วันที่ 29 ม.ค.68 ที่กระทรวงมหาดไทย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว. มหาดไทย แถลงภายหลังเป็นประธานการประชุมกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ(บกปภ.ช.ฉ เพื่อติดตามปัญหาหมอกควัน ไฟป่าและฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) ว่า วันนี้ประชุมกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ ว่าด้วยเรื่องหมอกควันพิษไฟฟ้าและฝุ่นละออง PM 2.5 การประชุมวันนี้ไม่ใช่เป็นการประชุมในเรื่องเฉพาะกระทรวงมหาดไทย แต่เป็นการประชุมบูรณาการความร่วมมือ ของทุกภาคส่วนราชการ ภายใต้พ.ร.บ.ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เมื่อเกิดสถานการณ์ ที่เป็นภัยพิบัติระดับชาติ ในกฎหมายจะให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นผู้บัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ซึ่งในกรณีนี้ถือเป็นความโชคดีที่กระทรวงมหาดไทยได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากนายกรัฐมนตรี ที่ได้แสดงความห่วงใยในปัญหา สั่งการขณะเดินทางร่วมการประชุมยังต่างประเทศ และให้ถือเป็นวาระระดับชาติ ซึ่งพร้อมที่จะให้การสนับสนุนทุกรูปแบบเพื่อให้ประชาชน เกิดความปลอดจากสภาวะหมอกควัน
นายอนุทิน กล่าวต่อว่า ทุกหน่วยงานต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด โดยใน 3 เดือนนี้ ต้องไม่มีการเผาป่า เผาในที่โล่งแจ้ง เผาซากผลผลิตทางการเกษตร เพราะสิ่งเหล่านี้ก่อให้เกิดความเสียหายอย่างมหาศาลต่อประเทศ และสุขภาพประชาชน พร้อมย้ำว่า แม้ว่าก่อนหน้านี้จะมีการกำหนดวันเผาแต่ในที่ประชุมเห็นพ้องต้องกันว่า จะตัดวันเผาออกไป แต่จะต้องไม่เผา เพราะหากเขาจะผิดกฎหมาย มีการดำเนินคดี มีมาตรการลงโทษ และที่สำคัญจะไม่ได้รับเงินช่วยเหลือหรือสิทธิ การช่วยเหลือใดจากทางราชการ โดยมอบหมายให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดรับมอบอำนาจเบ็ดเสร็จ สามารถสั่งการดำเนินการป้องกัน ไม่ให้เกิดภัยพิบัติ ไฟป่าและการเผาในทุกรูปแบบ อย่างเต็มที่ และไม่มีการตั้งวอร์รูมแถลงความคืบหน้าการดำเนินการทุกวัน โดยมอบหมายให้นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ประชาสัมพันธ์เผยแพร่ข่าวสาร ให้ประชาชนรับทราบ
สำหรับข้อสรุปของที่ประชุมวันนี้ การดำเนินการทุกอย่างจะต้องห้ามเผาใครเผาถือว่าผิดกฎหมาย มีบทลงโทษที่รุนแรง ขอให้เข้าใจรัฐบาลในการดูแลภาพรวม เพราะเมื่อดูแลบ้านของเราเรียบร้อยแล้ว เราก็จะมีความพร้อมไปเจรจาเพื่อนบ้าน โดยจะไม่ให้ความร่วมมือซื้อสินค้า ไม่ให้ความร่วมมือเป็นจุดผ่านสินค้าไปยังประเทศที่สาม แซงชั่น และเชื่อว่าจะได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี ในเบื้องต้น ที่ประชุมมีการหารือเรื่องการของบกลางเพื่อช่วยเหลือค่าใช้จ่าย เพื่อรณรงค์ให้ชาวบ้าน เปลี่ยนจากการเผาเพื่อเตรียมหน้าดิน มาเป็นรูปแบบอื่น เพื่อให้มลพิษนั้นหมดไป ในรูปแบบ อาทิ เครื่องบีบอัดเศษพืชผลทางการเกษตร แทร็กเตอร์ ค่าน้ำมัน เพื่อเป็นทางเลือกให้ชาวบ้าน พร้อมกับยังผู้ว่าราชการจังหวัดดูงบที่แต่ละจังหวัดมีการจัดสรรไว้ ว่าจะสามารถช่วนเหลือส่วนใดได้บ้าง
เมื่อถามว่า จะมีมาตรการอย่างไรหากยังหากยังมีการเผาอยู่ในพื้นที่ต่างๆ นายอนุทิน กล่าวว่า จะออกมาในลักษณะการขอความร่วมมือก่อน หากยังพบการเผาแสดงว่ายังไม่ได้บังคับใช้กฎหมายอย่างเต็มที่ของผู้ราชการจังหวัด ทุกอย่างเป็นไปตามกติการสากล ผู้ว่าราชการจังหวัดจะต้องให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่อยู่แล้ว เพราะนี่เป็นข้อสั่งการมีกฎหมายรองรับอยู่แล้ว เพราะนายกฯเอาเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ และหากพบว่าผู้ว่าฯคนใดยังละเว้นอยู่ ก็ต้องมาอยู่ตึกหลังนี่ นายกฯรีบเซ็นให้อยู่แล้ว
เมื่อถามถึงการเจรจาขอความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านมีกรอบระยะเวลาหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า การเจรจาก็เจรจาไป เราก็ทำของเรา เพราะขณะนี้รมว.การต่างประเทศ และรมว.พาณิชย์ เขาก็ทำกันอยู่แล้ว โดยมีการชี้แจงในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) แล้ววานนี้(28ม.ค.)