วันที่ 25 ม.ค. 2568 นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะผู้ช่วยหาเสียง พรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์ถึงภาพรวมการหาเสียงเลือกตั้ง นายก อบจ.ระยองว่า ยังดีใจที่ชาวระยองไม่ลืมกัน และก่อนหน้าได้ลงพื้นที่อ.แกลง และอ.เขาชะเมา เป็นพื้นที่ของนายพงศธร ศรเพชรนรินทร์ สส.ระยอง พรรคประชาชน ที่เคยมีการเลือกตั้งซ่อม และได้รับความไว้วางใจ กลับมาครั้งก็ยังได้พบปะประชาชน ส่วนอีกพื้นที่ไปยังวัดหนองพะวา พื้นที่ของนายชุติพงศ์ พิภพภิญโญ สส.ระยอง พรรคประชาชน ที่มีปัญหา เรื่องกากอุตสาหกรรมของโรงงานวินโพสเสส ซึ่งนอกจากจะมาหาเสียง ยังมาฟังเสียงของประชาชนว่า มีการเคลื่อนย้ายกากอุตสาหกรรมแล้วหรือไม่
เมื่อถามว่า ความคาดหวังเก้าอี้นายก อบจ.ระยอง นายพิธา กล่าวว่า พื้นที่ตั้งแต่ตราด ไปจนถึงถนนบางนา - ตราด ยกเว้นที่พลาดเก้าอี้ สส.ชลบุรี ไป 3 เขต ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวตั้งแต่พรรคอนาคตใหม่ พรรคก้าวไกลพยายามทำงานมาอย่างเต็มที่ ตนในฐานะผู้ช่วยหาเสียง นอกจากมาฟังหาเสียงให้ผู้สมัครนายก อบจ. ยังมาฟังเสียงประชาชนว่า ตลอด 1-2 ปีที่ผ่านมา สส.ที่ได้รับเลือกมา ทำงานเป็นอย่างไร และได้ให้กำลังใจด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงนี้ ทั้งในระดับประเทศ และระยองที่อยู่ในภาคตะวันออกที่มีพื้นที่ใกล้กับประเทศเพื่อนบ้าน ก็รู้สึกดีใจที่มีนายทรงธรรม สุขสว่าง ผู้สมัครนายก อบจ. ระยอง พรรคประชาชน อดีตข้าราชการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นผู้ทรงคุณวุฒิ และเรียนจบด้านนี้มาโดยตรงในเรื่องฝุ่น ไฟ ฝน
นายพิธา กล่างต่อว่า ฝุ่น PM 2.5 ที่มาจากโรงงานในระยอง ไฟที่เกิดขึ้นในพื้นที่ที่ทำให้เกิดฝุ่น ฝนในเรื่องน้ำท่วมระยอง ก็รู้สึกว่า ได้คนที่มีโอกาสจะได้เป็นผู้สมัครนายกอบจ. ที่เชี่ยวชาญสิ่งแวดล้อมดีที่สุดเท่าที่ไทยจะหาได้สำหรับจังหวัด ซึ่งทำให้เห็นว่า การแก้ไขเรื่องสิ่งแวดล้อมไม่ได้ขึ้นอยู่กับจังหวัดใดจังหวัดหนึ่ง แต่มีตั้งแต่ระดับนานาชาติอย่างอาเซียน ระดับประเทศอย่างเรื่องนโยบาย กฎหมายต่างๆ และระดับท้องถิ่น ซึ่งท้องถิ่นนั้นก็มีภาระหน้าที่ งบประมาณในการแก้ไขปัญหานี้ เช่น การขนย้ายสารเคมีที่อาจจะทำให้ฝุ่นฟุ้ง สส. พรรคประชาชนมีการขับเคลื่อนกฎหมายปลดปล่อยและเคลื่อนย้ายมลพิษ หรือ PRTR ในสภา ซึ่งจะส่งผ่านอำนาจกลับมาให้ท้องถิ่น ได้บริหารจัดการ และต่างคนต่างทำหน้าที่ แต่สามารถบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมร่วมกันได้ จึงเห็นว่ามาถูกที่ถูกทาง ในพื้นที่ระยองที่มีอุตสาหกรรมเยอะ แต่อยู่ไกลกับประเทศเพื่อนบ้านที่มีการเผาเยอะ จะได้เป็นทางเลือกในการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม ซึ่งตนมองว่าระยองเป็นพื้นที่เหมาะสมจะลงพื้นที่ในวันนี้แล้ว
