เจ้าของ รง.ปุ๋ย ควบรถแวนฟอร์ด 5 ประตูชนประสานงารถ 10 ล้ออ้อย ดับอนาถ! ทั้ง 2 ฝ่าย ที่กาญจน์

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า อุบัติเหตุครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อเวลา 17.12 น.ของวันที่ 22 ม.ค.68 ที่ผ่านมา ร.ต.อ.วันชัย  พุฒเอก รองสารวัตรสอบสวน สภ.สำรอง จ.กาญจนบุรี ได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุ สภ.ฯ ว่าเกิดอุบัติเหตุรถยนต์กระบะชนประสานงากับรถบรรทุก 10 ล้อ บรรทุกอ้อย มีผู้เสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บสาหัสอีก 1 ราย เหตุเกิดบนถนนสายเขาเพลิง-ทะเลสาบ หมู่ 7 ต.พังตรุ หลังรับแจ้งจึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบเรื่อง

จากนั้น จึงรีบเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมประสานแพทย์เวร รพ.สมเด็จพระสังฆราช องค์ที่ 19 ให้มาร่วมชันสูตรพลิกศพ ที่เกิดเหตุพบรถยนต์แวนยี่ห้อฟอร์ดสีขาว 5 ประตู หมายเลขทะเบียน 3 กญ xxxx กรุงเทพมหานครฯ ชนประสานงาอัดก็อปปี้กับรถบรรทุก 10 ล้อ บรรทุกอ้อยรุ่นหน้ายาวยี่ห้ออีซูซุ หมายเลขทะเบียน 80-xxxx ราชบุรี ที่เกิดเหตุพบว่า รถ 10 ล้อบรรทุกอ้อยพลิกตะแคงขวางถนน เจ้าหน้าที่อาสาสมัครกู้ชีพของมูลนิธิขุนรัตนาวุธ ประจำจุดรอรับเหตุ ต.บ้านใหม่ กำลังช่วยเหลือนำร่างของผู้เสียชีวิตเป็นผู้ชายออกมาจากซากรถยนต์แวนแบบ 5 ประตูซึ่งอัดก็อปปี้กับหน้ารถบรรทุก 10 ล้อ ในสภาพที่ด้านหน้าของรถยนต์ทั้ง 2 คันพังเสียหาย ภายในรถยนต์กระบะพบร่างนายวิศาล(ขอสงวนนามสกุล)อายุ 47 ปี อยู่บ้านเลขที่ 99/8 หมู่ 7 ต.พังตรุ อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี ผู้ตายเป็นเจ้าของโรงงานผลิตปุ๋ยแห่งหนึ่งใน ต.หนองตากยา อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี จึงมอบศพให้มูลนิธิฯ นำศพไปเก็บรักษาไว้ที่ รพ.ฯ เพื่อรอญาติมาติดต่อขอรับศพไปจัดการตามประเพณีทางศาสนา

โดยในที่เกิดเหตุยังพบว่าคนขับรถบรรทุก 10 ล้ออ้อย กระเด็นออกมานอกรถตกลงพื้นถนนอยู่ในอาการบาดเจ็บสาหัส เจ้าหน้าที่มูลนิธิฯ ได้ทำการ CPR ช่วยเหลือชีวิตเบื้องต้นแล้วนำส่ง รพ.สมเด็จพระสังฆราช องค์ที่ 19 แล้วส่งไปรักษาตัวต่อที่ รพ.พหลพลพยุหเสนา เนื่องจากอาการสาหัสมาก และในเวลาต่อมาได้เสียชีวิตลงเป็นศพที่ 2 เนื่องจากทนพิษบาดแผลไม่ไหว สิ้นใจตายในเวลาต่อมา จากการสอบสวนทราบชื่อคนขับ 10 ล้ออ้อยชื่อนายจรัล(ขอสงวนนามสกุล)อายุ 58 ปี ไม่ทราบที่อยู่ เบื้องต้นสาเหตุของอุบัติเหตุครั้งนี้ อยู่ระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งคาดว่าน่าจะมีรถฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดแซงรถคันหน้าแล้วแซงไม่พ้น จึงเกิดการชนประสานงากันทำให้เสียชีวิตทั้งสองฝ่าย ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้ติดตามสอบสวนเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป