“ทักษิณ” อ้อน “ชาวบึงกาฬ-หนองคาย” เลือกผู้สมัคร นายก อบจ. จากพรรคเพื่อไทย ถล่มทลาย บอกยังมีแรงช่วยประเทศได้ ลั่นไม่อยากเอาปี๊บคลุมหัวกลับมาเยี่ยม รับ พ่อคิด ลูกเลือกใช้ ด้าน “เรืองไกร” ร้อง ป.ป.ช. ตรวจสอบการขายหุ้นของนายกฯกับคู่สมรส แจ้งรายได้กับทรัพย์สิน ถูกต้อง หรือไม่

เมื่อวันที่ 19 ม.ค.2568 นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี  ในฐานะผู้ช่วยหาเสียงของพรรคเพื่อไทย ขึ้นเวทีปราศรัยช่วยหาเสียงผู้สมัครนายก อบจ. บึงกาฬ ร.ต.ภูมิพันธ บุญมาตุ่น ที่โรงเรียนบึงกาฬ โดยมีนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และนางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม และมีพี่น้องประชาชนมาฟังการปราศรัยจำนวนมาก 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทันทีที่นายทักษิณ มาถึงได้เดินทักทายพี่น้องประชาชน มีหลายคนเข้าไปมอบดอกกุหลาบและผูกผ้าขาวม้าให้ และได้ถ่ายรูปร่วมกับมวลชนบนเวที ก่อนจะเริ่มต้นกล่าวปราศรัย ว่า สวัสดีพี่น้องชาวบึงกาฬ ที่รักเคารพทุกท่าน เมื่อเช้าตนเองตื่นมา อากาศดีจังเลย แต่ว่าบรรยากาศเช้านี้ ที่เข้ามาเจอพี่น้องบึงกาฬทำให้ตนเองมีความสุขมาก เป็นการมาบึงกาฬที่ประทับใจที่สุด

นายทักษิณ กล่าวต่อว่า สิ่งหนึ่งที่มีความเกี่ยวข้องกับคนบึงกาฬ คือ ปี 2546 ตอนนั้นเป็นนายกฯ ไปประชุม ครม. สัญจรที่ จ.ภูเก็ต ได้สั่งยกเลิก มติ ครม. สมัยนายชวน หลีกภัย เป็นนายกฯ ที่บอกว่าจะไม่ขยายพื้นที่ปลูกยางพารา แต่ตนสั่งเพิ่มพื้นที่ปลูกยางพาราอีกหนึ่งล้านไร่ ซึ่งวันนี้บึงกาฬอย่างเดียวก็ ล้านไร่ไปแล้ว วันนั้นยางราคาตก รัฐบาลสมัยนั้นรับซื้อยางพาราที่ 22 บาท แต่มาขาย 16 บาท ก็ขาดทุนเยอะแยะ เขาว่ารัฐบาลเดือดร้อน เพราะต้องอุดหนุนยางพาราจำนวนมาก แต่ตนเองกลับมองตรงข้ามมองว่าเรากลับหาตลาดไม่ดี และตนเองมีความมั่นใจว่ามีตลาดใหญ่กว่านี้ แต่เราหาตลาดไม่เป็น เลยไปคุยกับบริษัทพลิตยาง คุยว่าเขาจะรับซื้อในราคา 60 บาทก็ไม่มีปัญหา เพราะการปลูกยางพาราจะเป็นรายได้ที่มั่นคง เนื่องจากเป็นพืชยืนต้น กรีดยางได้ ขายยางได้

นายทักษิณ กล่าวว่า ตอนนี้ตนเองแก่แล้ว อีก 6 เดือนก็อายุ 76 ปีแล้ว แต่ก็ยังพอมีแรงอยู่ ตนเองมาอีสาน พรรคเพื่อไทย เลือกตั้งได้ที่หนึ่งตลอดเพราะพี่น้องไม่เคยลืม ก็ลืมพี่น้องไม่ได้ กลับมาก็ต้องมารับใช้พี่น้อง และมีลูกสาวเป็นนายกฯ พ่อก็คอยช่วยเหลืออยู่ 
นายทักษิณ ยังกล่าวถึงปัญหายาเสพติดว่า วันนี้บ้านเมืองถูกบริหาร โดยไม่ได้บริหาร ถูกบริหารแบบธุรการ อยู่ไปวันๆ ไม่มียุทธศาสตร์มาหลายปีแล้ว แก้ปัญหายาเสพติดเป็นเรื่องง่ายมาก แต่ไม่ทำกัน ใครจำได้สมัยที่ตนเองเป็นนายกฯ 6 เดือนเกลี้ยงไม่มีเหลือ 
“วันนี้จะเอาคนที่ติดยาออกจากชุมชนให้เร็วที่สุด เอาไปบำบัดให้เร็วที่สุด และเอาพ่อค้ายาเสพติดออกจากอาชีพนี้ให้เร็วที่สุด ขืนปล่อยไว้มันหาเงินง่ายเกินไป ให้รู้ว่าที่หามาหมดตูดแน่นอน ไม่ให้เหลือเลย ซื้อบ้านยึดบ้าน ซื้อรถยึดรถ และติดคุกด้วย เหล่านี้จะเกิดขึ้นภายในไม่กี่เดือน ผลงานรัฐบาลต้องโป้งป้างเต็มที่" นายทักษิณ กล่าว