นายพิธา กล่าวว่า การออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งที่ จ.ชัยภูมิ มีผู้มาใช้สิทธิ์ 30 เปอร์เซนต์ อุทัยธานี ผู้มาใช้สิทธิ์ 30 กว่าเปอร์เซนต์ ราชบุรี ผู้มาใช้สิทธิ์ 66 เปอร์เซนต์ ซึ่งการที่มีผู้มาใช้สิทธิ์ 30-50 เปอร์เซนต์ ก็คงจะไม่เป็นผลดีกับระบบประชาธิปไตยที่มาจากการเลือกตั้ง และหากในทุกพื้นที่มีผู้มาใช้สิทธิ์น้อยก็อาจจะทำให้ มีโอกาสในการควบคุมการเลือก หรือมีการขนคนไปได้ ซึ่งก็อาจจะมีความเป็นไปได้ในการเมืองไทยแบบนั้น ซึ่งเป็นสิ่งที่น่ากลัว ถือเป็นแรงเฉื่อยทางการเมืองที่รู้สึกว่า การเมืองท้องถิ่นไม่ได้มีสมรรถนะในการสร้างความเปลี่ยนแปลงได้ ซึ่งในเชิงรัฐศาสตร์ และถูกพูดถึงในหลายประเทศ เพราะคนไปใช้สิทธิ์น้อยลง เป็นมีเทรนด์ที่น่ากังวล
นายพิธา กล่าวว่า การเลือกตั้งท้องถิ่นที่ใช้สิทธิ์ล่วงหน้าไม่ได้ และใช้สิทธิ์นอกเขตไม่ได้ การประชาสัมพันธ์ที่อาจจะไม่คึกคักเท่าที่ควร ทั้งที่การเลือกตั้งนายก อบจ.ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญ และมีงบประมาณมากมายมหาศาลจากภาษีประชาชน จึงขอให้พ่อเมืองที่มีความใกล้ชิดกับปัญหาได้แก้ไข อย่างพื้นที่ระยองได้เลือกผู้สมัครที่มีความเชี่ยวชาญด้านสิ่งแวดล้อม เพราะฉะนั้นเรื่องฝุ่น ไฟ ฝน ที่รบกวนจิตใจชาวระยองมาเป็นเวลานาน ก็หวังจะได้นายก อบจ. สิ่งแวดล้อมตัวจริงเสียงจริงได้เข้ามาแก้ไขปัญหา
เมื่อถามว่า คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะมีการจัดการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งอบจ.ใหญ่ในวันที่ 28 ม.ค.นี้ จะสร้างความตื่นตัวให้กับประชาชนได้ทันหรือไม่ นายพิธา เห็นว่า กกต. น่าจะลงพื้นที่ซ้ำๆ ย้ำๆ ทุกสัปดาห์ 3-4 สัปดาห์ในช่วงโค้งสุดท้าย ควรจะมีการประชาสัมพันธ์ก่อนหน้านี้ และเน้นให้เห็นความสำคัญของการเมืองท้องถิ่น และขอย้ำ กกต. เรื่องของความเท่าเทียมและความชัดเจน รวมทั้งการลงรายละเอียดของบางพื้นที่ ที่หมึกดันมาหมดที่ผู้สมัครคนใดคนหนึ่ง หมายเลขไม่ชัด ประวัติไม่ชัด หรือของคนอื่นชัดกว่า จึงขอให้กกต.ลงรายละเอียดและทำงานให้เร็วกว่านี้
เมื่อถามว่า นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีกล่าวขณะ ลงพื้นที่หาเสียงช่วยผู้สมัครนายก อบจ.ของพรรคเพื่อไทยว่า พรรคประชาชนไม่ได้เป็นคู่แข่ง นายพิธา บอกว่า พรรคประชาชนก็ลงแข่งในแนวทางของพรรคประชาชน ซึ่งในมุมที่นายทักษิณพูดเป็นเรื่อง จ.ศรีสะเกษไม่มีคนของพรรคประชาชนลงสมัครมากกว่า ไม่ได้พาดพิงไปถึงทุกจังหวัด แต่ที่ จ.ศรีสะเกษนั้น นายทักษิณก็พูดถูก เพราะพรรคประชาชนไม่ได้ส่งผู้สมัคร ก็เลยเป็นการแข่งระหว่างพรรคภูมิใจไทยกับพรรคเพื่อไทย แต่ส่วนตัว ในฐานะอดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล และผู้ช่วยหาเสียง ยืนยันว่า พรรคประชาชนพร้อมที่จะแข่งกับทุกพรรค และจะเอาประชาชนมาเป็นที่ตั้งอยู่แล้ว