"กฤษฏา" เผยหลายฝ่ายประเมินความรุนแรงพายุ "ปาบึก" ไม่เหมือนคราว แหลมตะลุมพุก สั่งด่วนตั้งศูนย์เฝ้าระวังติดตามตลอด 24 ชม.เตือนประชาชน ทำเส้นทางระบายน้ำ อพยพสัตว์ เพื่อลดความสูญเสียให้น้อยที่สุด วันนี้ (3 ม.ค.62) นายกฤษฏา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ล่าสุดได้สั่งการถึงหัวหน้าหน่วยงานสังกัดกระทรวงเกษตรฯในพื้นที่ 16 จังหวัดภาคใต้ เรื่องการป้องกันแก้ไขปัญหาจากพายุ ปาบึกนั้นขอให้ทุกหน่วยของกระทรวงเกษตรฯ (กษ.)ซึ่งปฎิบัติงานในพื้นที่ประสานการปฎิบัติกับ กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย( กอ.ปภ.)จังหวัดและหน่วยทหารในพื้นที่ให้เกิดความเป็นเอกภาพด้วย สำหรับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ส่วนกลางให้กำหนดเจ้าหน้าที่ประสานงานกับกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ(กอ.ปภ.ชาติ) โดยใกล้ชิดด้วย อธิบดีกรมชลประทาน กล่าวว่า พร้อมกันนี้ ให้ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และผู้บริหารในกระทรวงเกษตรฯ ทุกสังกัด ขอให้รีบสั่งการทางวิทยุ-ช่องทางการสื่อสารทุกช่องทางไปยังหน่วยงานกระทรวงเกษตรฯในพื้นที่ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปด้วยพร้อมจัดตั้งศูนย์เฝ้าระวังติดตามสถานการณ์ตลอด 24 ชม.ทั้งด้านการสูบน้ำ การอพยพปศุสัตว์การเตือนประชาชนด้วย อย่าให้ช้าจนเสียการ รวมทั้งมอบหมายผู้ตรวจราชการไปตรวจติดตามด้วยเพื่อเป้าหมายลดความสูญเสียให้น้อยที่สุดขอทราบผลทุกระยะด้วย และทุกหน่วยตรวจสอบวัสดุอุปกรณ์เครื่องมือเครื่องใช้ ที่ทำการ บ้านพักด้วยโดยให้หาทางระวังป้องกันอันตรายจากพายุ ปาบึก ที่อาจทำให้ทรัพย์สินของทางราชการเสียหายไว้ด้วย นายกฤษฏา กล่าวว่า ในส่วนการระบายน้ำและผลักดันน้ำ กรมชลประทาน ได้เตรียมเครื่องสูบน้ำไว้แล้ว 453 ชุดเครื่องดันน้ำอีก 300 ชุดพร้อมอุปกรณ์เครื่องจักรอีกจำนวนหนึ่งเตรียมอยู่ที่ศูนย์ชลประทานจังหวัดสุราษฎร์เพื่อสะดวกกับการขนย้ายเข้าพื้นที่ "ผลกระทบจากพายุ ปาบึก ไม่น่าจะเสียหายมากกว่าทุกครั้ง เพราะทุกหน่วยเตรียมพร้อมกว่าครั้งก่อนๆ ประกอบกับเครื่องมือที่ทันสมัยสามารถรู้ก่อนล่วงหน้าได้มาก จึงคาดว่าจะไม่เสียหายมากกว่าเมื่อ 50 ปีก่อนที่มีหลายกระแสประเมินว่าจะแรงเหมือนแหลมตะลุกพุก ที่เคยโดนพายุแฮเรียล"นายกฤษฎา กล่าว