สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 6 ม.ค.68 ซึ่งตำรวจทางหลวงและศูนย์สืบสวนตรวจคนเข้าเมือง ได้ร่วมกันจับกุมกลุ่มลักลอบขนคนต่างด้าวเครือข่ายแรงงานเมียนมาที่ลอบเข้ามาทำงานในพื้นที่ชั้นใน จนกระทั่งจับกุมผู้ต้องหาได้กว่า 58 คน พร้อมรถยนต์กระบะและรถตู้ของกลาง 4 คัน เหตุเกิดพื้นที่ อ.พัฒนานิคม จว.ลพบุรี โดยกรณีดังกล่าวถือเป็นเครือข่ายรายใหญ่ นั้น

ต่อมาหลังเกิดเหตุ พล.ต.ต.วรชาติ แสนคำ ผบก.สส.ภ.1 และ พล.ต.ต.ชัยฤทธิ์ อนุฤทธิ์ รรท.ผบก.ตม.3 ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดร่วมกันสืบสวนขยายผลกลุ่มดังกล่าวจนกระทั่งพบรถยนต์ต้องสงสัย เชื่อว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับกรณีดังกล่าว เฝ้าติดตามพฤติการณ์จนกระทั่งเมื่อวันที่ 17 ม.ค.68 พบว่ารถเป้าหมายมีพฤติการณ์เดินทางผิดปกติเชื่อว่าน่าจะไปกระทำผิด จึงได้ร่วมกันวางแผนจับกุม และสามารถสกัดจับรถยนต์ได้ที่บริเวณด่านเก็บเงินโทลเวย์ ดอนเมืองขาเข้า จากการตรวจสอบพบ นาย Saw (นามสมมติ) อายุ 27 ปี สัญชาติเมียนมา เป็นคนขับรถ และนายเอ (นามสมมติ) อายุ 59 ปี เป็นคนดูเส้นทาง พร้อมกับคนต่างด้าวอีกจำนวน 10 คน ซึ่งเป็นแรงงานลักลอบหลบหนีเข้าเมือง จากการซักถาม นายเอ รับว่า ตนเป็นผู้รับงานขนคนต่างด้าวในครั้งนี้ รับค่าจ้างขนคนต่างด้าวหัวละ 1,000 บาท รับคนต่างด้าวมาจาก เขตจังหวัดนครสวรรค์ เพื่อนำส่งพื้นที่ กทม.ชั้นใน ในชั้นนี้จึงได้แจ้งข้อกล่าวหา นายเอ และ นายSaw  ว่า “ร่วมกันนำพาคนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักร หรือกระทำด้วยประการใดๆ เป็นการช่วยเหลือ ให้ความสะดวกฯ” และจับกุมคนต่างด้าวทั้ง 10 คน ในความผิดฐาน “เป็นบุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง” พร้อมด้วยตรวจยึดรถยนต์ไว้เป็นของกลาง นำส่งพนักงานสอบสวน สน.ดอนเมือง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย 

 พล.ต.ต.ชัยฤทธิ์ รักษาราชการแทน ผบก.ตม.3 เปิดเผยว่า กรณีดังกล่าวสำนักงานตำรวจแห่งชาติโดย พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร.ได้สั่งการให้ พล.ต.ท.สุรพล เปรมบุตร ตำรวจภูธรภาค 1 และ พล.ต.ท.ภานุมาศ บุญญลักษม์ ผบช.สตม.ประสานการปฏิบัติเพื่อสืบสวนจับกุมเครือข่ายลักลอบขนคน โดยในส่วนของ บช.ภ.1 มอบหมายให้ พล.ต.ต.วรชาติ แสนคำ ผบก.สตม.ประสานการปฏิบัติกับ พล.ต.ต. ปิติ นิธินนทเศรษฐ์ รอง ผบช.สตม.ร่วมกันสืบสวนเครือข่าย จนนำไปสู่การจับกุมในครั้งนี้ ทั้งยังพบพยานหลักฐานต่างๆ ที่สามารถนำไปสู่ตัวการในระดับสูง ซึ่งจะได้ประสานการปฏิบัติและดำเนินการตามกฎหมายผู้เกี่ยวข้องต่อไป