ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า เมื่อวันที่ 26 มกราคม2568 บริเวณป่าทิศใต้บ้านพาชื่น ตำบลกาบเชิง อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยทับทัน-ห้วยสำราญ ทับซ้อนเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าทุ่งมน ป่าบักได และป่าตาเบา แปลงที่ 3 เจ้าหน้าที่ได้สนธิกำลังพล ประกอบด้วย เจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยทับทัน-ห้วยสำราญ, ชุดปฏิบัติการเดินลาดตระเวนเชิงคุณภาพ Smart Patrol ชุดที่ 2 (หน่วยพิทักษ์ป่าเขาแหลม) , เจ้าหน้าที่ชุดสายตรวจส่วนกลางฯ, เจ้าหน้าที่ตำรวจชุด ปทส.กก.สืบสวน ภ.จว.สุรินทร์, ดังมีรายชื่อปรากฏตามท้ายบันทึกนี้ ได้ร่วมกันจับกุมตัว
โดย นายสำราญ อายุ 34 ปี บ้านตาเกาว์พัฒนา หมู่ที่ 18 ต.กาบเชิง อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์พร้อมด้วยตรวจยึดไม้ของกลางไม้ของกลางฯ และอุปกรณ์ของกลางในการกระทำความผิด ไม้กราดแปรรูปถากกลม จำนวน 1 ท่อน รถเข็นโครงไม้ จำนวน 1 คัน ไฟฉายคาดศีรษะ จำนวน 1 อัน ในการจับกุม ผู้จับกุมได้แจ้งให้ นายสำราญ ผู้ถูกจับทราบถึงสิทธิตามกฎหมาย ผู้ถูกจับมีสิทธิที่จะไม่ให้การหรือให้การก็ได้ ถ้อยคำของผู้ถูกจับนั้นอาจใช้เป็นพยานหลักฐานในการพิจารณาคดีได้ ผู้ถูกจับมีสิทธิที่จะพบและปรึกษาทนายความ หรือผู้ซึ่งจะเป็นทนายความเป็นการเฉพาะตัว มีสิทธิให้ทนายความหรือผู้ซึ่งตนไว้วางใจเข้าฟังการสอบปากคำตนได้ในชั้นสอบสวน มีสิทธิแจ้งให้พนักงานแจ้งให้ญาติหรือผู้ไว้วางใจทราบถึงการถูกจับกุมและสถานที่ถูกควบคุมในโอกาสแรก ถ้าผู้ถูกจับกุมได้รับการเยี่ยมหรือติดต่อกับญาติได้ตามสมควร ผู้ถูกจับมีสิทธิ์ที่จะรับการรักษาพยาบาลโดยเร็วเมื่อเกิดการเจ็บป่วย
เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ได้ กล่าวหาว่า มีความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้พุทธศักราช 2484 มาตรา 11 ฐาน” ทำไม้หวงห้ามโดยมิได้รับอนุญาต” มาตรา 48 ฐาน” แปรรูปไม้หวงห้าม ครอบครองไม้แปรรูปหวงห้ามโดยไม่ได้รับอนุญาต” พ.ร.บ. ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 มาตรา 14 ฐาน ทำไม้ กระทำด้วยประการใดๆอันเป็นการเสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติโดยไม่ได้รับอนุญาต และ พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 มาตรา 53 วรรคหนึ่ง ฐาน “เข้าไปในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต”
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ ชุดจับกุม ได้แจ้ง พฤติการณ์ในการจับกุม คณะเจ้าหน้า ได้เดินลาดคระเวนตามแผน Smart Patrol โดยมีคณะเจ้าหน้าที่ตำรวจหน่วยปฏิบัติการพิเศษภูธรจังหวัดสุรินทร์ ครั้นระหว่างทางการลาดตระเวนเวลาประมาณ 14.30 น. คณะเจ้าหน้าที่ชุดลาดตระเวนพบไม้ถูกตัดโค่นล่มลงคาตอจำนวน 1 ท่อน และ ไม้ท่อนดังกล่าวถูกแปรรูปถากกลมเอาไว้โดยร่องรอยที่พบเป็นรอยการใช้ขวานถาก คณะเจ้าเหน้าที่จึงได้วางกำลังดักซุ่มรอบจุดที่พบไม้ดังกล่าว ขณะดักซุ่มอยู่ คณะเจ้าหน้าที่พบบุคคลชาย จำนวน 1 คน กำลังชักลากรถเข็นไปยังจุดที่มีไม้โดนตัดเอาไว้
จนกระทั่ง คณะเจ้าหน้าที่ชุดดักซุ่มพบชายคนดังกล่าวที่เข็นรถเข็นไปยังจุดที่มีการตัดไม้และแปรรูปทิ้งไว้ได้ยกลำเลียงไม้ที่ถูกตัดและแปรรูปทิ้งไว้ดังกล่าวขึ้นรถเข็นที่เข็นชักลากไปเมื่อข้างต้น พอยกไม้ดังกล่าวขึ้นรถเข็นเสร็จชายคนดังกล่าวได้เดินออกไปจากจุดที่เกิดเหตุเพื่อสำรวจเส้นทางที่จะชักลากไม้ในที่เกิดเหตุออกจากพื้นที่ คณะเจ้าหน้าที่ชุดดักซุ่มจึงได้แสดงตัวเป็นเป็นพนักงานเจ้าหน้าทีเพื่อเข้าจับกุม พอชายคนดังกล่าวทราบเป็นเจ้าหน้าที่ ได้พยายามที่จะหลบหนีแต่ถูกคณะเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวได้ในที่เกิดเหตุ แต่ชายคนดังกล่าวที่ถูกควบคุมตัวได้นั้นปฏิเสธว่าไม้ท่อนดังกล่าวไม่ใช้ของตนฯ
โดยคณะเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวชายคนดังกล่าวมาทำการสอบถาม ทราบชื่อนายสำราญ อายุ 34 ปี ซึ่งให้การว่าตนฯ ได้เข้ามาในป่าพื้นที่ดังกล่าวเพื่อมาหาเก็บขยะและจะเดินไปนาของตนฯ คณะเจ้าหน้าที่ได้ใช้เครื่องมือ GPS เพื่อหาค่าพิกัดจากดาวเทียมบริเวณดังกล่าว ซึ่งบริเวณดังกล่าวเป็นพื้นที่ที่อยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยทับทัน-ห้วยสำราญ ทับซ้อนเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าทุ่งมน ป่าบักได และป่าตาเบา แปลงที่สาม คณะเจ้าหน้าที่ร่วมกันพิจารณาแล้วเห็นว่าการกระทำดังกล่าวของนายสำราญฯ เป็นความผิด จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาข้างต้นแล้วพร้อมตรวจยึดของกลางและอุปกรณ์ในการกระทำความผิดโดยอาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติป่าไม้
ในการจับกุมครั้งนี้ เจ้าพนักงานผู้จับกุมได้กระทำไปตามอำนาจหน้าที่ภายใต้ขอบเขตของกฎหมายทุกประการ มิได้ทำให้ผู้ใดได้รับอันตรายแก่กาย หรือจิตใจแต่อย่างใด และมิได้ทำให้ทรัพย์สินของผู้ใดเสียหาย สูญหายหรือเสื่อมค่าแต่ประการใด