นายทักษิณ กล่าวถึงเรื่องโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ คนอายุเกิน 60 ปี วันที่ 27 ม.ค.นี้ มาแน่ ส่วนคนอายุต่ำกว่า 60 ปี ให้รอก่อน กำลังจัดระบบเทคโนโลยี รัฐบาลนี้พูดอะไรแล้วทำ แต่บางที บางครั้ง ก็มีอุปสรรค คนนั้นขวางนิด ขวางหน่อยสะกิดนิดสะกิดหน่อยเราฟัง ฟังเสร็จทำต่อไป ไม่สน เพราะเราคิดดีแล้วว่าสิ่งเหล่านี้ เป็นประโยชน์ต่อบ้านเมืองต่อประชาชน เมื่อคิดดีแล้ว เรารับฟัง แต่ไม่วอกแวก ทำแน่นอน 

"โครงการดี ๆ เรื่องดี ๆ จะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องตราบใดที่เพื่อไทยยังเป็นที่ไว้วางใจ ตราบใดที่ทักษิณ ยังมีชีวิตอยู่ คิดแต่เรื่องจะให้ประเทศอย่างเดียว แต่ทักษิณต้องการกำลังใจ เห็นแบบนี้ไม่ได้เข้มแข็งอะไรมากมาย ต้องการกำลังใจ ดังนั้นเลือกตั้งทุกครั้งเวลาเพื่อไทยส่งทักษิณไปหาเสียง ช่วยเลือกหน่อยเถอะ แล้วเลือกแบบไม่เกรงใจ เลือกแบบให้ถล่มทลาย เลือกทั้งทีเลือกทั้งทีม ช่วยเลือกหน่อยนะครับ ถือเป็นกำลังใจให้ทักษิณ มาบึงกาฬทั้งที มาขอคะแนนเอาหน่อยนะ แล้วไปบอกเพื่อนฝูงญาติพี่น้องด้วย เลือกเบอร์ 1 ให้ทักษิณหน่อยเถอะ" นายทักษิณ กล่าว
นายทักษิณ กล่าวต่อว่า วันนี้หลาย ๆ อย่างที่ปล่อยผ่าน เลยนานมา ก็ต้องกลับมาแก้ไข ตนเองยังพอไหว อายุ 75 เดินเหินยังพอได้ ยังคิดนู่นคิดนี่ให้พี่น้องได้อยู่ ขอเพียงพี่น้องอย่าลืมผม 17 ปีอยู่เมืองนอก ไม่ลืมกลับมาแล้วจะลืมได้ยังไง ต้องเอาตนเองไปใช้ ตราบใดที่ยังมีแรงอยู่ทำงานได้อยู่ต้องเอาผมไปใช้ ตอนนี้ก็ 75 แล้วเหลือเวลารับใช้พี่น้องได้อีก 40 ปีเอง ตนให้กำลังใจตัวเองได้มีแรง

นายทักษิณ กล่าวว่า เมื่อเช้าต้องยอมรับว่าไข่กระทะที่นี่อร่อย อยากให้ตนเองกลับมากินไข่กระทะอีกหรือไม่ กลับมาตนเองกลัวอาย พอมาถึงแล้วนั้น อุตส่าห์หาเสียงให้อบจ. แต่ถ้าสอบตก ก็อาย ต้องเอาให้ชนะ สู้ให้ขาด ตนเองจะได้ไม่อายเมื่อกลับมาเยี่ยมวันนั้น พี่น้องจะบอกว่าดีใจที่ยาเสพติดหายไปแล้ว ราคายางมันต้องดีขึ้นเรื่อย ๆ อีกด้วย

