ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า จากกรณีคนร้ายไม่ทราบจำนวนมาก ก่อเหตุงัดบ้านนักธุรกิจชาวจีนทำบริษัททัวร์ในประเทศไทยภายในหมู่บ้านหรูแห่งหนึ่ง หมู่ 11 ต.ห้วยใหญ่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี แล้วขึ้นไปงัดตู้เซฟใบขนาดใหญ่ ในห้องพักชั้น 2 ก่อนจะกวาดทรัพย์สิน - นาฬิกาข้อมือราคาแพง ร่วมมูลค่ากว่า 100 ร้อยบาท ตามที่มือข่าวเสนอไปแล้วนั้น
ล่าสุด วันที่ 17 มกราคม 68 เวลา 12.00 น.ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า พ.ต.อ. อรรถพล อิทธโยภาสกุล ผกก. , พ.ต.ท.พรพรหม ม่วงบังยุง รอง ผกก.สส. , พ.ต.ท.นิติภูมิ บุตรวงศ์ รอง ผกก.(สอบสวน) พร้อมด้วย ชุดสืบสวน สภ. ใหญ่ ตำรวจกองพิสูจน์หลักฐาน 2 ชลบุรี ( พฐ. ) เดินทางลงพื้นที่มาตรวจสอบที่เกิดเหตุอีกครั้ง เพื่อหาร่องรอยเบาะแสของคนร้าย รวมถึงการตรวจสอบลายนิ้วมือแฝง ภายในห้องพักที่เกิดเหตุ รวมถึงมีการตรวจสอบบริเวณรอบด้านของบ้านที่เกิดเหตุ โดยด้านหลังบ้านเป็นกำแพง โดยด้านหลังกำแพง เป็นไร่มันสำปะหลัง
โดย ตำรวจกองพิสูจน์หลักฐานมีการตรวจสอบตู้เซฟอย่างละเอีดยดอีกครั้ง ซึ่งลักษณะของตู้เซฟใบดังกล่าว มีขนาดความกว้าง 1 เมตร สูง 1.50 เมตร น้ำหนักรวม 250 กิโลกรัม โดยด้านขอบตู้เซฟทั้ง 4 ด้าน ถูกหล่อด้วยปูน และ หุ้มด้วยเหล็กอย่างหนา ตัวบานประตูเซฟถูกงัดด้วยชะแลงเหล็ก จนพังเสียหาย และมีเศษปูนแจก จนเศษปูนกระเด็นกระจัดกระจาย และคราบฝุ่นจากปูนเต็มไปทั่วบริเวณ ส่วนกล่องใส่นาฬิกาข้อมือเป็นลักษณะ กล่องไม้ สามารถใส่นาฬิกาได้ถึง 10 เรือน วางอยู่เรียงรายจำนวน 8 กล่อง และยังพบกล่องนาฬิกาข้อมือยี่ห้อดัง ( ยี่ห้อโรเล็กซ์ ) จำนวน 1 กล่อง แต่เป็นเพียงแค่กล่องเปล่า ตำรวจจึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
ขณะที่ พนักงานสอบสวน เร่งสอบปากคำ นายหยูเฉา เชา อายุ 43 ปี ชาวจีน ซึ่งพักอาศัยอยู่ในบ้านหลังดังกล่าว โดยอ้างว่าเป็นเพื่อนกับเจ้าของบ้านซึ่งเป็นชาวจีนเหมือนกัน ให้มาพักอาศัยบ้านหลังดังกล่าว และคอยดูแลบ้านให้ แต่จากการสอบปากคำ นายหยูเฉา เชา ให้การกับตำรวจว่า ได้มาอยู่บ้านหลังดังกล่าวได้ประมาณ 4 เดือน โดยก่อนหน้านี้พยายามหาบ้านเช่าในประเทศไทย แต่เพื่อนได้แนะนำให้มาอยู่บ้านหลังดังกล่าว พร้อมทั้งให้ช่วยดูแลบ้าน ส่วนเจ้าของบ้านตัวจริง อยู่ประเทศจีน โดยเจ้าตัวยังคงยืนยันว่าเป็นเพียงผู้พักอาศัยอยู่ภายในบ้าน แต่ไม่รู้ว่าภายในตู้เซฟ มีทรัพย์สินอะไรอยู่บ้าง และยังคงยืนยันในความบริสุทธิ์ใจว่าตนเองไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ทั้งนี้ ตำรวจมีการตรวจสอบบ้านหลังดังกล่าวพบว่า มีชาวจีนและคนไทยร่วมซื้อบ้านหลังดังกล่าว โดยชาวจีนซึ่งทราบชื่อเพียงว่า “นาย หวัง เหลียง เฉิน” ได้นำตู้เซฟใบดังกล่าวมาวางไว้ในห้องพักเมื่อ 8 ปี ก่อน ซึ่งในขณะนั้น นาย หวัง เหลียง เฉิน ได้ร่วมกับคนไทยเปิดบริษัททัวร์ ในประเทศไทย แต่พอเดินทางกลับไปประเทศจีน ก็ถูกดำเนินคดี ไม่สามารถเดินทางกลับมาประเทศไทย นานกว่า 8 ปีแล้ว
ด้านทรัพย์สินที่หาย มีการกล่าวอ้างว่า มูลค่ากว่า 100 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นนาฬิกาข้อมูลหรูราคาแพง ในขณะนี้ตำรวจไม่สามารถตรวจสอบได้ เพราะทางผู้เสียหายหรือเจ้าของตัวจริง ยังไม่มีมีการมาแสดงหลักฐานยืนยัน แต่ในขณะนี้ตำรวจอยู่ในระหว่างการตรวจสอบและแกะรอจากกล้องวงจรปิด เพื่อหาจุดเชื่อมโยง คนร้ายเข้ามาลงมือก่อเหตุในช่วงเวลาใด และเชื่อว่าคนร้ายเจาะจงเข้ามางัดตู้เซฟโดยเฉพาะ โดยคิดว่าภายในตู้เซฟต้องมีทรัพย์สินอะไรบางอย่าง