ดนตรี / รุ่งฟ้า ลิ้มหัสนัยกุล
เพิ่งบินมาโชว์ตัวที่โรงแรมแห่งหนึ่งย่านถนนพระอาทิตย์ เมื่อค่ำวันศุกร์ที่ 24 มกราคม 2568
เอลเลียต เจมส์ เรย์ พ่อหนุ่มวัยต้นยี่สิบจากเมืองบิวรี่ในเกรเตอร์ แมนเชสเตอร์ ประเทศอังกฤษ ค่อยๆสร้างฐานแฟนเพลงจากการคัฟเวอร์เพลงป็อป/ร็อค แอนด์ โรลล์อมตะของตำนานศิลปินอย่าง เอลวิส เพรสลี่ย์, รอย ออร์ไบสัน, เดอะ ไรก์เชียส บราเธอร์ส, เดอะ เพนกวินส์, พอล แองกา, ไซมอน แอนด์ การ์ฟังเกล จนถึง เดอะ บีเทิ่ลส์ และ เอริค แคลปตัน หรือแม้แต่ แฟรงค์ สินาตร้า ฯลฯ มาตั้งแต่วัยรุ่น
ซึ่งไม่ได้แค่ร้องเพลงเก่า แต่เขายังหลงใหล “ภาพลักษณ์” ของคนรุ่นนั้น หยิบยืมมาเป็นสไตล์การแต่งตัวของตัวเอง เช่นเดียวกับแนวทางดนตรีที่มีกลิ่นอายยุคนั้นชัดเจน จากที่ได้ยินจากสองเพลงที่ปล่อยออกมาให้ฟังกันตั้งแต่กลางปีที่แล้วอย่าง “I Think They Call This Love” ที่ทำให้เขาได้เซ็นสัญญากับ อินเตอร์สโคป เรคอร์ดส์ / อีเอ็มไอ ต่อยอดเป็นซิงเกิ้ลที่ 2 “Boy In Love” ในเดือนพฤศจิกายนปีเดียวกัน
ทั้งสองเพลงของ เรย์ เป็นเพลงรัก ซุ่มเสียงสะอาดสะอ้านทั้งเรื่องเล่าและดนตรี ที่คอเพลงรุ่นใหญ่ฟังแล้วน่าจะอิ่มเอมใจ ช่วยให้พวกเขาพอจะมีอะไร “ฟัง” ได้บ้างท่ามกลางทะเลบทเพลงใหม่ๆที่กระแทกกระทั้น ขณะเดียวกันก็ทำให้คนรุ่นใหม่ได้รู้จักเพลงอีกรสชาติหนึ่ง ซึ่งคงจะมีอัลบั้มหรืออีพี.ตามมาในอนาคต
แต่ตอนนี้ ทำความรู้จักชายหนุ่มที่เหมือนหลงยุคจากทศวรรษ 1950s-1960s วาร์ปมาอยู่ในทศวรรษ 2020s กันเสียหน่อย เขาเคยให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า เติบโตมากับเสียงเพลงของ เอลวิส เพรสลีย์, รอย ออร์ไบสัน และ บิลลี ฟิวรี ที่ส่งผลอย่างยิ่งกับเพลงที่เขาทำ “ผมโชคดีที่มีโอกาสแบ่งปันความหลงใหลของตัวเองผ่านโซเชียล มีเดียมาหลายปี จนมีคนติดตามมากว่าสามล้านคน” หลังจากนั้น เป็นช่วงเวลาของการค้นหาเสียงตัวเอง ซึ่งก็ได้ผลลัพธ์เป็น “I Think They Call This Love” เพลงเปิดตัวที่ เรย์ บอกว่า “มีความหมายกับผมมาก”
ความสวยงามของเพลงนี้เกิดขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ “โดยตัวเพลงเองมันเหมือนบางสิ่งที่ผมได้ยินได้ฟังมา คำและเมโลดี้ก็เลยไหลออกมาง่ายดาย” เขาเล่า “ส่วนเรื่องราวในเพลงก็เป็นเรื่องธรรมดาที่ใครๆก็เจอกัน เรื่องของคนตกหลุมรักน่ะฮะ ซึ่งผมก็มองว่าทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องในเพลงนี้เป็นเพื่อน มันก็เลยเป็นการทำเพลงที่สนุกมากๆฮะ”
“I Think They Call This Love” เป็นเพลงเปิดตัวที่นับว่าประสบงดงามทีเดียว-สำหรับนักร้องหน้าใหม่ที่ยังไม่มีสังกัด จนวันนี้ เอลเลียต เจมส์ เรย์ ก้าวออกมาอยู่กลางแสงไฟ ได้แสดงต่อหน้าผู้ชมจำนวนมาก แล้วยังมีโอกาสออกจากบ้านเกิดไปแนะนำตัวเองในต่างประเทศ-อย่างที่เกิดขึ้นที่บ้านเราเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา
เรย์ ยอมรับว่าชีวิตของเขาเปลี่ยนแปลงไปมาก จากจุดเริ่มต้นที่เคยแบกเป้เที่ยว มีเงินติดกระเป๋านิดหน่อย “แต่มันก็เป็นประสบการณ์ที่มีค่า ทำให้ผมได้เห็นโลกในตอนที่ผมท้อแท้ กำลังจะหมดแพสชัน ช่วยให้ผมมีพลังในการกลับมาอีกครั้ง เพราะแบบนี้...ก็พอจะพูดได้ว่าการเดินทางเป็นเหตุผลเดียวที่ทำให้ผมแต่งเพลง”
และตอนนี้ ชายหนุ่มก็พร้อมแล้วที่จะออกไปยืนตรงนั้น ต่อหน้าคนฟังเพลงที่เขาบอกว่าเพลงของเขา “อาจไม่เหมาะกับทุกคน แต่ผมรู้ว่ายังมีอีกหลายคนที่อยากฟังเพลง (อารมณ์) เก่าๆแบบนี้ อยากเห็นคนเต้นรำไปกับเพลงที่ผมร้อง ให้พวกเขาประทับใจ”
ซึ่งพ่อหนุ่มร็อค แอนด์ โรลล์ย้อนยุคคนนี้ทำได้แล้ว...ในขั้นต้น เหลือเพียงการต่อยอดความสำเร็จให้คงอยู่ยาวนาน เขาจะทำได้หรือไม่ คำตอบอยู่ที่ตัวเขาเอง
ขอบคุณภาพจาก : universal music thailand