ผู้สมัครชิงชัยตำแหน่งนายก อบจ.แม่ฮ่องสอน โร่ร้องสื่อ หลังร้องเรียนไปยัง กกต.แล้วแต่เรื่องไม่คืบหน้า แฉมีนายกอบต.แห่งหนึ่งใน อ.ปาย ประชุม อสม.และชี้แนะให้เลือก ผู้สมัครชิงตำแหน่งนายกอบจ.คนหนึ่งส่งผลให้ตนเสียประโยชน์และส่อในการทุจริตการเลือกตั้ง
วันที่ 18 มกราคม 2568 ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า นายดนุภัทร์ เชียงชุม ผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็น นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดแม่ฮ่องสอน หมายเลข 2 ได้เดินทางมาร้องเรียนต่อสื่อมวลชน โดยระบุว่า ตนเองได้รับคลิปวีดีโอ จากผู้ที่มีสิทธิเลือกตั้งและหวังดีต่อผู้สมัคร ว่ามีนายก อบต.ท่านหนึ่ง ในพื้นที่ อ.ปาย ได้ไปประชุม อสม. ผมได้เปิดฟังคลิปเสียงดังกล่าวแล้วดูว่าเสียเปรียบต่อคู่ต่อสู้ ซึ่งนายก อบต.ใช้ตำแหน่งหน้าที่ทางราชการไปประชุม อสม. แล้วมีการกล่าวว่า ผู้สมัครหมายเลขหนึ่ง มีคุณประโยชน์ ต่อ อสม.มากมาย เช่นเอาเสื้อมาให้เอากระเป๋ามาให้ ซึ่งเสื้อกับกระเป๋าเป็นเสื้อของ อสม. ซึ่งหน่วยงานของ อบจ.เคยมอบให้กับ อสม.ดังนั้นผมดูแล้วว่าคลิปนี้หมิ่นเหม่ ต่อการผิด พรบ.เลือกตั้งซึ่งผมเป็นผู้สมัคร ผมไม่ได้มีอำนาจจัดการบริหารในองค์กร แต่ว่าผู้สมัครท่านนั้นเคยเป็นผู้บริหารมาก่อนซึ่งการใช้ข้าวของสิ่งเหล่านี้ เข้าข่ายการให้แล้วในคลิปท้ายผมดูแล้วว่า ยังมีการสัญญาว่าจะให้ตามมาด้วย ผมดูแล้วว่าคลิปนี้ส่อหมิ่นเหม่ต่อการเลือกตั้งในครั้งนี้ ผมก็ทำหนังสือร้องเรียนพร้อมคลิปเสียง ยื่นต่อ กกต.จังหวัดแม่ฮ่องสอน เป็นที่เรียบร้อยแล้วแต่เรื่องกลับไม่คืบหน้าแต่อย่างใด จึงได้เดินทางมาร้องเรียนต่อสื่อมวลชนเพื่อขอความเป็นธรรมในเรื่องดังกล่าว
โดยตนได้ทำหนังสือร้องเรียน ต่อ เจ้าหน้าที่ กกต.แม่ฮ่องสอนเมื่อวันที่ 10 มกราคม 2568 หลังจากนั้นในวันที่ 13 มกราคม 2568 ทางเจ้าหน้าที่ กกต.แม่ฮ่องสอน ได้โทรหาตนและให้ตนไปคัดคำพูดในคลิปเป็นตัวหนังสือและส่งให้ กกต. ซึ่งผมมองว่าเมื่อได้ส่งหนังสือร้องเรียนพร้อมคลิปไปแล้วน่าจะจบ เพราะว่าเรื่องการดำเนินการน่าจะเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ กกต.เพราะว่ามีคลิปเสียงและภาพชัดเจนอย่างนี้คิดว่าเพียงพอต่อการที่ กกต.ไปทำหน้าที่ตรวจสอบว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไรและต้องเร่งดำเนินการตามหน้าที่อย่างเด็ดขาด
สำหรับการเลือกตั้ง นายกอบจ.และสมาชิก อบจ.ในจังหวัดแม่ฮ่องสอน พบว่ามีการแข่งขันสูงมากกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา โดยมีกระแสว่ามีการจ่ายเงินซื้อเสียง อย่างหนัก โดยมีราคา ตำแหน่งนายก หัวละ 1,000 บาท และ ตำแหน่งสมาชิก อบจ. หัวละ 500 บาท ซึ่งก่อนหน้านั้นในการเลือกตั้ง ส.อบต. มีการซื้อเสียง ตำแหน่งนายก สูงถึง หัวละ 1,000 บาท โดยที่หน่วยงานที่มีหน้าที่เกี่ยวข้อง ไม่สามารถดำเนินการเอาผิดต่อการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งได้แต่อย่างใด