นายทักษิณ ยังกล่าวอีกว่า พี่น้องแดดออก ก็ยัง เอาผ้าคลุมหัว อย่างงี้รักตาย ก่อนจะถามว่าหนาวไหม หนาวก็ไม่หนาว ดีจัง แต่ดี อากาศดีมาก PM2.5  ไม่ค่อยมีเท่าไหร่ เพราะพัดไปทางใต้ กรุงเทพฯ จะรับเยอะหน่อย วันก่อนคุยกันว่าการเผาอ้อยเผาหนักมาก ปล่อยฝุ่น PM2.5 โรงงานอ้อยมารับรับผิดชอบด้วย เพราะชาวอ้อยเป็นลูกไล่ของโรงงานอ้อยเท่านั้น เพราะฉะนั้น ต้องมารับผิดชอบกันด้วย วันนี้สังคมต้องรับผิดชอบ ต้องไม่ทำร้ายซึ่งกันและกัน แต่ทำเยอะยังไงก็ต้องขอเวลามาเยี่ยมพี่น้องที่บึงกาฬ วันนี้ดีใจการต้อนรับอบอุ่นมาก ขอบคุณพี่น้องอีกครั้ง สิ่งที่บอกจะทำให้ดีที่สุด เร็วที่สุด ตนเองต้องการให้ท้องถิ่นเชื่อมโยงกับรัฐบาล และสิ่งที่ นายกฯ อิ๊งค์ พยายามทำเรื่องซอฟต์พาวเวอร์ คือ เพิ่มความชำนาญให้กับพี่น้องประชาชนให้มีรายได้ดีขึ้นกว่าการเป็นลูกจ้างขั้นต่ำ 

"ขอกันอีกครั้ง คราวที่แล้ว สส.บึงกาฬ เพื่อไทย ได้ที่เดียว ขี้เหนียวจังเลย คราวหน้าอย่าขี้เหนียวนะ ขอเพื่อไทย 3 เขตและครั้งนี้ทดลองก่อน คนบึงกาฬใจกว้าง เลือกเบอร์หนึ่ง เลือกสจ.ให้เป็นทีมเดียวกัน ขอบคุณที่ต้อนรับอย่างอบอุ่นและจะมาอีก ในวันที่พี่น้องบอกว่ายาเสพติดได้รับการปราบปรามแล้ว ผมจะมารับรางวัล ถ้ายาเสพติดเกลี้ยง หรือเกือบเกลี้ยงจะขอมารับรางวัลไข่กระทะ 1 ชุด เศรษฐีชาวบึงกาฬทั้งหลายเลี้ยงไข่กระทะสักชุด ก็น่าจะได้นะ คนบึงกาฬคงลงขันกันไหว เพราะเป็นเศรษฐีชาวสวนยางทั้งนั้น" นายทักษิณ กล่าว
จากนั้นเวลา 11.00 น. นายทักษิณ พร้อมคณะ เดินทางมาที่พุทธอุทยานนานาชาติ อ.โพนพิสัย จ.หนองคาย เพื่อช่วยนายวุฒิไกร ช่างเหล็ก ผู้สมัครนายก อบจ.หนองคายหาเสียง โดยมี น.ส.ชนก จันทาทอง ส.ส.หนองคาย พรรค พท. และประชาชนมารอให้การต้อนรับและรอการปราศรัยจนล้นพื้นที่ปราศรัย

นายทักษิณปราศรัยว่า ตนคิดถึงวันเก่าๆ มาหนองคายได้รับการต้อนรับที่อบอุ่นเช่นนี้ ไม่อยู่เมืองไทยมา 17 ปี ไม่นึกว่าจะได้รับการต้อนรับที่อบอุ่นเช่นนี้ ตนผูกพันกับคนอีสาน อยากเห็นคนอีสานมีชีวิตที่ดีขึ้น คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าพี่น้องจะมากันเยอะขนาดนี้ คิดฮอดบ่ คิดฮอดหลายบ่ เคยฟังเพลงที่ตนร้องหรือไม่ โดยนายทักษิณได้ร้องเพลงคิดฮอดบ้านแฮง ท่อนหนึ่งระบุว่า "คิดฮอดบ้านแฮง เช้าหรือแลงมองนาฬิกา หลายปีที่จากบ้าน ใจห่วงหาพี่น้องคนไทย"
นายทักษิณกล่าวต่อว่า นายกรัฐมนตรีประกาศแล้วว่าปีนี้จะจัดการกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่อยู่ประเทศเพื่อนบ้าน โดยภายในสิ้นปีนี้แก๊งคอลเซ็นเตอร์และยาเสพติดต้องหมดไป เราต้องร่วมมือร่วมใจกันทำให้บ้านเมืองเจริญขึ้น และในปี'70 รัฐบาลเพื่อไทยกลับมาอีกรอบ จะเอามือล้วงกระเป๋าไม่ได้เพราะมีเงินอยู่เต็ม

