“หมอเอก” โพสต์ ตั้งข้อสังเกต กมธ. วิสามัญบุหรี่ไฟฟ้า พบ กมธ. ให้เวลากลุ่มรณรงค์แบนบุหรี่ไฟฟ้าชี้แจงเต็มที่ แถมระดมเครือข่ายมาให้ข้อมูลเยอะกว่า และจัดกิจกรรมรณรงค์ล่ารายชื่อกดดัน กมธ. อย่างต่อเนื่อง จากกรณีเอ็นจีโอสายสุขภาพออกข่าวดิสเคตดิต รายงานของ กมธ. วิสามัญบุหรี่ไฟฟ้าที่มี ส.ส. พรรคเพื่อไทยเป็นประธาน หลังรู้ผลแพ้โหวตใน กมธ.
วันที่ 29 ม.ค.68 นพ.เอกภพ เพียรพิเศษ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) เขต 1 จังหวัดเชียงราย และอดีตรองประธานคณะอนุกรรมาธิการ คณะกรรมาธิการการสาธารณสุข สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 25 กล่าว โพสต์ข้อความผ่านบัญชี X ส่วนตัวให้ข้อมูลกรณีการตั้งข้อสงสัยถึงการทำงานของคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อศึกษากฎหมายและมาตรการควบคุมกำกับบุหรี่ไฟฟ้าในประเทศไทย (กมธ.) ระบุว่า มีโอกาสได้เข้าร่วมประชุมด้วยในฐานะที่ปรึกษา และเห็นว่ามีการเชิญทั้งผู้ที่สนับสนุนและผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับการควบคุมบุหรี่ไฟฟ้าถูกกฎหมายเข้ามาร่วมให้ข้อมูล และทุกฝ่ายได้ใช้เวลาของ กมธ. ในการเสนอข้อมูลอย่างเต็มที่
ผู้สื่อข่าวสอบถามเพิ่มเติมไปยัง นพ.เอกภพ ซึ่งได้ย้ำว่า “มีการแต่งตั้งกรรมาธิการ 35 คน ตามสัดส่วนของพรรคการเมืองในสภาผู้แทนราษฎร แต่ละท่านก็มีความรู้ความเชี่ยวชาญในสาขาที่แตกต่างกัน กมธ. บางส่วนเป็นบุคลากรทางการแพทย์ ซึ่งมีจุดยืนเรื่องสุขภาพอย่างชัดเจนที่จะไม่เอาบุหรี่ไฟฟ้า ขณะที่ กมธ. ส่วนใหญ่มาจากพรรคการเมืองหลักๆ ส่วน กมธ. 2 ท่านมาจากผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งมีเพียง 2 เสียง ไม่อาจเทียบกับจำนวน กมธ. ที่มาจากสายการแพทย์ที่มีจำนวนมากกว่าด้วยซ้ำ อีกทั้งกมธ. ยังมีการเชิญผู้เชี่ยวชาญและหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมสรรพสามิต กรมควบคุมโรค แพทย์สาขาต่างๆ เครือข่ายรณรงค์ต่อต้านการสูบบุหรี่รวมทั้งผู้แทนองค์การอนามัยโลก (WHO) เข้ามาให้ข้อมูลด้วย แต่หลังจาก กมธ. พิจารณาทุกมิติแล้วส่วนใหญ่เห็นควรให้นำมาควบคุมให้ถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อป้องกันเด็กและเยาวชนได้อย่างเต็มที่”
นพ.เอกภพ ยังได้กล่าวเสริมว่า “ถ้าจะมีการแทรกแซงผลการศึกษาน่าจะเป็นฝ่ายที่อยากเห็นบุหรี่ไฟฟ้ายังถูกแบนเหมือนเดิมมากกว่า เพราะว่าระดมเครือข่ายฝั่งตัวเองมาให้ข้อมูลเยอะกว่า มีการจัดกิจกรรมรณรงค์ล่ารายชื่อกดดัน กมธ. และใช้โควต้าพรรคการเมืองต่างๆ เข้ามานั่งเป็น กมธ. เช่นกัน” พร้อมฝากให้ประชาชนติดตามรายงานของ กมธ. ชุดนี้ ซึ่งล่าสุดรอบรรจุวาระเพื่อให้สภาฯ รับทราบ
“ผมเชื่อว่า กมธ. ได้ทำงานอย่างเต็มที่ โปร่งใส พิจารณาข้อดี-ข้อเสียจากทุกมุมมอง ทุกมิติ และมีเป้าหมายในการจัดการบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งการแบนทิพย์ในปัจจุบันได้สร้างปัญหาไว้มากมาย โดยเฉพาะการเข้าถึงของเยาวชนและการริดรอนสิทธิผู้สูบบุหรี่ การเชิญตัวแทนจากทั้งสองฝ่ายให้ข้อมูลและร่วมทำงานถือเป็นเรื่องปกติในระบอบประชาธิปไตยที่ต้องเปิดรับฟังความเห็นต่าง เพราะกฎหมายนี้จะกระทบกับทุกฝ่าย ทั้งผู้สูบบุหรี่ ผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้า และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องอื่น ๆ จึงอยากฝากให้ประชาชนอย่าเพิ่งมีอคติเพียงเพราะได้ยินว่าเป็นเรื่องของบุหรี่ไฟฟ้า หรือได้รับข้อมูลเพียงด้านเดียวเพื่อหวังผลดิสเครดิต กมธ.”
โดยก่อนหน้านี้ นพ.เอกภพได้ออกมาเรียกร้องให้ประเทศไทยทบทวนแนวทางการควบคุมยาสูบอย่างเร่งด่วน เพราะมีข้อสงสัยเรื่องการใช้งบประมาณด้านการควบคุมยาสูบที่ไม่โปร่งใส และยังพบว่ามาตรการควบคุมบุหรี่ในปัจจุบันล้มเหลวในหลายด้าน ทั้งการเก็บภาษีบุหรี่อย่างสุดโต่งและการแบนบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งเป็นมาตรการที่ใช้มานาน แต่ไม่ได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้น เพราะจำนวนผู้สูบบุหรี่ในไทยแทบไม่ลดลง