วันที่ 17 ม.ค. 68 เวลา 14.00 น. นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) และนายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมการปกครอง (ปค.) ร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในการสนับสนุนภารกิจด้านการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ระหว่างกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยและกรมการปกครอง เพื่อเสริมสร้างศักยภาพสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน (อส.) ให้สามารถสนับสนุนภารกิจด้านการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยตามพระราชบัญญัติป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ. 2550 และแผนป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ. 2564 – 2570 ในการ “บำบัดทุกข์ บำรุงสุข” ให้แก่ประชาชน โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และนายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ให้เกียรติร่วมเป็นสักขีพยานการลงนามความร่วมมือ ณ ห้องประชุม 1 อาคาร 3 ชั้น 5 กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
โดย นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เปิดเผยว่า กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้ให้ความสำคัญกับการสร้างความร่วมมือกับหน่วยงานภาคีเครือข่าย เพื่อยกระดับและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานด้านการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยของประเทศมาอย่างต่อเนื่อง และสร้างความปลอดภัยแก่ประชาชนอย่างเป็นรูปธรรม
สำหรับความร่วมมือครั้งนี้ เกิดจากความตั้งใจของกระทรวงมหาดไทยที่มุ่งสร้างกำลังเจ้าหน้าที่ของกระทรวงมหาดไทยให้มีทักษะและความสามารถที่ในจัดการสาธารณภัย กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยในฐานะหน่วยงานหลักของกระทรวงมหาดไทยที่ดูแลด้านการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยของประเทศ ภายใต้พระราชบัญญัติป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ. 2550 และกรมการปกครองซึ่งมีกองกำลังอาสารักษาดินแดน (อส.) เป็นกำลังสำคัญในการรักษาความสงบในพื้นที่และบรรเทาสาธารณภัยที่เกิดจากธรรมชาติ จึงได้ร่วมมือกันเพื่อเสริมสร้างศักยภาพสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน (อส.) ให้มีองค์ความรู้ด้านการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย มีทักษะในการค้นหาและกู้ภัย สามารถใช้เครื่องจักรกลสาธารณภัยและร่วมออกปฏิบัติงานสนับสนุนภารกิจด้านการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ตามพระราชบัญญัติป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ. 2550 และแผนป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ. 2564 – 2570 เพื่อ “บำบัดทุกข์ บำรุงสุข” ให้แก่ประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ซึ่งความร่วมมือในครั้งนี้ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจะกำหนดแนวทางการปฏิบัติหน้าที่ในการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยของสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน โดยจัดทำหลักสูตร “จัดตั้ง อส.กู้ภัย” และดำเนินการฝึกอบรมให้ความรู้ด้านการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พัฒนาทักษะด้านการค้นหาและกู้ภัยและการใช้งานเครื่องจักรกลสาธารณภัยให้แก่สมาชิกกองอาสารักษาดินแดน ส่วนกรมการปกครองจะสนับสนุนข้อมูลในการจัดทำหลักสูตรการฝึกอบรม พิจารณาคัดเลือกสมาชิกกองอาสารักษาดินแดนเข้าร่วมหลักสูตรการฝึกอบรม และสนับสนุนสมาชิกกองอาสารักษาดินแดนเข้าร่วมการปฏิบัติภารกิจป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยตามที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยร้องขอ โดยทั้งสองหน่วยงานจะร่วมกันสนับสนุนงบประมาณและทรัพยากรตามระเบียบและหลักเกณฑ์ที่ทางราชการกำหนด ในโอกาสนี้
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยขอขอบคุณกรมการปกครองที่ร่วมมือกันเพิ่มศักยภาพของบุคลากรเพื่อสนับสนุนงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชน
ด้านนายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมการปกครอง กล่าวว่า กองอาสารักษาดินแดนเป็นองค์การที่ตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติกองอาสารักษาดินแดน พ.ศ. 2497 เพื่อรักษาความสงบภายในท้องที่และบรรเทาภัยที่เกิดจากธรรมชาติ มีกำลังพลประจำ ณ ส่วนกลางและส่วนภูมิภาค ทั้งกองอาสารักษาดินแดนจังหวัดและกองอาสารักษาดินแดนอำเภอ ซึ่งกรมการปกครองได้มีการพัฒนาศักยภาพและทักษะการปฏิบัติงานให้แก่เจ้าหน้าที่มาอย่างต่อเนื่อง และเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันที่ภัยพิบัติได้เกิดขึ้นอย่างรุนแรง ซับซ้อน ขยายเป็นวงกว้าง และมีลักษณะประเภทภัยที่แตกต่างไปตามบริบทของแต่ละพื้นที่ การส่งเสริมให้กำลังพลอาสารักษาดินแดนมีทักษะความรู้ด้านการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จะช่วยให้สามารถสนับสนุนการเผชิญเหตุและช่วยเหลือประชาชนตามกลไกกฎหมายด้านการจัดการสาธารณภัยได้อย่างมีประสิทธิภาพ ประชาชนได้รับความช่วยเหลืออย่างรวดเร็ว ซึ่งกรมการปกครองมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยดำเนินการตามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในการสนับสนุนภารกิจด้านการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และจะมุ่งมั่นดำเนินการอย่างเต็มความสามารถเพื่อบำบัดทุกข์ บำรุงสุข บรรเทาความเดือดร้อนจากภัยพิบัติเพื่อประชาชน
ขณะที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยและกรมการปกครอง ถือเป็นกำลังหลักสำคัญของกระทรวงมหาดไทยในการบำบัดทุกข์ บำรุงสุข เพื่อพี่น้องประชาชน จากเหตุการณ์สาธารณภัยที่เกิดขึ้นในปีที่ผ่านมา ประเทศไทยได้เผชิญสาธารณภัยที่มีความรุนแรงขึ้นตามสภาวะแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป เราจึงไม่อาจรับมือด้วยวิธีการเดิมๆ แต่ต้องอาศัยความร่วมมือร่วมใจที่เพิ่มมากขึ้น การลงนามความร่วมมือฉบับนี้ นับว่ามีความสำคัญอย่างยิ่งต่อคุณภาพชีวิตและความมั่นคงปลอดภัยของประชาชน เพราะภัยพิบัติที่ผ่านมาได้ทำให้เห็นว่าสมาชิกกองอาสารักษาดินแดนมีส่วนสำคัญในการช่วยเหลือประชาชนจากภัยพิบัติควบคู่ไปกับการปฏิงานของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเพื่อให้พี่น้องประชาชนผู้ประสบภัยสามารถกลับไปดำรงชีวิตได้ตามปกติ
ทั้งนี้ นายอนุทิน กล่าวว่า ขอให้ทั้งสองหน่วยงานผนึกกำลังสนับสนุนทรัพยากรแก่กันอย่างเต็มศักยภาพ เพื่อสร้างความปลอดภัย และความเชื่อมั่นให้กับประชาชนเมื่อต้องเผชิญกับเหตุสาธารณภัย และความร่วมมือในครั้งนี้จะนำไปสู่เป้าหมายสำคัญของกระทรวงมหาดไทย คือ "บำบัดทุกข์ บำรุงสุข" เสริมสร้างคุณภาพชีวิตเพื่อความผาสุกของพี่น้องประชาชนชาวไทย