นายทักษิณกล่าวต่อว่า ตอนตนอยู่พ่อทำ 30 บาทรักษาทุกโรค ลูกทำ 30 บาทรักษาทุกที่ ตนไปอยู่เมืองนอก 17 ปี เหงา คิดถึงบ้าน นายกฯอิ๊งค์ไปเยี่ยมทุกเดือน ก็คุยกันแต่เรื่องบ้านเมือง เรื่องครอบครัว หลังจากถูกปฏิวัติไป ประเทศก็ได้รับการบริหารแบบไม่บริหาร อยู่ไปเรื่อยๆ แบบไม่มีแบบแผน ไม่มีเป้าหมาย ทำให้คนไทยแย่ไปเยอะ โอกาสดีๆ ที่ถูกทำลาย วันนี้กลับมาแล้ว หนึ่งทุนหนึ่งอำเภอไปเรียนเมืองนอก กลับมา นายกฯอิ๊งค์ จะเดินหน้าโครงการซัมเมอร์แคมป์ไปที่ต่างประเทศ จ้างครูจากต่างประเทศมาสอนภาษามาสอนเอไอ ปีนี้จะเริ่มทำและจ่ายสร้างโรงเรียนหนึ่งตัวอย่าง หนึ่งอำเภอในฝันต่อไป ให้เด็กไทยมีความรู้มากๆ จะได้ฉลาด

นายทักษิณกล่าวด้วยว่า วันก่อนตนไปหาเสียงที่เชียงราย ผู้สมัครนายก อบจ.เชียงราย ของพรรคเพื่อไทยไอเดียดีมาก วางแผนว่า หนึ่งตำบลให้มีโดรนหนึ่งตัว เพื่อพ่นยาฆ่าแมลง ฉีดปุ๋ย พ่อเฒ่าแม่เฒ่าจะได้ไม่ต้องสูดเอาสารพิษ และจะได้ใช้ปุ๋ยและยาฆ่าแมลงน้อยลง เวลามีไฟไหม้หรือหมอกควัน โดรนเหล่านี้ก็จะได้บินขึ้นพ่นน้ำ ซึ่งใช้งบประมาณไม่มาก โดรนตัว 1 แสนกว่า อย่างหนองคาย 60 อำเภอ 10 ล้านอยู่ และตอนตนอายุ 3 ขวบ พ่อตนเป็นคนแรกที่นำรถแทรกเตอร์เข้ามาไถนา ต้องกล้าใช้เทคโนโลยีใหม่ใหม่และผลผลิตก็จะคุ้มกัน และรัฐบาลจัดนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วย ขอให้เตรียมตัว

“เลือกนายก อบจ.เบอร์ 2 กับทีมงานให้ผมหน่อย ไม่เช่นนั้นผมกลับมาเยี่ยมต้องเอาปี๊บคลุมมา พี่น้องยังอยากใช้ทักษิณทำงานหรือไม่ ลูกสาวเป็นนายกฯ เขายังมีแรงอยู่ แต่พ่อมีแนวคิด มีประสบการณ์ก็ป้อนให้ลูกไป ส่วนเขาก็จะไปเลือกใช้เอง เพราะเขาเป็นคนมีความคิด เขาเก่ง ผมเป็นคนบ้ายอ เวลาหาเสียงทีไรเลือกให้ถล่มทลายนั่นคือการยอที่ถูกต้อง อย่าลืมเลือกเบอร์สองและ สจ. ทั้งหมดเพื่อเข้าไปทำงานเป็นตัวเชื่อมระหว่างรัฐบาลกับท้องถิ่น ผมเป็นคนขี้อาย อย่าทำให้ผมอายนะ อย่าขี้เหนียวนะเลือกให้เต็มที่เลย ขอให้เลือกวุฒิไกร ช่างเหล็ก”

ด้าน นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ เปิดเผยว่า วันนี้ได้ส่งหนังสือทางไปรษณีย์ EMS ถึง ป.ป.ช. เพื่อขอให้ทำการตรวจสอบนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กรณีเข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 6 กันยายน 2567 ว่า การขายหรือโอนหุ้นของนางสาวแพทองธาร 3 บริษัท และของคู่สมรส 1 บริษัท มีการแจ้งรายได้และทรัพย์สินที่ได้จากการขายหรือโอนหุ้นต่อ ป.ป.ช. ให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 114 หรือไม่