนินคดีอาญาผู้ทำความผิดเร็วขึ้น
เมื่อวันที่ 30 ม.ค.68 นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง เปิดเผยว่า การออก พ.ร.ก.เพิ่มอำนาจให้เจ้าหน้าที่สำนักงานกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เช่น การทำหน้าที่สอบสวน และรวบรวมสำนวนในคดีเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์ ซึ่งกระทรวงการคลัง เตรียมเสนอครม.ภายใน 2 สัปดาห์ โดย พ.ร.ก.จะทำให้การบังคับใช้กฎหมายรวดเร็วขึ้นได้ 6-7 เดือน นอกจากนี้ยังอยากเห็นบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) มีส่วนร่วม และมีบทบาทในการประกอบธุรกิจ และผลักดันอุตสาหกรรมสินทรัพย์ดิจิทัล โดยไม่ต้องจัดตั้งบริษัทใหม่ เพราะมองว่า บล. มีจุดแข็งที่ใกล้ชิดกับผู้ลงทุน และอยู่ภายใต้พ.ร.บ.หลักทรัพย์ มีการกำกับดูแลจาก ก.ล.ต. และอยากเห็นการใช้สินทรัพล์ดิจิทัลที่นำไปสู่การสร้างนวัตกรรมใหม่ที่สร้างมูลค่าให้เกิดขึ้นกับเศรษฐกิจไทย
"อยากเห็นบริษัทหลักทรัพย์ เข้ามามีบทบาทใน Digital asset โดยที่ไม่ต้องไป set บริษัทใหม่ ถ้าทำได้จะดียิ่งขึ้น มันจะช่วยสร้าง satisfied หรือ optimize ให้กับนักลงทุน และอีกสิ่งคือเมื่อจะทำ Digital asset จะกลัวไปหมด รัฐบาลก็กลัว ดังนั้นจึงคิดว่า อยากเห็นว่าเมื่อจะทำ ต้องให้เกิดความสมดุลระหว่างการคุ้มครองผู้ลงทุน กับการพัฒนาไปสู่นวัตกรรมใหม่ ถ้าเราไม่กล้าทำ ก็ไม่เกิด ดังนั้นอาจทำผ่าน sandbox ในพื้นที่จำกัดหรือพื้นที่ทดลอง ด้วยจำนวนที่น้อย และอย่าไปสร้างเงื่อนไขที่เข้มงวด สามารถหยิบผลจากการทดสอบนี้ขึ้นมาทำต่อได้ Gold Standard ไม่ได้เกิดภายในวันเดียว ต้องมีการทดลองก่อน" รองนายกฯ และรมว.คลัง กล่าว
ทั้งนี้ไม่ว่าจะเป็นหลักทรัพย์ในรูปแบบเก่า หรือหลักทรัพย์รูปแบบใหม่ที่เป็น Digital Asset นั้น จริงๆแล้วนักลงทุนก็คือกลุ่มเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นรายย่อย รายใหญ่ นักลงทุนสถาบัน ในประเทศหรือต่างประเทศ หรือกองทุน ถ้าแยกทำเป็น 2 ส่วน จะไม่ได้ช่วยอำนวยความสะดวกให้นักลงทุนเลย เพราะจริงๆแล้ว source of fund ของนักลงทุนก็มาจากที่เดียวกัน ดังนั้นควรจะสามารถเชื่อมกันได้อย่างไร้รอยต่อ
โดยสิ่งที่ต้องการเห็นการดำเนินการอย่างจริงจัง เพื่อเป็นส่วนในการสร้าง trust & confidence ในตลาดทุนของไทย มี 2 เรื่องคือ 1.กระบวนการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังกับผู้กระทำผิด และดำเนินการบังคับใช้กฎหมายกับผู้กระทำผิดในระยะเวลาที่รวดเร็วขึ้น ซึ่งขณะนี้กระทรวงการคลัง และ ก.ล.ต.อยู่ระหว่างการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายร่วมกันในการเพิ่มอำนาจให้ ก.ล.ต.สามารถบังคับใช้กฎหมายได้รวดเร็วขึ้น โดยเฉพาะในกรณีที่มีผลกระทบในวงกว้างt
2.การยกระดับการทำหน้าที่ของ Professional โดยเห็นว่าความรับผิดชอบเฉพาะแค่บุคคลอาจจะไม่เพียงพอหรือไม่ แต่ควรเป็นความรับผิดชอบของสำนักงาน รวมไปถึงความเข้มงวดในการตรวจสอบบัญชี ซึ่งนอกเหนือจากความรู้ที่มีในเรื่องการตรวจสอบบัญชีแล้วต้องมีความเข้าใจใน industry Knowledge ด้วย
โดยที่พูดมาทั้งหมด เพื่อจะทำให้เห็นว่าเราได้ achieve ไปสู่สิ่งที่ทาง ก.ล.ต.บอกไว้ เพื่อให้คนข้างนอกมองเห็นว่า สิ่งที่เราได้ทำไป เมื่อคนข้างนอกมองเห็น ความเชื่อมั่นก็จะตามมา รัฐบาล และผู้กำกับจะทำงานร่วมกัน ด้วยความหวังเห็นประเทศไทยอยู่ในบริบทแห่งความยั่งยืน
#กลต #คลัง #ข่าววันนี้ #คดีอาญา #สยามรัฐออนไลน์ #สยามรัฐ