Pi Daily DeepSeek จุดเปลี่ยนที่น่าสนใจกับกลุ่ม Tech หากมองในอีกมุมเงินอาจไหลออกจาก Tech เข้ากลุ่ม Traditional ซึ่งหุ้นไทยได้ประโยชน์ ยังคงแนะสะสมเช่นเดิมเพราะ Domestic Play ไม่มีผลกับ Tech

บล.พาย เผยว่า ตลาดหุ้น Dow Jones เมื่อคืนปิดบวก 289 จุด (+0.65%) อย่างไรก็ตามดัชนี S&P500 , Nasdaq ปรับลงรับแรงกดดันจากการขายหุ้น Tech ด้านราคาน้ำมันดิบ BRT ปิดลบ 1.8% หลังมีรายงานว่า DeepSeek กำลังได้รับความสนใจทำให้นักลงทุนมีความกังวลเกี่ยวกับพลังงาน

เมื่อคืนที่ผ่านมาราคาหุ้น NVIDIA ปรับฐานแรง 16.8% และกดดันให้กลุ่ม Technology ใน S&P500 ปรับฐานราว 5.6% นักลงทุนกลับมากังวลกับความสามารถในการทำกำไรของ NVIDIA ว่าจะสามารถรักษาการเติบโต อัตรากำไรขั้นต้นรวมไปถึงผลตอบแทนผู้ถือหุ้นระดับนี้ต่อไปได้หรือไม่ ในเมื่อบริษัท Tech ของจีนนั้นสามารถพัฒนา AI ด้วยต้นทุนที่ต่ำกว่ามาก DeepSeek นั้นมีค่าบริการ 0.55 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อคำถาม 1 ล้าน Tokens ส่วน ChatGPT นั้นอยู่ที่ 2.5 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อ 1 ล้าน Tokens ซึ่งบริษัทที่ก่อตั้ง DeepSeek นั้นใช้เงินลงทุนเพียง 190 ล้านบาทในขณะที่ OpenAI ใช้เงินลงทุนมากถึง 1.68 แสนล้านบาท และ DeepSeek พึ่งก่อตั้งมาเพียง 1 ปีกว่าๆเท่านั้น หรืออย่าง Microsoft ก็ทุ่มเงินกับโครงการ AI มากถึง 3.38 แสนล้านบาท จากการทดลองพบว่าทั้ง ChatGPT , DeepSeek สามารถใช้ภาษาไทยและอังกฤษได้อย่างคล่องตัว แต่การตอบคำถาม ChatGPT จะทำได้ดีกว่า

ขณะที่การสร้างรูปนั้นพบว่า DeepSeek ยังมิสามารถทำได้ แต่หากเป็นการ Search ข้อมูลทั่วไปถือว่าทำได้ใกล้เคียงกัน ก็เป็นที่น่าสนใจว่าจากนี้จะสามารถพัฒนาให้ขึ้นไปใกล้เคียงกับ ChatGPT ด้วยต้นทุนที่ยังต่ำต่อเนื่องได้หรือไม่ หากเป็นเช่นนั้นอาจเกิดคำถามว่าบริษัทต่างๆที่ลงทุนด้าน AI ยังจำเป็นต้องลงทุนมหาศาลอีกหรือไม่ และผู้ให้บริการอย่าง OpenAI จะยังสามารถรักษาลูกค้าได้หรือไม่ท่ามกลางค่าบริการรายเดือนที่สูงกว่า DeepSeek อย่างมาก ซึ่งทั้งหมดมีผลกับคำสั่งซื้อที่ส่งไปยัง NVIDIA ในขณะอีกมุมมองก็พบว่ากลุ่ม Tech สหรัฐฯนั้นปรับขึ้นมาต่อเนื่องและ Valuation แพง (นักลงทุนคาดหวังสูง) ดังนั้นหากผลประกอบการไม่เป็นไปตามคาดการณ์ก็เสี่ยงจะปรับฐานแรง นักลงทุนจึงควรระมัดระวังเป็นอย่างมาก ระยะสั้นนั้นอาจสร้างผลกระทบต่อกลุ่ม Tech ในไทยอย่าง DELTA ซึ่งวานนี้ปรับลง (-6.1%) และสร้างแรงกดดันต่อ SET 8.9 จุด แต่ก็ยังไม่น่าสนใจเช่นเดิมด้วย Valuation ที่แพง วันนี้ประเมิน SET เคลื่อนไหวในกรอบ 1330 – 1350 ในเชิงกลยุทธ์การลงทุนประเมินตลาดหุ้นไทยอาจมีแรงกดดันจาก DELTA กดดันดัชนีแต่กับหุ้นกลุ่มอื่นๆเชื่อว่าไม่มีผลกระทบมากนักเพราะที่เหลือนั้นเป็น Domestic Play จึงเน้นสะสมได้เช่นเดิม (อย่ามองที่ดัชนีมากนัก) เน้นหุ้นขนาดใหญ่ที่เป็นผู้นำอุตสาหกรรม อาทิ ค้าปลีก (BJC CRC CPALL HMPRO) ศูนย์การค้า (CPN) การเงิน (MTC SAWAD) ท่องเที่ยว (AOT CENTEL MINT) เครื่องดื่ม (SAPPE) 

CENTEL (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 48.25 บาท)
มีมุมมองเป็นบวกต่อกำไรใน 4Q24 ด้วยแนวโน้มเติบโต QoQ ตามปัจจัยฤดูกาล ถึงแม้มีโอกาสอ่อนตัว YoY ด้วยค่าใช้จ่ายโรงแรมเปิดใหม่ที่สูงขึ้น และโรงแรมเดิมที่อย่ระหว่างปรับปรุง 2 แห่งคาดให้บริการได้บางส่วนในปลายปี 2024 อย่างไรก็ตามในปี 2025 เราเห็นแนวโน้มที่ดีของธุรกิจหลัก หนุนด้วยการเติบโตของนักท่องเที่ยว และ RevPar ที่คาดสูงขึ้น จากการปรับอัตราค่าที่พักให้เหมาะสมกับโรงแรมที่ได้รับการปรับปรุงในปี 2024

CPF (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 28.75 บาท)
ปัจจัยบวกจากแนวโน้มผลประกอบการงวด 4Q24 ต่อเนื่องถึง 1Q25 จะยังเห็นการเติบโตได้ต่อเนื่องเมื่อเทียบกับปีก่อน โดยได้รับผลดีจากราคาเนื้อสัตว์ในประเทศที่ยังอยู่ในระดับสูงได้ โดยเราคาดกำไรสุทธิงวด 4Q24 ที่ระดับ 4,000 ล้านบาท เพิ่มมากจากปีก่อนเพราะราคาเนื้อสัตว์ดีขึ้น แต่ลดลงกว่า 44%QoQ ซึ่งเป็นผลตามฤดูกาล Low Seasons ของธุรกิจสัตว์น้ำ สำหรับแนวโน้มช่วง 1Q25 ได้รับแรงหนุนจากราคาเนื้อสัตว์ที่กลับมาฟื้นตัวและฐานที่ต่ำในปีก่อน

#บลพาย #ข่าววันนี้ #หุ้นไทย #ตลาดหุ้น #สยามรัฐ #สยามรัฐออนไลน์