หมายเหตุ : “เทพไท เสนพงศ์” อดีตสส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์รายการ “สยามรัฐสัปดาหวิจารณ์” ออกอากาศที่ช่องยูทูบ Siamrathonline เมื่อวันที่ 11 มกราคม 2568 วิเคราะห์ถึงโอกาสและความเป็นไปได้ กรณี “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี ประกาศจะพา “พรรคเพื่อไทย” กลับมายิ่งใหญ่ทางการเมืองอีกครั้งให้เหมือนยุครัฐบาล “ไทยรักไทย”
รวมถึงการเดินหน้าสร้างผลงานของ “แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี จากนี้ไปถึงวันเลือกตั้ง จะทำได้หรือไม่ ตลอดจนเสถียรภาพ “รัฐบาลผสม” จะจับมืออยู่ร่วมกันไปตลอดรอดฝั่งหรือไม่
- คุณทักษิณ ประกาศจะทวงคืนความยิ่งใหญ่ให้กับพรรคเพื่อไทยให้เหมือนเมื่อครั้งรัฐบาลไทยรักไทย มองความเป็นไปได้มีมากน้อยแค่ไหน
วันนี้สถานการณ์เปลี่ยนไปเยอะ คุณทักษิณ เองอาจจะหลงตัวเองว่า บริบททางการเมืองในวันนี้ มันเหมือนกับเมื่อ 20 ปีที่แล้ว ซึ่งไม่ใช่แล้ว คุณทักษิณ เองก็พยายามเรียกศรัทธา คืนมายังพรรคเพื่อไทย เชื่อว่าก็คงทำในตลาดเดิมๆ คือในกลุ่มคนที่มีอายุตั้งแต่ 40ปีขึ้นไป คุณทักษิณเองก็พยายามที่จะรักษาคนส่วนนี้ไว้ แต่คนส่วนนี้ ก็ยังพบว่าบางส่วนไปอยู่กับพรรคสีส้ม ดังนั้นคุณทักษิณ จึงพยายามที่จะดึงกลับ เท่าที่ทำได้
แต่ส่วนที่เป็นคนรุ่นใหม่ ส่วนใหญ่ก็ยังไปอยู่ในพรรคส้ม 80 เปอร์เซ็นต์ ส่วนที่มาอยู่ในพรรคเพื่อไทย เป็นส่วนน้อย แม้พรรคเพื่อไทยจะพยายาม สร้างคนรุ่นใหม่เพื่อที่จะชิงตลาด แต่ก็ไม่สามารถชิงได้ เพราะศักยภาพของคนรุ่นใหม่ในพรรคเพื่อไทย กับพรรคประชาชนนั้นแตกต่างกัน เพราะคนรุ่นใหม่ในพรรคประชาชน เขาสู้ด้วยลำแข้งของตัวเอง สามารถดึงคะแนนนิยมจากตลาดของคนรุ่นใหม่ แต่คนรุ่นใหม่ในพรรคเพื่อไทย ส่วนใหญ่เป็นคุณหนู เป็นลูกบ้านใหญ่ เป็นลูกนักการเมือง ฉะนั้นพวกนี้จะอาศัยใบบุญของพ่อแม่
ฉะนั้นการที่คุณทักษิณ ประกาศว่าจะทำให้พรรคเพื่อไทยกลับมายิ่งใหญ่เหมือนกับพรรคไทยรักไทยในอดีต คิดว่าเป็นไปได้ยากมาก
-ตลอดระยะเวลากว่าสามเดือนที่ผ่านมา ซึ่งนายกฯแพทองธาร เข้ามารับตำแหน่ง ประเมินว่าเป็นช่วงที่สามารถสะสมแต้ม สะสมคะแนนได้มากน้อยแค่ไหน และจากนี้ไปถึงการเลือกตั้งครั้งใหม่ในปี 2570 หากรัฐบาลอยู่ครบเทอม จะสะสมผลงานได้หรือไม่
