‘อธิบดีกรมที่ดิน’ เผยคำสั่งยกเลิกกรรมสิทธิ์ ‘​ที่ดินอัลไพน์​‘ คืน ‘ธรณีสงฆ์’​ ถึงมือแล้ว​ แจงขั้นตอนผู้เสียหายเพิกถอนคำสั่งปกครอง -เรียกร้องค่าชดเชย ขึ้นอยู่กับศาลฯ ชี้แนวทาง ‘ออกพ.ร.บ.โอนที่ดิน’ แทน ‘ชดใช้เงิน’ เคยมีทำมาแล้ว2เคส แต่สุดท้ายยกเลิก ​

23ม.ค.2568 นายพรพจน์​ เพ็ญ​พาส​ อธิบดี​กรมที่ดิน​ กระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงความคืบหน้าภายหลังนายชำนาญวิทย์ เตรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เซ็นลงนามในหนังสือเพิกถอนกรรมสิทธิ์ที่ดินอัลไพน์​ ให้กลับไ​ปเป็นที่ธรณีสงฆ์ว่า​ หนังสือดังกล่าวส่งถึงกรมที่ดินแล้วเมื่อวันที่21ม.ค.ที่ผ่านมา​ หลังจากนี้จะเป็นอำนาจของกรมที่ดินที่จะดำเนินการต่อ ส่วนแนวโน้มจะออกเป็นพ.ร.บ.โอนที่ธรณีสงฆ์​ ตามที่เลขาธิการคณะกรรมการ​กฤษฎีกา​แนะนำ เพื่อชดเชยผู้เสียหาย แทนการจ่ายเงินเยียวยาจะทำได้หรือไม่ ​ นั้น เคยมีการทำลักษณะนี้มาแล้วก่อนหน้านี้ในสมัย​ 2 รัฐบาลที่ผ่านมา​ โดยเป็นข้อสังเกตของคณะกรรมการ​กฤษฎีกา​ ตามพ.ร.บ.คณะสงฆ์ปี 2505 สามารถออกได้ตามมาตรา​ 34 (การโอนที่วัด​ ที่ธรณีสงฆ์​ หรือศาสนสมบัติกลาง กระทำได้ก็แต่โดยพระราชบัญญัติ)​ ซึ่งขณะนั้นได้มีการตั้งคณะกรรมการแล้วแต่สุดท้ายถูกยกเลิกเรื่องนี้จึงหยุดไป

เมื่อถามต่อว่า ท้ายที่สุดแล้วมองว่าการชดเชยระหว่างบริษัทอัลไพน์​ และประชาชนที่ถือครองที่ดินจะออกมาในทิศทางใด​ อธิบดีกรมที่ดิน กล่าวว่า​ ยืนยันว่า​ จะต้องเป็นไปตามวิธีการทางกฎหมาย โดยต้องยื่นคำสั่งของศาลปกครอง ว่าผู้มีส่วนได้ส่วนเสียมีความเดือดร้อนอย่างไร ซึ่งก็ต้องมีการโต้แย้งคำสั่งทางปกครองในการยกเลิกเพิกถอนที่ดินอัลไพน์ในการทำนิติกรรมสัญญา  

เมื่อถามถึงกรณีที่มีข้อสังเกตของทางฝ่ายกฎหมายกระทรวงมหาดไทย ให้ความเห็นไว้ว่า​ คำวินิจฉัยของนายยงยุทธ วิชัยดิฐ รองปลัดกระทรวง ในฐานะผู้รักษาราชการแทนปลัดมหาดไทย​ขณะนั้น เมื่อวันที่ 13 มี.ค 45 ให้เพิกถอนคำสั่งของอธิบดีกรมที่ดิน ที่ให้เพิกถอนที่ดินจากเอกชนให้เป็นของวัด เป็นการวินิจฉัยขัดแย้งกับความเห็นคณะกรรมการกฤษฎีกา ทำให้คำสั่งทางปกครองที่เป็นโมฆะ ไม่ก่อให้เกิดผลในทางกฎหมาย​ จะนำความเห็นดังกล่าวยกขึ้นสู้กับบริษัทอัลไพร์หรือไม่หากมีการฟ้องกรมที่ดิน นายพรพจน์ กล่าวว่า ทุกอย่างจะต้องทำตามกระบวนการ ก่อนอธิบายว่า​ โดยในช่วงแรกก่อนปี 44 ที่จะมีคำสั่งยกเลิกเพิกถอน เสนอมาทางยังกระทรวง ซึ่งการทำนิติกรรมนั้นถูกต้อง แต่หลังจากนั้น​มีคำวินิจฉัยมาจากคณะกรรมการกฤษฎีกา และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติหรือป.ป.ช​ เมื่อเห็นว่านิติกรรมนั้นไม่ชอบ จึงจำเป็นต้องยกเลิกเพิกถอน​ โดยคำสั่งในปี 44 ออกมา 

“ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรก็ต้องเข้าสู่กระบวนการของศาล เพราะคำสั่งนี้ถือเป็นคำสั่งทางปกครอง ซึ่งต้องมีการโต้แย้งกัน ดูที่เหตุและผล​ ข้อเท็จจริง​ และข้อกฎหมายมาพิสูจน์กันหลังจากนี้จะต้องดำเนินการฟ้องศาลปกครอง​ เนื่องจากเป็นการยกเลิกคำสั่งทางปกครอง​ แต่ยังไม่ระบุว่าจะเป็นเมื่อใด” อธิบดีกรมที่ดิน กล่าว