สำนักงาน ป.ป.ช. จับมือ EXIM BANK และ CAC ประกาศความร่วมมือผลักดันมาตรการจูงใจ ป้องกันการทุจริตคอร์รัปชัน พร้อมขับเคลื่อนธรรมาภิบาล
ในภาครัฐและเอกชน

วันที่ 30 ม.ค.68 นายสาโรจน์ พึงรำพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. พร้อมด้วยนายกุลเวช เจนวัฒนวิทย์ กรรมการผู้อำนวยการสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัท นายพรหเมศร์ เบ็ญจรงค์กิจ ผู้อำนวยการแนวร่วมต่อต้านคอร์รัปชันของภาคเอกชนไทย (CAC) และนายรักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย ร่วมแถลงข่าวประกาศความร่วมมือด้านการสนับสนุนกิจกรรมป้องกันการทุจริตคอร์รัปชัน ระหว่าง ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย ร่วมกับ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ และแนวร่วมต่อต้านคอร์รัปชันของภาคเอกชนไทย (CAC) โดยสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย ณ ห้องนนทบุรี 2 ชั้น 2 อาคาร 4 สำนักงาน ป.ป.ช.

การแถลงข่าวประกาศความร่วมมือด้านการสนับสนุนกิจกรรมป้องกันการทุจริตคอร์รัปชัน ระหว่างธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย ร่วมกับ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ และแนวร่วมต่อต้านคอร์รัปชันของภาคเอกชนไทย (CAC) โดยสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย เป็นการขับเคลื่อนบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) เรื่อง การขับเคลื่อนธรรมาภิบาลและบรรษัทภิบาล ระหว่าง สำนักงาน ป.ป.ช. สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ สมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย และหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ จำนวน 51 แห่ง ที่ลงนามเมื่อวันที่ 20 เมษายน 2566 และดำเนินการตามมติคณะกรรมการ ป.ป.ช. ที่มอบหมายให้สำนักงาน ป.ป.ช. ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับมาตรการจูงใจ (Incentive) เพื่อส่งเสริมให้ภาคเอกชนมีมาตรการและมีส่วนร่วมในการป้องกันการทุจริตตามข้อเสนอแนะขององค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (Organisation for Economic Co - operation and Development: OECD)

ในการขับเคลื่อนเรื่องมาตรการจูงใจ (Incentive) เพื่อส่งเสริมให้ภาคเอกชนมีมาตรการและมีส่วนร่วมในการป้องกันการทุจริต ลำพังเพียงสำนักงาน ป.ป.ช. หน่วยงานเดียว ไม่สามารถดำเนินการให้บรรลุเป้าหมายได้ ต้องบูรณาการความร่วมมือระหว่างภาครัฐ และภาคเอกชน จะนำร่องดำเนินการโดยรณรงค์ส่งเสริมให้บริษัทที่เป็นสมาชิกของแนวร่วมต่อต้านคอร์รัปชันของภาคเอกชนไทย (CAC) ให้สิทธิประโยชน์กับคู่ค้า (Supply Chain) ของบริษัท ควบคู่กับการผลักดันมาตรการจูงใจ (Incentive) ที่ออกโดยภาครัฐ เช่น มาตรการทางภาษี การเข้าถึงแหล่งเงินทุนในการประกอบธุรกิจ เป็นต้น

นอกจากนี้ มีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินของธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) ได้แก่ “White Certificate of Deposit” และ “White EX” ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ด้าน Governance แห่งแรกของเอเชีย เพื่อส่งเสริมมาตรฐานการกำกับดูแลภายในองค์กร โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในด้านการต่อต้านคอร์รัปชันและความโปร่งใสในการดำเนินธุรกิจ โดยมีลูกค้ากลุ่มเป้าหมายคือ หน่วยงานภาครัฐ และเอกชนไทยที่ได้มาตรฐานหรือได้รับการรับรอง โดย ISO หรือ CAC

• บัตรเงินฝากสีขาว (White Certificate of Deposit) วงเงินรวม 5,000 ล้านบาท แบ่งเป็น 3 อายุ คือ ระยะเวลา 3 เดือน อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 2.15 ต่อปี ระยะเวลา 6 เดือน อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 2.20 ต่อปี และระยะเวลา 12 เดือน อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 2.25 ต่อปี

• สินเชื่อ White EX หรือโครงการ EXIM เงินทุนสีขาว สนับสนุนผู้ประกอบการที่พร้อมร่วมต่อต้านทุจริตคอร์รัปชัน โดย EXIM BANK ให้การสนับสนุน ดังนี้

- “White Starter” สำหรับใช้ในกิจการของผู้ประกอบการ SMEs ที่เข้าร่วมกิจกรรมต่อต้านคอร์รัปชันกับ EXIM BANK วงเงินสูงสุด 20 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยพิเศษ เริ่มต้นร้อยละ 5.60 ต่อปี ใน 6 เดือนแรก พร้อมลดค่าธรรมเนียมสินเชื่อ

- “White Intermediate” สำหรับผู้ประกอบการที่ได้แสดงเจตนารมณ์เข้าร่วม CAC (CAC Declared 1 ดาว) และอยู่ระหว่างการขอรับรอง CAC Certified (2 ดาว) หรืออยู่ระหว่างการขอรับรองมาตรฐาน ISO ที่เกี่ยวข้องกับธรรมาภิบาลและการกำกับดูแลกิจการที่ดี สามารถขอรับการสนับสนุนสินเชื่ออเนกประสงค์ หรือสินเชื่อเพื่อการลงทุน อัตราดอกเบี้ยพิเศษ เริ่มต้น 4.75% ต่อปี ในปีแรก วงเงินสูงสุด 50 ล้านบาท โดยมีระยะเวลาผ่อนชำระคืนสูงสุด 5 ปี

- “White Advanced” สำหรับผู้ประกอบการที่ได้รับการรับรอง CAC Certified (2 ดาว) หรือ ได้รับรอง CAC Change Agent (3 ดาว) ตลอดจนผู้ประกอบการที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO 37001 หรือมาตรฐานที่เกี่ยวข้อง EXIM BANK พร้อมสนับสนุนเงินทุนเพื่อใช้ในกิจการ วงเงินสูงสุด 100 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้นตลอดปีแรก 3.75% ต่อปี ผ่อนชำระคืนสูงสุด 7 ปี

​ผลิตภัณฑ์การเงินของ EXIM BANK เป็นส่วนหนึ่งของการผลักดันมาตรการจูงใจ (Incentive) เพื่อส่งเสริมให้ภาคเอกชนมีมาตรการและมีส่วนร่วมในการป้องกันการทุจริตที่ออกโดยภาครัฐ เป็นการขับเคลื่อนเรื่องธรรมาภิบาลและบรรษัทภิบาลในภาครัฐวิสาหกิจ และภาคเอกชนที่เป็นคู่สัญญากับหน่วยงานรัฐวิสาหกิจตามบันทึกข้อตกลง ความร่วมมือ (MOU) และมติคณะกรรมการ ป.ป.ช. เพื่อสนับสนุนการขับเคลื่อนการเข้าเป็นสมาชิกองค์การ เพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (Organization for Economic Co-operation and Development: OECD) ของประเทศไทยตามเป็นนโยบายของรัฐบาล