มีผลบังคับใช้ไปเป็นที่เรียบร้อย สำหรับ ข้อตกลงหยุดยิงระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาสของปาเลสไตน์ในฉนวนกาซา ซึ่งดำเนินการสู้รบระหว่างกันมาเป็นเวลานานกว่า 15 เดือน หลังทางกาตาร์ ทำหน้าที่เป็นตัวกลางไกล่เกลี่ย
โดยตามที่หารือกัน ระบุว่า มีผลเมื่อเวลา 08.30 น.ของวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ตามวันเวลาในอิสราเอล แต่ปรากฏว่า ต้องเลื่อนล่าช้าจากเวลากำหนดการเดิมไปราวๆ เกือบ 3 ชั่วโมง ซึ่งไปมีผลบังคับใช้จริงๆ ในเวลา 11.15 น.ของวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ตามวันเวลาในอิสราเอล
ทั้งนี้ ก็เป็นผลมาจากกลุ่มฮามาสส่งรายชื่อของตัวประกันชุดแรก 3 คน ที่จะได้รับการปล่อยตัวให้เป็นอิสรภาพมาให้แก่ทางอิสราเอลล่าช้า นั่นเอง เพราะทางอิสราเอล กำหนดเน้นย้ำว่า ข้อตกลงหยุดยิงจะมีผลบังคับใช้จริงๆ ก็ต่อเมื่อกลุ่มฮามาสส่งรายชื่อตัวประกันที่จะได้รับการปล่อยตัวชุดแรกมาให้แก่ทางอิสราเอลก่อน
ทำให้ในระหว่างที่รอกลุ่มฮามาสส่งรายชื่อตัวประกันมานั้น ได้สร้างความสูญเสียในชีวิตและทรัพย์สินให้แก่ชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซาเพิ่มมากขึ้นต่อไปอีก เพราะทางกองทัพอิสราเอล ยังคงมีปฏิบัติการโจมตีทางทหารเข้าใส่พื้นที่เป้าหมายกลุ่มฮามาสในฉนวนกาซาอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าทางคณะรัฐมนตรีของอิสราเอล ได้ประชุมพิจารณาอนุมัติข้อตกลงหยุดยิงดังกล่าว เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาไปแล้วก็ตาม
โดยเมื่อกล่าวถึงการประชุมพิจารณาข้อตกลงหยุดยิงของคณะรัฐมนตรีอิสราเอลข้างต้น ปรากฏว่า มีรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบ 24 เสียง และไม่เห็นชอบ หรือคัดค้าน 8 เสียง ก็เท่ากับข้อตกลงหยุดยิงได้รับการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีอิสราเอลด้วยจำนวนเสียงข้างมาก
ทว่า ในระหว่างที่รอกลุ่มฮามาสส่งรายชื่อตัวประกัน ทางกองทัพอิสราเอล ยังคงมีปฏิบัติการทางทหารโจมตีเป้าหมายกลุ่มฮามาสในฉนวนกาซา ก็ทำให้มีชาวปาเลสไตน์ สังเวยชีวิตไปอีกนับสิบราย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งถ้าทางกลุ่มฮามาส ส่งรายชื่อตัวประกันล่าช้าเท่าไหร่ ก็จะยิ่งทำให้ชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซา เพิ่มความสูญเสียมากขึ้นเท่านั้น
สุดท้าย ทางกลุ่มฮามาสก็ได้ส่งรายชื่อตัวประกันชุดแรกที่จะได้รับการปล่อยตัวให้ได้รับอิสรภาพ จำนวน 3 คนด้วยกัน ได้แก่ โรมี โกเนน, โดรอน สไตน์เบรเชอร์, และอีมิลี ดามารี ซึ่งตัวประกันทั้ง 3 คนในชุดแรกนี้ ถูกกลุ่มฮามาสจับไปเป็นตัวประกันตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคม 2023 (พ.ศ. 2566) หรือเมื่อกว่า 15 เดือนที่แล้ว อันเป็นวันที่กลุ่มฮามาส ร่วมกับกลุ่มติดอาวุธอิสลามหัวรุนแรงอื่นๆ ข้ามพรมแดนเข้าไปโจมตีอิสราเอลอย่างสายฟ้าแลบและช็อกโลก
ตัวประกันทั้ง 3 คน ทางกลุ่มฮามาส ได้ส่งมาให้กับเจ้าหน้าที่หน่วยกาชาดที่เมืองกาซาซิตี ในฉนวนกาซา ก่อนที่จะเดินทางข้ามพรมแดนเข้ามายังจุดนัดพบในอิสราเอล หลังจากนั้น ทั้ง 3 ตัวประกัน ก็ถูกนำตัวไปตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาลในกรุงเทลอาวีฟ เมืองหลวงของอิสราเอล โดยใช้เฮลิคอปเตอร์เป็นพาหนะ
