นั่งเก้าอี้ เจ้ากระทรวงปืนใหญ่มา กว่า 4 เดือนแล้ว เป็นที่น่าสังเกตกันในกระทรวงกลาโหมว่า “บิ๊กอ้วน” ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม มีทีมงานหน้าห้อง ที่เป็นทหารน้อยมาก และ ยังไม่ได้มีคำสั่งแต่งตั้งใดๆออกมา
เพราะหน้าห้อง รมว.กลาโหม ส่วนใหญ่ เป็นพลเรือน ที่มาจากกระทรวงพาณิชย์ ที่ยกทีมตาม ภูมิธรรม มาช่วยงาน โดยแบ่งออกเป็น 2 ทีม อยู่ที่ ห้องรองนายกฯ ที่ทำเนียบรัฐบาล และ อีกส่วนอยู่กระทรวงกลาโหม
โดย ภูมิธรรม ตั้งกรอบการทำงาน ในการเข้า ทำเนียบฯ 2 วัน และ นั่งที่ กลาโหม 3 วัน โดยเข้ากระทรวง แต่เช้า และ กลับราว 18.00 น. เพราะเกรงใจ ทหาร ที่ต้องรอส่ง รัฐมนตรีกลับก่อน แตกต่างจาก เมื่อครั้งเป็น รมว.พาณิชย์ จะนั่งทำงาน จนดึก ไม่เคยกลับก่อน 2 ทุ่ม
ขณะที่ หน้าห้อง ภูมิธรรม ที่กลาโหม เดิมมีแค่ที่แต่งตั้งตามคำสั่งเดิม เช่น ทีมทหารเก่า เตรียมทหาร(ตท.)รุ่น 10 เพื่อน ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ นำโดย “บิ๊กหมี” พล.อ.ไตรศักดิ์ อินทรรัสมี เลขานุการ รมว.กลาโหม และ “บิ๊กต่วย” พล.ร.อ.ชัยวัฒน์ พุกกะรัตน์ และ พล.อ.วุทธิ์ วิมุกตะลพ ที่ปรึกษา รมว.กลาโหม รวมแค่ 3 คนเท่านั้น
ทั้งนี้เพราะ ภูมิธรรม เกรงว่าหาก มี ตท.10 มาเป็นทีมงานที่กลาโหม มากเกินไป จะทำให้ถูกมอง เชื่อมโยง กับ ทักษิณ อีกทััง บรรดา ตท.10 ก็เป็นทหารรุ่นเก่า ที่เกษียณไปนานแล้ว อาจห่างเหินจากกองทัพ ไปนาน และ รุ่นห่างจาก ผบ.เหล่าทัพ ที่เป็น ตท.24-ตท.26
จึงมีการตั้ง “บิ๊กแป๊ะ” พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก อดีตปลัดกลาโหม ในยุค นส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็น นายกฯ และ รมว.กลาโหม มาเป็น ผช.รมต. ประจำ รมว.กลาโหม จาก ตท.14 ที่ถือเป็นทหารรุ่นกลาง ที่ ก็ห่างจาก สายสัมพันธ์กับ ผบ.เหล่าทัพ แผงปัจจุบัน ไปไม่น้อย อีกทั้งช่วง 9 ปี ในยุค คสช. พล.อ.นิพัทธ์ ก็ถูกเตือน ไม่ให้เคลื่อนไหวใดๆ จนต้องหันมา เป็นนักเขียน และ ยูทูบเบอร์
และเมื่อหลังปีใหม่ ที่ผ่านมา ภูมิธรรม เพิ่งจะมีคำสั่งแต่งตั้ง นายทหาร ทั้งในราชการ และ ที่กำลังจะเกษียณ มาเป็น ทีมที่ปรึกษา ของ รมว.กลาโหม เช่น พล.อ.นุชิต ศรีบุญส่ง ที่เป็น ตท.24 อดีตรองปลัดกลาโหม และ ผอ.สำนักนโยบายและแผนกลาโหม(ผอ.สนผ.กลาโหม ) เพื่อน ตท.24 ที่คาดว่า เสนอชื่อโดย “บิ๊กหนุ่ม” พล.อ.สนิธชนก สังขจันทร์ ปลัดกลาโหม
และ พล.อ.อ.ธัชชัย อัจฉริยาการุณ ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ ทอ. อดีต ผู้บัญชาการ รร.นายเรืออากาศนวมินทกษัตริยาธิราช พล.ท. ดร.เจษฏ์ จันทรสนาม ที่ปรึกษากองทัพบก และ อดีตผู้บัญชาการ รร. เสนาธิการทหารบก และ “เสธ.หวาน” พล.ร.ท.ชัยยงค์ ขุนทา ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพเรือ อดีต ผบ.วิทยาลัยการทัพเรือ (วทร.) ที่ทั้ง 3 คน เป็น ตท.25
โดยมีการนำไปเชื่อมโยง กับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า อดีตรมว.เกษตรฯ ที่ตอนนี้กำลังเป็น น้องรัก มือขวา ของ อดีตนายกฯทักษิณ อีกทั้ง ก่อนหน้านี้ จตุพร พรหมพันธุ์ เคยปล่อยข่าวว่า จะมีการปรับ ครม. และ จะมี ทหารยศน้อย มาเป็น รมว.กลาโหม แทน ภูมิธรรม จนมีการคาดเดากันว่า หมายถึง ร.อ.ธรรมนัส เพราะเคยมีชื่อเป็นแคนดิเดท ตั้งแต่ สมัย ตั้งรัฐบาล และ ตั้ง สุทิน คลังแสง เป็น รมว.กลาโหม พลเรือน