ตลอดเวลาที่คุณแพทองธาร เข้ามารับตำแหน่ง สังคมก็รับรู้ว่าคุณแพทองธาร มาโดยการผลักดันของนายทักษิณ ผู้เป็นพ่อ เป็นโควตาของบ้านชินวัตร แต่ความรู้ ความสามารถ หรือวุฒิภาวะไม่มีเลย เพราะฉะนั้นการที่มาเป็นนายกฯผ่านมาในช่วงสามเดือนก็ยังไม่เห็นว่าอะไรที่จะทำให้คะแนนนิยมของนายกฯแพทองธาร จะเพิ่มขึ้น มีแต่จะลดลง ถูกวิพากษ์วิจารณ์ทั้งเรื่องการแต่งกาย การอ่านไอแพด ในการประชุมใหญ่ๆ ระดับนานาชาติ
รวมไปถึงการตอบคำถามผู้สื่อข่าวเอง คุณแพทองธาร ก็ตอบไม่ได้ หลบเลี่ยง ที่จะตอบประเด็นการเมือง หรือเรื่องที่ต้องตัดสินใจ เป็นนายกฯแบบคุณหนู ดังนั้นต้องยอมรับว่าวันนี้คะแนนนิยมไม่ได้เพิ่มขึ้นเลย และถ้าถามต่อไปว่า ในปี 2570 คุณแพทองธาร จะสร้างผลงานเพื่อนำไปสู่การเลือกตั้งจนประสบความสำเร็จหรือไม่นั้น ผมคิดว่าตอนนี้รัฐบาลเพื่อไทย ซึ่งต้องนับต่อมาจากรัฐบาลนายกฯเศรษฐา ทวีสินด้วย มาครึ่งเทอมแล้ว ยังไม่มีอะไรที่เป็นผลงานเป็นชิ้นเป็นอัน สร้างคะแนนนิยมให้กับพรรคเพื่อไทยได้
และผมยังเชื่อว่าหากคุณแพทองธาร ยังเป็นนายกฯต่อไปจนถึงปี 2570 เมื่อลงสนามเลือกตั้งครั้งใหม่ และพรรคเพื่อไทยยังเสนอเป็นแคนดิเดตนายกฯอีก คิดว่าจะไม่เป็นที่ยอมรับของประชาชน ดังนั้นแม้ตอนนี้พรรคเพื่อไทยจะเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล และพยายามเรียกคะแนนนิยมคืน หลังจากที่เสียไปจากการตระบัดสัตย์ กระโดดข้ามขั้วมาจัดตั้งรัฐบาลกับฝ่ายอนุรักษ์นิยมแล้วก็ยังไม่เห็นผลงานที่จะไปชดเชยความสูญเสียที่เกิดจากการข้ามขั้วได้เลย
-จากสถานการณ์เช่นนี้หรือไม่ที่ทำให้คุณทักษิณ เองต้องมาสวมบทเหมือนเป็นนายกฯอีกคนหนึ่งขึ้นมา
เชื่อว่าคุณทักษิณรู้และเข้าใจถึงข้อจำกัดของลูกสาวตัวเอง ว่าเมื่อผลักดันไปแล้ว แต่ไม่ประสบความสำเร็จ คุณทักษิณ จึงต้องเคลื่อนไหวเอง เหมือนกับเป็นนายกฯตัวจริง และต้องการให้สังคมได้รับรู้ว่า ตัวเขาเองมีความสามารถที่จะแก้ปัญหาของประเทศได้ ต้องการเคลื่อนไหวเพื่อให้ทุกฝ่ายยอมรับตัวเอง หรือทำให้เห็นว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นในประเทศไทยนั้น มีแต่คุณทักษิณ เท่านั้นที่จะแก้ไขได้
