วันที่ 29 ม.ค.68 ที่อาคารไอราวัตพัฒนา ศาลาว่าการ กทม.ดินแดง นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวความคืบหน้าการดำเนินการเรื่องทุจริตเครื่องออกกำลังกายว่า ยืนยันว่าไม่ได้ยุติเรื่องการสอบสวน เมื่อเกิดเรื่องขึ้น ได้ตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง พบว่ามีข้าราชการเกี่ยวข้อง 33 ราย จึงตั้งคณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรง จนพบว่าไม่มีหลักฐานข้าราชการ 19 คน จึงยุติการสอบสวนดังกล่าว เพื่อให้ความเป็นธรรม
ส่วนอีก 14 คน พบว่ามีส่วนเกี่ยวข้อง จึงดำเนินการสอบวินัยต่อไป แต่กระบวนการยังไม่สิ้นสุด เพราะผลการสอบวินัยร้ายแรงต้องส่งไปยังสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการกรุงเทพมหานครและบุคลากรกรุงเทพมหานคร (สำนักงานก.ก.) พิจารณาและมีมติก.ก.ก่อนให้ประธานคณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรงแถลงผลการสอบสวนอย่างทางการ เพราะตนเป็นผู้สั่งการเท่านั้น ไม่ทราบรายละเอียดทั้งหมด
ทั้งนี้การตรวจวินัยร้ายแรง เป็นไปตามระเบียบราชการ ที่จะสอบสวนตามอำนาจหน้าที่ของข้าราชการในแต่ละระดับ ที่ผ่านมากทม.เคยสอบวินัยหลายครั้ง แต่ไปไม่ถึงความผิดทางวินัยร้ายแรง และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลมีความผิดก็มีจำนวนมาก กทม.จึงต้องกลับมาลงความผิดทางวินัยเพิ่ม เพราะ ป.ป.ช.มีอำนาจในการสอบสวนทางอาญามากกว่ากทม.
อย่างไรก็ตามเรื่องดังกล่าวทำให้การขอจัดสรรงบประมาณปี 68 มีความรอบคอบและเข้มข้นมากขึ้น ข้าราชการมีความตื่นตัวในเรื่องนี้ เพราะเป็นเรื่องใหญ่กระทบต่อความรู้สึกของประชาชนและไม่เคยมีข้าราชการระดับผู้อำนวยการ ถูกตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายแรง ถือว่าเรื่องดังกล่าวเป็นครั้งแรก ทำให้ข้าราชการทุกคนปฏิบัติตามกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง เพื่อให้เกิดความโปร่งใส
ส่วนกรณีที่นายศุภณัฐ มีนชัยนันท์ ส.ส.กทม.พรรคประชาชน (ปชน.) เรียกร้องให้ กทม.เปิดเผยผลการสอบนั้น กทม.ยินดีเปิดผลการสอบทั้งหมด เพราะจะได้เห็นช่องโหว่ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการทุจริตในอนาคต รวมทั้งยินดีตรวจสอบทุกโครงการทั้งหมดที่เกี่ยวข้องถ้ามีข้อมูลการทุจริต