ตร.ไซเบอร์ ร่วม ตร.วิชิต รับมือ ภารกิจล่าเหรียญ Jagat มหันตภัยทางไซเบอร์ ทำเสียทั้งเงิน เสียทั้งข้อมูลส่วนตัว
จากกรณี แอปพลิเคชัน (Jagat coin Hunt) ให้เล่นเกมส์ปฏิบัติภารกิจล่าเหรียญ ใน 5 จังหวัดของประเทศไทย ได้แก่ กรุงเทพฯ เชียงใหม่ เชียงราย ภูเก็ต และ ชลบุรี (พัทยา) โดยพบว่ากิจกรรมดังกล่าวได้รับความสนใจจากกลุ่มวัยรุ่นในแต่ละพื้นที่เป็นอย่างมาก ต่างออกปฏิบัติหาเหรียญ ไปตามพิกัดที่แอปพลิเคชันระบุไว้ทั่วเมือง และตามสถานที่ต่างๆ เพื่อตามหาเหรียญนำมาแลกเงินตามที่แอปบอก ซึ่งหลายคนสามารถเก็บเหรียญและนำไปแลกเป็นเงินได้ โดยคนที่เข้าร่วมกิจกรรมหลายราย ออกมายืนยันว่าได้รับเงินจริง โดยเหรียญจะมีทั้งหมด 3 สี คือ เหรียญทองแดงหรือเหรียญนำโชค มีมูลค่า 500 - 2,000 บาท เหรียญเงิน มูลค่า 20,000 บาท และ เหรียญทอง มูลค่า 200,000 บาท
แต่อย่างไรก็ตามปรากฎว่าหลังจากมีกิจกรรมดังกล่าวออกมา ทำให้กลุ่มคนออกไปหาเหรียญตามสถานที่ต่างๆ บางจุดทำให้เกิดความเสียหายกับทรัพย์สินของทางราชการ ของประชาชน จนมีประชาชนจำนวนมากร้องเรียนเข้ามา สำหรับในส่วนของจังหวัดภูเก็ตก็มีการร้องเรียนถึงพฤติกรรมผู้เข้าร่วมกิจกรรมบางคน มีพฤติกรรมในการตามหาเหรียญ ซึ่งซ่อนอยู่ในสถานที่ต่าง ๆ ในลักษณะที่สร้างความเดือดร้อนรำคาญในการดำรงชีวิตประจำวันและมีการบุกรุกเข้าไปในพื้นที่ส่วนตัวของผู้อื่น
ในส่วนของตำรวจไซเบอร์ โดย พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท.สั่งการให้ พ.ต.อ.ศุภกร ผิวอ่อน รรท.ผบก.สอท.5 ร่วม พ.ต.อ.ชาตรี ชูแก้ว ผกก.สภ.วิชิต และ ตำรวจ สภ.วิชิต เร่งรัดตรวจสอบผู้เกี่ยวข้องกับแอปพลิเคชัน Jagat ในพื้นที่ จ.ภูเก็ต และพฤติกรรมของคนที่เข้าร่วมกิจกรรม เบื้องต้น พ.ต.อ.กฤษดา มานะวงศ์สกุล ผกก.1 บก.สอท.5 พร้อมด้วย พ.ต.ท.ประเสริฐ หวังบุญสร้าง รอง ผกก.1 บก.สอท.5 พ.ต.ท.ญาณศักดิ์ บุญสนอง สว.กก.1 บก.สอท.5 ได้นำกำลังชุดปฏิบัติการ จ.ภูเก็ต ออกตรวจสอบจุด ที่มีการแสดงพิกัดของเหรียญในพื้นที่ จ.ภูเก็ต พบมีชายวัยรุ่น 2 คน มาตามหาเหรียญ โดยแจ้งว่าทราบกิจกรรมดังกล่าวจากสังคมออนไลน์ จึงออกติดตามหาเหรียญแต่ไม่พบ
ทางตำรวจจึงได้จึงได้ประชาสัมพันธ์ให้ทราบถึงข้อกฏหมายและวิธีปฏิบัติตัวเพื่อให้เกิดความปลอดภัย ก่อนที่วัยรุ่นดังกล่าวจะเดินทางกลับ อย่างไรก็ตามขณะนี้ในพื้นที่จังหวัดภุเก็ตยังคงมีกลุ่มวัยรุ่นอีกจำนวนมากที่ออกตามล่าหาเหรียญ ในขณะที่บางคนหลังจากทราบข่าวการออกมาเตือนภัยของเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้ถอนตัวออกจากการร่วมกิจกรรมทันที โดยทางเจ้าหน้าที่ระบุว่า ภารกิจดังกล่าวถือว่าเป็นภัยทางไซเบอร์ ที่อาจจะทำให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมเสียงทั้งเงิน และเสียทั้งข้อมูลส่วนตัว ให้กับมิจฉ่ชีพได้
เจ้าหน้าที่ตำรวจไซเบอร์ กล่าวว่าการเข้าร่วมกิจกรรมตามล่าหาเหรียญดังกล่าว อาจเข้าข่ายความผิดฐานบุกรุก ต้องระวางโทษสูงสุด จำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ รวมถึงอาจตกเป็นเหยื่อของกลุ่มมิจฉาชีพ ที่สามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวและระบุพิกัดตำแหน่งปัจจุบันที่ท่านอยู่ ซึ่งอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สินของผู้เข้าร่วมกิจกรรมเองอีกด้วย จึงขอให้พึงระวังไม่กระทำผิดกฎหมายขณะเข้าร่วมกิจกรรม
อย่างไรก็ตามเพื่อป้องกันไม่ให่เกิดเหตุ ที่ร้ายแรง เช่นการเข้าไปหาเหรียญในสถานที่ส่วนบุคคล หรือการทำลายทรัพย์สิน รวมทั้งเกิดอันตรายกับคนที่เข้าร่วมกิจกรรม ทาง ตำรวจไซเบอร์ ได้ประชุมร่วมกับทางตำรวจ สภ.วิชิต เพื่อวางแผนป้องกัน และให้ความรู้ทำความเข้าใจกับเด็ก เยาวชน รวมทั้งผู้ปกครอง เพื่อให้เห็นถึงภัยที่อาจจะเกิดขึ้นจากการเข้าร่วมกิจกรรม