คุณทักษิณ พยายามจะพูดว่า 17 ปีที่หายไป บ้านเมืองทรุดโทรมไปมาก ปัญหาเกิดขึ้นมากมาย ไม่มีใครแก้ปัญหาเหล่านี้ ได้ ดังนั้นตัวเองจึงจำเป็นต้อง ส.ท.ร.คือเสือกทุกเรื่อง เพราะบ้านเมืองไม่มีเจ้าภาพ ทั้งๆที่เจ้าภาพของการแก้ปัญหาประเทศ ก็คือรัฐบาลชุดนี้ เท่ากับว่าคุณทักษิณ กำลังต่อว่ารัฐบาลลูกสาวตัวเอง
ประการต่อมา คุณทักษิณก็พยายามเคลื่อนไหว ทางการเมืองในภาพกว้าง ด้วยการขึ้นเวทีปราศรัย ให้ผู้สมัครของพรรคเพื่อไทย หาเสียงชิงนายกอบจ. หลายเวที เพื่อหวังผลให้คนทั้งประเทศยอมรับว่า คุณทักษิณ เท่านั้นที่จะแก้ปัญหาประเทศชาติได้ นอกจากนี้คุณทักษิณพยายามสร้างภาพการเป็นนายกฯอินเตอร์ ไปดีลกับอันวาร์ อิบราฮิม ให้แต่งตั้งตัวเองเป็นที่ปรึกษาของประธานอาเซียน พยายามแสดงศักยภาพในการปราบแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ ทั้งที่กัมพูชา และเมียนมา หรือการเจรจากับว้าแดง เพื่อให้เห็นว่าตัวเองมีความสามารถเป็นที่ยอมรับ ของประชาคมโลก
ผมคิดว่าการที่คุณทักษิณเคลื่อนไหวเช่นนี้ เพราะต้องการให้ฝ่ายอนุรักษ์นิยมเห็นความสำคัญ และเห็นความจำเป็นว่าบ้านเมือง ในขณะนี้ต้องใช้คนอย่างคุณทักษิณเท่านั้น ถึงจะแก้ได้ ดังนั้นคุณทักษิณ จึงเคลื่อนไหวเพื่อให้ตัวเองได้กลับมาเป็นนายกฯอีกครั้งหนึ่ง
ลึกๆแล้ว ผมเชื่อว่าเจตนาของคุณทักษิณ หรือเป้าหมายสูงสุดของเขาคือการได้กลับมาเป็นนายกฯอีก ที่คุณทักษิณเคยบอกว่าตัวเองแก่แล้ว พยายามถ่อมตน แต่ลึกๆแล้วอยากจะกลับมาเพราะปัจจุบันอายุแค่ 75ปีเท่านั้น ยังไม่ใช่คนแก่ เพียงแต่คุณทักษิณ ไม่กล้าพูดความจริงกับสังคม เพราะกลัวจะได้รับเสียงต่อต้าน แต่ถ้ามีช่อง มีโอกาส และฝ่ายอนุรักษ์นิยมไฟเขียว ผมคิดว่าวันนั้นคุณทักษิณ จะทำแน่นอน
-มีการตั้งข้อสังเกตว่า เมื่อใดที่พรรคเพื่อไทย มีเค้า ว่าจะไปจับมือกับพรรคประชาชน พรรคสีส้ม สถานการณ์ของคุณทักษิณจะตกเป็นรองทันที
คุณทักษิณรู้ดีว่าหากตัวเองขัดใจกับฝ่ายอนุรักษ์นิยม หรือไปอยู่กับฝั่งตรงข้ามอนุรักษ์นิยม เมื่อใดจะตกอยู่ในสภาพเช่นใด ที่ผ่านมาคุณทักษิณอยู่ฝ่ายตรงข้ามกับกลุ่มอนุรักษ์นิยม จนต่อมาคุณทักษิณ ต้องหนีออกนอกประเทศ ไป17ปีกว่าจะได้กลับมา
