สำหรับ กาลนาน ริเวอร์ไซด์ รีสอร์ท ริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่มีประวัติยาวนานกว่า 14 ปี หนึ่งในธุรกิจเครือบัดดี้ กรุ๊ป (Buddy Group) เปิดตัวบทใหม่ของการบริหารภายใต้การนำของ พิชยา ชยวรประภา ผู้บริหารทายาทรุ่นที่สองแห่งบัดดี้ กรุ๊ป ได้รีแบรนด์สู่การเป็นรีสอร์ทไลฟ์สไตล์ ท่ามกลางความเงียบสงบ โอบล้อมด้วยธรรมชาติผสมผสานวัฒนธรรมไทยเข้ากับความทันสมัย เพื่อตอบโจทย์นักท่องเที่ยวยุคใหม่ที่มองหาความแตกต่างจากการพักในใจกลางเมือง
เจาะตลาดนักเดินทางยุคใหม่
โดย พิชยา ชยวรประภา ผู้บริหารทายาทรุ่นที่สองแห่งบัดดี้ กรุ๊ป กล่าวว่า กาลนาน ริเวอร์ไซด์ รีสอร์ท ได้พัฒนาการบริการและสิ่งอำนวยความสะดวกใหม่ ด้วยงบประมาณลงทุนกว่า 80 ล้านบาท เพื่อรองรับพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวที่เปลี่ยนแปลงไป โดยเน้นการสร้างประสบการณ์อันน่าจดจำที่ผสมผสานความเป็นไทยและความร่วมสมัยอย่างกลมกลืน สอดรับกับ พฤติกรรมและเทรนด์การเดินทางในปัจจุบัน ที่นักเดินทางมีความต้องการสถานที่พักผ่อนที่เป็นส่วนตัว สงบ และเงียบสงบมากยิ่งขึ้น
ซึ่งรีสอร์ท มีห้องพักถึง 82 ห้อง แบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลัก ได้แก่ Deluxe, Grand Deluxe, และ Pool Villa ซึ่งแต่ละประเภทมีเอกลักษณ์และบรรยากาศที่แตกต่างกัน ซึ่งไม่ว่าจะเลือกพักในห้องแบบใด ก็จะได้สัมผัสความเงียบสงบและทัศนียภาพที่งดงามไม่เหมือนใคร โดยแท็กไลน์ของโรงแรม คือ Remembrance (ความทรงจำ) Charm (ความมีเสน่ห์) และ Timelessness (การอยู่เหนือกาลเวลา) เพื่อให้ทุกคนที่เข้ามาได้หยุดเวลาตัวเอง ได้พักผ่อนจริง ๆ อยู่กับตัวเองและคนที่มาด้วยกัน จดจำความรู้สึกต่างๆ เพื่อกลับมาอีกครั้งในโอกาสต่อไป
สะท้อนความเป็นไทยอันโดดเด่น
ทั้งนี้ พิชยา กล่าวว่า รีสอร์ทถูกออกแบบที่สะท้อนความเป็นไทยอันโดดเด่น เช่น อาคารทรงโคโลเนียลปนไทย ร่องสวนอันร่มรื่น และป้อมปราการที่เป็นเอกลักษณ์ พร้อมพื้นที่ส่วนตัวและสิ่งอำนวยความสะดวกที่หลากหลายสำหรับทุกกลุ่มเป้าหมาย ตั้งแต่ครอบครัว คู่รัก ไปจนถึงกลุ่มองค์กรและการจัดงาน MICE (Meetings, Incentives, Conferences, and Exhibitions) ด้วยอัตราการเข้าพักที่สูงถึง 70-80% ในปีที่ผ่านมา
สำหรับ รีสอร์ท ได้รับนิยมในหมู่ชาวกรุงเทพฯ ที่ต้องการหลีกหนีความวุ่นวาย รวมถึงนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาจากออสเตรเลีย จีน สหรัฐอเมริกา และเยอรมนี ซึ่งเป้าหมายระยะยาวจะมุ่งเน้นสู่ความยั่งยืนในทุกมิติ โดยเพิ่มพื้นที่สีเขียว ปลูกพืชผักปลอดสารพิษเพื่อนำมาใช้ในรีสอร์ท และสร้างสรรค์กิจกรรมที่ส่งเสริมการเชื่อมโยงระหว่างผู้เข้าพักและชุมชนท้องถิ่น