แต่อย่างไร ก็ตาม ภูมิธรรม ยืนยันว่า ร.อ.ธรรมนัส ไม่ได้มาเกี่ยวข้องกับ การตั้งทีมนายทหารที่ปรึกษา และ ไม่เกี่ยวข้องกับกลาโหม แต่ มับรรดานายทหาร ตท.25 ที่ ภูมิธรรม รู้จัก ช่วยคัดตัว คนเก่ง และคนทำงาน มาช่วย
โดยจะเห็นได้ว่า แม้จะมีทีมงานนายพลหน้าห้อง รมว.กลาโหม อยู่ถึง 10 คน ที่แต่งตั้งมาตั้งแต่ยุค สุทิน นั้น ภูมิธรรม ก็ไม่ได้เรียกมาใช้งาน
เหตุผลหนึ่ง อาจเป็นเพราะ ส่วนใหญ่ เป็น นายทหาร ที่ พล.อ.สนิธชนก ปลัดกลาโหม เจรจาขอ สุทิน ในการให้ นายทหารเหล่านี้ มาได้ตำแหน่ง และเลื่อนยศ ที่มีทั้ง เพื่อน ตท.24 และ นายทหาร ในสาย 3 ป. โดยเฉพาะ สายบ้านป่ารอยต่อฯ ด้วยเป็นที่รู้กันดีกว่า พล.อ.สนิธชนก เป็นสายตรง บ้านป่ารอยต่อฯ และเป็น ลูกเลิฟ ของ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ นายภูมิธรรม จึงอาจไม่ไว้วางใจนัก
จนมีรายงานว่า ในการแต่งตั้งโยกย้าย นายพล กลางปี ที่จะจัดทำกันให้จบ ภายใน 15 มีนาคม นี้ ภูมิธรรม แจ้งกับ พล.อ.สนิธชนก แล้วว่า จะขอจัดเอง เพราะ ทีมงาน สำนัก รมว.กลาโหม รวม 10 ตำแหน่ง เป็นอำนาจ โดยตรง ของ รมว.กลาโหม เพราะต้องมาเป็นทีมงานหน้าห้องโดยเฉพาะ
เพราะ 10 ตำแหน่งนี้ เป็นตำแหน่งหมุนเวียน ที่จะเปลี่ยนทุก 6 เดือน โดยเป็นที่รู้กันว่า เป็นตำแหน่งของฝ่ายการเมือง เพราะย้อนไป ในยุค คสช. ยุค พี่น้อง 3 ป. ตั้งแต่ สมัย พล.อ.ประวิตร และ พล.อ.ประยุทธ์ ควบ รมว.กลาโหม ก็สามารถวางตัว ลูกน้อง ได้มาเลื่อนยศ กันถ้วนหน้า เพราะ โยกย้ายได้ปีละ 2 ครั้ง คือ เม.ย. และ ต.ค.
ทั้งนี้เพื่อที่ ภูมิธรรม จะได้มี มือไม้ มาช่วยงาน เพราะหากแวดล้อม ไปด้วย นายทหารที่ไม่รู้จัก และถูกมองเป็น สายบ้านป่าฯ ก็เกรงว่า อาจจะถูก วางยา
ดังนั้น จากนี้ไป ที่กลาโหม จะมีความคึกคัก มากขึ้น เพราะมี ทีมงาน ที่เป็นทหาร มาเพิ่มอีก 4 นายพล ทั้ง 3 เหล่า คือ ทหารบก ทหารเรือ และทหารอากาศ
ไม่แค่นั้น ภูมิธรรม ได้มอบหมายให้ 4 นายพลที่ปรึกษาฯ จัดตั้งคณะทำงาน ขึ้นมา 8 คณะ ใน ด้านต่างๆ เพื่อแบ่งงาน แบ่งความรับผิดชอบ และไฟเขียว ให้ คัดเลือก ดึงตัว นายทหาร คนเก่ง คนดี และ ตัองการทำงาน จริงๆ มาช่วยงาน และต้องมาทำงาน ไม่ใช่มาแต่ชื่อ
จากนี้ไป จะก่อเกิด นายทหารทีมภูมิธรรม ขึ้นมาในกลาโหม ที่หาก ภูมิธรรม นั่งยาว จนครบเทอม ก็จะสามารถ จัดโผทหาร ได้อีกหลายครั้ง ถือเป็นจุดเริ่มของการแชร์อำนาจ ในกองทัพ ได้บ้าง แม้จะไม่ใช่หน่วยคุมกำลัง แต่ก็เป็นแค่มือไม้ ในกลาโหมเท่านั้น
และต้องรอดู เรื่องการแก้ไขร่างพระราชบัญญัติจัดระเบียบกระทรวงกลาโหม ที่ ภูมิธรรม ยอมให้มีการแก้ไข หลังจากได้หารือกับผู้บัญชาการเหล่าทัพที่คัดค้านในทุกประเด็น แต่จะต่อรองในการเพิ่มสัดส่วน บอร์ด7 เสือกลาโหม โดยขอเพิ่มนายกรัฐมนตรี และรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง เข้าไปด้วยรวมเป็น 9 เสือกลาโหม สำเร็จหรือไม่เพราะ จะมีรายงานว่า ผู้บัญชาการ ไม่เห็นด้วย ก็ตาม
เพราะในการแต่งตั้งโยกย้ายกันยายน 2568 นี้จะเป็นการโยกย้ายครั้งใหญ่ จะต้องมีการแต่งตั้งถึง 4 ผู้บัญชาการเหล่าทัพ คือปลัดกลาโหม ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้บัญชาการทหารเรือ และผู้บัญชาการทหารอากาศ ทดแทนคนที่จะเกษียณราชการ