และวันนี้เมื่อได้กลับมาแล้ว ได้จับมือกับกลุ่มอนุรักษ์นิยม ดังนั้นคุณทักษิณ จะอาศัยใบบุญของกลุ่มอนุรักษ์นิยมเพื่อเป็นรัฐบาล และทำประโยชน์ให้กับพรรคเพื่อไทย และครอบครัว ดังนั้นโอกาสที่จะไปจับมือกับพรรคประชาชน เป็นไปได้ยากมาก
แต่คุณทักษิณ พยายามที่จะให้พรรคประชาชน เคลื่อนไหวอยู่ต่อ ยิ่งพรรคประชาชนเคลื่อนไหวมากเท่าใด ยิ่งทำให้ฝ่ายอนุรักษ์นิยมก็จะหวาดกลัว จึงยังเลือกใช้บริการคุณทักษิณต่อไป ซึ่งเขาก็จะมีความสำคัญ มากขึ้นเท่านั้น
ฉะนั้นการที่จะให้คุณทักษิณ ไปจับมือกับพรรคประชาชน เพื่อเป็นรัฐบาล แล้วหักหลังกับกลุ่มอนุรักษ์นิยม ผมเชื่อว่าเป็นไปไม่ได้เลย เพียงแต่คุณทักษิณ ใช้พรรคประชาชนเพื่อต่อรอง กับฝ่ายอนุรักษ์นิยม
ดังนั้นวันนี้คุณทักษิณไม่ต้องการให้พรรคประชาชนหายไปไหน อยากให้อยู่ในสภาพเช่นนี้ คุณทักษิณก็จะได้ประโยชน์ ฉะนั้นคุณทักษิณ จะเลี้ยงกระแสของพรรคประชาชน ต่อไป เพื่อที่จะให้เป็นเครื่องมือของตัวเอง เพื่อที่จะหาประโยชน์ หรือแสวงหาอำนาจ อยู่ในฝ่ายอนุรักษ์นิยมต่อไป
- ชีพจรของรัฐบาลผสมวันนี้เป็นอย่างไรบ้าง จะอยู่จนครบเทอมหรือไม่
โดยสภาพของรัฐบาล เชื่อว่าจะยังคงจับมือเพื่อประสานประโยชน์กันต่อไปเช่นนี้ เพราะถ้าหากขัดแย้งหรือแตกหักกันหรือรัฐบาลมีอันเป็นไปเร็ว พรรคร่วมฯจะเดือดร้อน เราต้องยอมรับว่า พรรคร่วมรัฐบาลชุดนี้ ที่ได้สส.จากการเลือกตั้งต่างใช้เงินทุนด้วยกันทั้งสิ้น และวันนี้การที่มาเป็นรัฐบาลก็ยังไม่มีใครรู้ว่าได้ถอนทุนคืนกันหมดแล้วหรือยัง สะสมทุนที่จะไปเลือกตั้งในปี 2570 พร้อมกันแล้วหรือยัง ฉะนั้นพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรคยังไม่มีใครพร้อมจะแตกหัก จึงต้องจับมือกันไปแบบนี้
ส่วนจะเล่นบทขัดแย้งกันบ้าง ต่อรองกันบ้าง แต่ในที่สุดก็ไปกันได้ ก็เหมือนกับละครไทยตบจูบกันไปแบบนี้ เพราะพวกเขาต่างรู้กันดีว่า หากยุบสภาฯแล้วเลือกตั้งใหม่ตอนนี้ พรรคประชาชน ก็ชนะ โดยที่ไม่ต้องใช้ทุนรอนด้วย ดังนั้นจึงไม่มีใครพร้อม เว้นแต่จะมีอุบัติเหตุ อะไรขึ้นมา จากนายกฯแพทองธารหรือคุณทักษิณทำอะไรที่ล่อแหลมต่อการผิดกฎหมาย หรือทำในเรื่องที่ประชาชนรับไม่ได้ หรือถูกกดดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่หากไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ผมเชื่อว่ารัฐบาลชุดนี้ยังจะจับมือกันไปได้ ตลอดรอดฝั่งแน่นอน