โดยทางรีสอร์ท มีการนำเสนอกิจกรรมที่หลากหลาย เช่น การพายเรือในคลองใกล้เคียง การทำบุญตักบาตรกับพระสงฆ์ที่พายเรือมาริมท่าน้ำ การเก็บพืชผักปลอดสารพิษจากร่องสวน และการเรียนทำอาหารไทย รวมถึงการยกระดับการบริการให้ได้มาตรฐานสากล ด้วยเอกลักษณ์ของรีสอร์ทที่สะท้อนความรุ่งเรืองของไทยใน 3 ยุคประวัติศาสตร์ ได้แก่ กรุงศรีอยุธยา กรุงธนบุรี และ กรุงรัตนโกสินทร์ ผ่านการออกแบบและการจัดพื้นที่อย่างพิถีพิถัน รังสรร์ให้พื้นที่ทั้งหมดบอกเล่าเรื่องราวทางประวัติศาสตร์อย่างมีชีวิตชีวา
เริ่มต้น ตั้งแต่ กรุงศรีอยุธยา เมื่อแขกเข้ามายังรีสอร์ทจะพบกับกำแพงอิฐที่สะท้อนความงดงามและความยิ่งใหญ่ของอยุธยาในอดีต พร้อมต้นไม้ใหญ่ที่ร่มรื่น สร้างบรรยากาศสงบเงียบและอบอุ่น กรุงธนบุรี เป็นพื้นที่สันทนาการที่ได้รับแรงบันดาลใจจากร่องสวนแบบดั้งเดิมในชุมชนบ้านสวนของฝั่งธนบุรี เต็มไปด้วยพืชผักสวนครัวที่ช่วยเสริมความสดชื่นให้กับพื้นที่ ส่วน กรุงรัตนโกสินทร์ เป็นพื้นที่สำคัญที่สุดของรีสอร์ทที่ได้รับการออกแบบด้วยสถาปัตยกรรมแบบโคโลเนียลผสมไทย พร้อมกำแพงป้อมปราการที่ถ่ายทอดความยิ่งใหญ่ของเมืองหลวงในยุครัตนโกสินทร์
ดังนั้นทุกมุมของรีสอร์ท จึงสะท้อนถึงการผสมผสานระหว่างความงามของอดีตและการใช้งานที่เหมาะสมกับปัจจุบัน ตั้งแต่ ห้องพักที่ตกแต่งอย่างประณีต ทั้งห้องพักหรูหราและพูลวิลล่าที่มอบความเป็นส่วนตัวให้ผู้เข้าพัก ไปจนถึงสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน อาทิ สระว่ายน้ำ 2 สระ ห้องอาหาร 2 ห้อง พูลบาร์ 2 แห่ง และสปาที่ให้บริการในบรรยากาศผ่อนคลาย นอกจากนี้ โรงแรมยังมีบริการพิเศษสำหรับผู้ที่รักสัตว์เลี้ยงด้วยบริการ Pet-Friendly ซึ่งเปิดโอกาสให้ผู้เข้าพักได้พาสัตว์เลี้ยงแสนรักมาใช้เวลาพักผ่อนร่วมกันได้โดยไม่ต้องแยกจากกัน
ขณะที่ภายในโรงแรมยังมีห้องจัดเลี้ยงและพื้นที่สำหรับการประชุมสัมมนาหรือการจัดกิจกรรมต่าง ๆ รวมถึงสถานที่จัดงานที่ออกแบบอย่างสวยงาม ไม่ว่าจะเป็นห้องประชุมต่าง ๆ ที่ใช้ชื่อย้อนยุคอย่าง กำมาจล กำปะนี (คอมพานี) หรือ กัมมาจล (คอมเมอร์เชียล) และสะพานที่ตั้งชื่อตามถนนเก่าแก่อย่าง สะพานบำรุงเมือง และ สะพานเจริญกรุง ยังมีจุดไฮไลท์ที่ไม่ควรพลาด ได้แก่ ป้อมสิริเจ้าพระยา ซึ่งเป็นสิ่งก่อสร้างที่สะท้อนความประณีตและโรแมนติกในบรรยากาศของโรงแรม ให้ผู้มาเยือนได้สัมผัสความงดงามในแบบที่หาไม่ได้จากที่อื่น