เมื่อวันที่ 28 ม.ค.68 นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า จากดำเนินการนโยบายให้ประชาชนได้ใช้บริการรถไฟฟ้าและรถโดยสารประจำทางสาธารณะ (รถเมล์) ฟรี รวมระยะเวลา 7 วัน ตั้งแต่วันที่ 25 - 31 มกราคม 2568 เพื่อต้องการให้ปริมาณการใช้รถยนต์ส่วนบุคคลลดลง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อลดปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) ทั้งนี้ล่าสุดสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ได้รายงานข้อมูลจากการเก็บสถิติ พบว่า โดยปกติแล้ว ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) จะมีปริมาณรถยนต์อยู่ที่ประมาณ 10 ล้านคัน โดยจำนวนดังกล่าว แบ่งเป็น รถยนต์ส่วนบุคคล ประมาณ 5 ล้านคัน ซึ่งภายหลังจากดำเนินการมาตรการดังกล่าว เพื่อสนับสนุนให้ประชาชนหันมาใช้ระบบขนส่งสาธารณะ พบว่า การใช้รถยนต์ส่วนบุคคล ลดลงประมาณ 10% หรือลดลง 5 แสนคัน ประกอบกับในวันนี้ (28 มกราคม 2568) ค่าฝุ่น PM2.5 ในพื้นที่เขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ลดลงอย่างมาก เมื่อเทียบกับวันที่ 24 มกราคม 2568 ที่ผ่านมา หรือก่อนที่จะเริ่มให้ประชาชนได้ใช้บริการรถสาธารณะฟรี
นายสุริยะ กล่าวต่อว่า สำหรับภาพรวมปริมาณผู้ใช้รถไฟฟ้าทั้งหมดของเมื่อวานนี้ (27 มกราคม 2568) อยู่ที่ 2,172,345 คน-เที่ยว เพิ่มขึ้น 23.65% จากเมื่อวันที่ 24 มกราคม 2568 ที่มีผู้ใช้บริการรวม 1,756,772 คน-เที่ยว ทั้งนี้ ได้มอบหมายให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังคงติดตามการให้บริการอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในบริเวณที่มีผู้โดยสารหนาแน่น เพื่ออำนวยความสะดวกในการให้การบริการเป็นไปอย่างรวดเร็ว ตรงเวลา และมีประสิทธิภาพสูงสุด ตามที่ได้รับมอบหมายอย่างเคร่งครัด
ขณะที่องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ได้รายงานข้อมูลถึงสถิติจำนวนผู้โดยสารใช้บริการรถเมล์ฟรี โดยเมื่อวันเสาร์ที่ 25 มกราคม 2568 มีจำนวน 580,287 คน มีผู้โดยสารเพิ่มขึ้น 175,974 คน เพิ่มขึ้น 43% เมื่อเปรียบเทียบกับวันเสาร์ที่ 18 มกราคม 2568 ขณะที่วันอาทิตย์ที่ 26 มกราคม 2568 มีจำนวน 596,662 คน เปรียบเทียบกับวันอาทิตย์ที่ 19 มกราคม 2568 เพิ่มขึ้น 43.84% สะท้อนให้เห็นว่า ประชาชนให้การตอบรับที่ดี และพร้อมที่จะเข้าร่วมการรณรงค์ในการลดใช้รถยนต์ส่วนบุคคลอย่างชัดเจน อย่างไรก็ตาม รถเมล์ทุกคัน ได้ดำเนินการตรวจสภาพรถโดยสารให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน และตรวจวัดควันดำก่อนนำรถออกให้บริการ เพื่อช่วยลดการเกิดมลภาวะทางอากาศ
สำหรับแนวทางการชดเชยในส่วนของรายได้จะใช้ทั้งหมด 190.41 ล้านบาท แบ่งเป็น ในส่วนของรถไฟฟ้า จำนวน 138.7 ล้านบาท และ องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) จำนวน 51.7 ล้านบาท ซึ่งมูลค่าดังกล่าวนั้นเป็นการประเมินจากสถิติย้อนหลังตามค่าเฉลี่ย และไม่ได้นำจำนวนผู้ใช้บริการที่เพิ่มขึ้นเข้ามาคำนวณแต่อย่างใด และยอดชดเชยดังกล่าวมาจากงบกลาง เบื้องต้นจะนำเข้าเสนอให้ครม. เพื่อขออนุมัติภายในสัปดาห์หน้าต่อไป แต่ในส่วนของ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย(รฟม.) จะเป็นการใช้เงินทุนหมุนเวียนจากกำไรสะสม เข้ามาชดเชยส่วนดังกล่าว จึงไม่ต้องใช้งบประมาณส่วนกลางแต่อย่างใด
นายสุริยะ กล่าวต่อว่า จากภาพรวมปริมาณการใช้รถไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นในขณะนี้ สะท้อนให้เห็นว่า มาตรการอัตราค่าโดยสาร 20 บาทตลอดสาย จะประสพผลสำเร็จ และมั่นใจว่า ประชาชนจะให้การตอบรับที่ดี และหันมาใช้รถสาธารณะเพิ่มสูงขึ้น ดังนั้นขอยืนยันว่า รถไฟฟ้า ทุกสี และทุกสายนั้นจะเข้าร่วมโครงการ ตามที่กำหนดไว้อย่างแน่นอน
นายสุริยะ กล่าวอีกว่า สำหรับแผนระยะกลาง - แผนระยะยาวนั้น จะเร่งดำเนินการส่งเสริมการขนส่งสาธารณะ พร้อมกับเปลี่ยนเครื่องยนต์เป็นพลังงานสะอาดเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รวมถึงพิจารณาด้านมาตรการการจัดเก็บค่าธรรมเนียมรถติด (Congestion Charge) โดยการสร้างการรับรู้และความเข้าใจต่อพี่น้องประชาชน อีกทั้ง ปรับภาษีสรรพสามิตและภาษีศุลกากรสำหรับยานยนต์ไฟฟ้า (EV) นอกจากนั้น จะจำกัดการใช้รถยนต์เก่า หรือจัดเก็บภาษีรถเก่า และเสริมสร้างแนวความคิดในการบูรณาการสวัสดิการกับนโยบายของแต่ละหน่วยงาน ในส่วนของรถโดยสารสาธารณะ จะปรับสู่รูปแบบ EV ทั้งหมด เพื่อมุ่งเน้นสร้างเสถียรภาพ และแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืนในระยะยาว