บูรพา โชติช่วง/รายงาน

กลับมาเคลื่อนไหวอีกครั้ง หลังจากที่เงียบหายไปนานกับการเสนอเมืองเชียงใหม่ นครหลวงล้านนา สู่มรดกโลกทางวัฒนธรรม

การเสนอเมืองเชียงใหม่สู่มรดกโลก ต้องบอกว่าไม่ใช่เรื่องใหม่แต่อย่างใด ก่อนหน้านั้นกรมศิลปากรกับจังหวัดเชียงใหม่ และภาคส่วนราชการ นักวิชาการ นักประวัติศาสตร์ นักโบราณคดี และผู้ที่ที่เกี่ยวข้องพื้นที่มีการประชุมหารือกันอยู่หลายหน จนได้ข้อสรุปในชื่อ “อนุสรณ์สถาน แหล่งต่างๆ และภูมิทัศน์วัฒนธรรมของเชียงใหม่ นครหลวงของล้านนา” (Monuments, Sites and Cultural Landscape of Chiang Mai, Capital of Lanna) แล้วเสนอต่อศูนย์มรดกโลก กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ที่ปัจจุบันอยู่ในบัญชีชั่วคราว (Tentative List) มาตั้งแต่ปี 2558 ที่นับว่านานสิบปีทีเดียว

จากข้อมูลเบื้องต้น กรมศิลปากรกล่าวเมืองเชียงใหม่เปรียบเสมือนเมืองหลวงของล้านนา มีประวัติศาสตร์ย้อนไปได้ไม่ต่ำกว่า 730 ปี หลักฐานความเจริญรุ่งเรืองปรากฏให้เห็นอันโดดเด่นไปด้วยวัดวาอารามและโบราณสถานมากมาย อาทิ วัดเจ็ดยอด วัดสวนดอก วัดพระสิงห์ วัดอุโมงค์ ฯลฯ โดยมีพระธาตุดอยสุเทพเป็นมิ่งเมืองศูนย์กลางแห่งศรัทธา คนเชียงใหม่ภูมิใจในความยิ่งใหญ่ของประวัติศาสตร์ และสืบทอดความเป็นคนเมืองจากรุ่นสู่รุ่นไม่ขาดสาย อีกทั้งประเพณี ผู้คน และวัฒนธรรมเป็นเสน่ห์ให้ผู้มาเยือนประทับใจไม่รู้ลืม

เร่งเดินหน้าขับเคลื่อนเมืองเชียงใหม่สู่มรดกโลก เมื่อวันที่ 17 มกราคม 2568 นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รมว.วัฒนธรรม กล่าวว่า ได้หารือร่วมกับ นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ที่ได้เริ่มจัดทำร่างเอกสารนำเสนอเพื่อขึ้นบัญชีมรดกโลก (Draft nomination dossier) รวมทั้งมีการปรับปรุงเอกสารจนถึงปัจจุบัน ที่ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนสำคัญคือการจัดทำรายงานความโดดเด่นของเมืองเชียงใหม่ฉบับสมบูรณ์ตามเกณฑ์ของยูเนสโก เพื่อนำเสนอตามขั้นตอนต่อไป ซึ่งจังหวัดเชียงใหม่ ส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังเร่งผลักดันให้เสร็จเร็ววันนี้ ทั้งนี้หลังการร่วมหารือแล้ว กระทรวงวัฒนธรรม(วธ.) โดยกรมศิลปากรและจังหวัดเชียงใหม่จะร่วมกันผลักดันให้ร่างเอกสารนำเสนอเมืองเชียงใหม่สู่มรดกโลกเสร็จสมบูรณ์ เพื่อให้สามารถนำเสนอต่อศูนย์มรดกโลกกรุงปารีสโดยเร็วที่สุด ซึ่งหากทุกภาคส่วนและที่สำคัญที่สุดคือชาวเมืองเชียงใหม่ร่วมแรงร่วมใจกันสนับสนุนจะสำเร็จได้อย่างราบรื่นแน่นอน

นอกจากชื่อเสียงของเมืองเชียงใหม่ที่จะไปสู่สายตาชาวโลกแล้ว การเป็นมรดกโลกจะทำให้เชียงใหม่เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวที่นำรายได้มาสู่ชาวเชียงใหม่ เป็นซอฟพาวเวอร์ที่แข็งแกร่งตามนโยบายของรัฐบาล ที่สำคัญกว่านั้นยังตั้งเป้าหมายว่าจะประกาศขอบเขตการเป็นมรดกโลก โดยวธ.มีนโยบายผลักดันให้ทุกภูมิภาคของประเทศไทยมีแหล่งมรดกโลก ได้มอบให้กรมศิลปากรทำการศึกษาศักยภาพของโบราณสถานและแหล่งมรดกทางวัฒนธรรมทั่วทุกภูมิภาค เพื่อผลักดันให้เกิดมรดกโลกแห่งใหม่ขึ้นต่อไป

“โดยในปีนี้ได้เสนอวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร จ.นครศรีธรรมราช เข้าสู่กระบวนการขอขึ้นทะเบียนมรดกโลกทางวัฒนธรรม และจะได้เร่งผลักดันให้เชียงใหม่เป็นมรดกโลกแห่งต่อไป” รมว.วัฒนธรรม กล่าว อย่างไรก็ตาม ในการเสนอวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหารจ.นครศรีธรรมราช (Wat Phra Mahathat Woramahawihan, Nakhon Si Thammarat) ที่ปัจจุบันอยู่ในบัญชีชั่วคราว (Tentative List) มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2555 เพื่อเข้าสู่กระบวนการขอขึ้นทะเบียนมรดกโลกนั้นต้องเสนอต่อศูนย์มรดกโลก กรุงปารีส ให้ทันภายในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ของทุกปี เพื่อเข้าวงรอบการพิจารณาขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลกของคณะกรรมการมรดกโลก ซึ่งตรงนั้นยังมีขั้นตอนของอิโคโมสสากลเข้ามาพิจารณาเพื่อผ่านความเห็นชอบหรือให้นำเอกสารกลับไปปรับปรุงเพิ่มเติมความสมบูรณ์ของการเป็นมรดกโลก สำหรับในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญ ครั้งที่ 47 จะมีขึ้นที่ Sofia, Bulgaria ระหว่างวันที่ 6 – 16 กรกฎาคม 2568 นี้

ปัจจุบันประเทศไทยมีมรดกโลกทางวัฒนธรรมจำนวน 5 แหล่ง ได้แก่ นครประวัติศาสตร์อยุธยา (2534) อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัยและเมืองบริวาร กำแพงเพชร ศรีสัชนาลัย (2534) แหล่งโบราณคดีบ้านเชียง จอุดรธานี (2535) เมืองโบราณศรีเทพ จ.เพชรบูรณ์ (2566) และอุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท จ.อุดรธานี (2567)

เร่งเดินหน้าดัน “เมืองเชียงใหม่” นครหลวงล้านนา “วัดพระมหาธาตุฯ” นครศรีฯ จ่อคิวมรดกโลกแห่งใหม่ของประเทศไทย