นั่นเป็นตัวประกันในชุดแรก จากข้อตกลงที่กลุ่มฮามาส จะต้องปล่อยตัวประกันในเฟสแรกนี้ จำนวน 33 คน ภายใน 6 สัปดาห์ ซึ่งจำนวนตัวประกันที่ยังอยู่ในความควบคุมของกลุ่มฮามาสอีก 95 คน ด้วยกัน
ขณะที่ ทางฝั่งอิสราเอล ก็ได้ปล่อยตัวนักโทษชาวปาเลสไตน์ จำนวน 90 คน เป็นข้อแลกเปลี่ยนสำหรับเงื่อนไขในข้อตกลงหยุดยิงชุดแรกนี้ ซึ่งประกอบด้วย สตรี 69 คน และวัยรุ่นชาย 21 คน ทั้งหมดถูกนำตัวออกจากเรือนจำในเมืองโอเฟอร์ ใกล้กับเมืองรามัลเลาะห์ เขตเวสต์แบงก์ ที่อยู่ในความยึดครองของอิสราเอล
ว่ากันในส่วนของประชาชน ไม่ว่าจะเป็นทางฟากของชาวปาเลสไตน์ หรือทางฝ่ายอิสราเอล ต่างออกมาแสดงความยินดีกัน
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในส่วนของประชาชนชาวอิสราเอล ได้ออกมาส่งเสียงสนับสนุนต่อข้อตกลงหยุดยิงที่มีขึ้นนั้นเป็นส่วนใหญ่ ผ่านการสำรวจความคิดเห็น หรือการทำโพลล์ มาตั้งแต่ช่วงปลายปีที่แล้ว คือ 2024 (พ.ศ. 2567) หรือนับตั้งแต่สงครามการสู้รบผ่านพ้นมาครบขวบปีก็ว่าได้
ในการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนชาวอิสราเอล ซึ่งดำเนินการสำรวจโดยสถานีโทรทัศน์แห่งหนึ่งอิสราเอล ก็ได้รับคำตอบว่า ร้อยละ 72 ของกลุ่มตัวอย่างที่ตอบแบบสอบถาม สนับสนุนที่จะให้มีการหยุดยิงระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาส ขณะที่ ผู้ไม่เห็นด้วยมีจำนวนเพียงร้อยละ 15 เท่านั้น และร้อยละ 13 ที่ไม่มีความเห็น
ทั้งนี้ ในกลุ่มตัวอย่างที่เห็นด้วยกับข้อตกลงหยุดยิงดังกล่าว ปรากฏว่า ผู้ตอบแบบสอบถามที่ลงคะแนนเสียงให้แก่นายเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล ในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา จำนวนถึงร้อยละ 56 ที่สนับสนุนให้เกิดการหยุดยิงกับกลุ่มฮามาส ซึ่งในกลุ่มตัวอย่างข้างต้น มีเพียงร้อยละ 24 เท่านั้น ที่คัดค้าน และร้อยละ 20 ไม่ขอออกความเห็น
ล่าสุด ในการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนชาวอิสราเอล เมื่อช่วงกลางเดือนมกราคม 2025 (พ.ศ. 2568) ที่เพิ่งผ่านพ้นมา ก็พบว่า ร้อยละ 73 ของกลุ่มตัวอย่างที่ตอบแบบสอบถาม ให้การสนับสนุน หรือเห็นด้วย การข้อตกลงหยุดยิงระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาส ซึ่งตัวเลขที่ออกมา ก็ต้องถือว่า มากกว่าการสำรวจความคิดเห็นครั้งก่อนหน้า
ส่วนผู้ไม่เห็นด้วยมีจำนวนที่ร้อยละ 19 และร้อยละ 8 ที่ไม่ขอออกความเห็น
โดยในจำนวนผู้สนับสนุนข้อตกลงหยุดยิงข้างต้นนั้น ก็ปรากฏว่า ร้อยละ 45 ที่สนับสนุนเห็นด้วยอย่างแข็งขัน และร้อยละ 28 ที่สนับสนุนเห็นด้วยในระดับธรรมดา
นอกจากนี้ มีข้อน่าสังเกตด้วยว่า กลุ่มประชาชนชาวอิสราเอล ที่เคยลงคะแนนเสียงให้แก่นักการเมืองฝ่ายขวาจัด หรือชาตนิยมแบบสุดโต่ง รวมไปถึงสายเหยี่ยวทั้งหลาย ในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา ก็กลับมาเห็นด้วยกับข้อตกลงหยุดยิงครั้งนี้ถึงร้อยละ 52 ของจำนวนกลุ่มตัวอย่างที่เห็นด้วยของร้อยละ 73 ดังกล่าวด้วย ส่วนประชาชนชาวอิสราเอลที่ลงคะแนนเสียงให้แก่นักการเมืองฝ่ายค้านในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา ปรากฏว่า เทการสนับสนุนข้อตกลงครั้งนี้อย่างท่วมท้นถึงร้อยละ 91 ของจำนวนร้อยละ 73 ข้างต้นเลยทีเดียว
อย่างไรก็ดี ในการสนับสนุนข้อตกลงหยุดยิงดังกล่าว ก็มีเงื่อนไขไปถึงกลุ่มฮามาสว่า ขอให้ปล่อยตัวประกันที่เหลือออกมาเป็นอิสระและกลับบ้านของพวกเขาอย่างปลอดภัย เพื่อแลกกับข้อตกลงหยุดยิงด้วยเช่นกัน