วันที่ 16 ม.ค. 2568 นายวัฒน์ชัย วิไลลักษณ์ รองประธานกรรมการบริหาร ฝ่ายกลยุทธ์องค์กรและพัฒนาธุรกิจใหม่ บริษัทสามารถคอร์ปอเรชั่น จำกัด(มหาชน)หรือSAMART เปิดเผยกล่าวถึงทิศทางการดำเนินธุรกิจของกลุ่มบริษัทในปี2568 โดยตั้งเป้ารายได้รวมไว้ที่ 13,500 ล้านบาท หรือเติบโตเพิ่มขึ้นประมาณ 30% เมื่อเทียบกับปี2567 โดยมุ่งเน้นการสร้างธุรกิจให้แข็งแกร่งด้วยการเพิ่มรายได้ประจำขึ้นประมาณ 25%
ทั้งนี้มีปัจจัยบวกจากสายธุรกิจ Digital ICT Solutions นำโดย บริษัทสามารถเทลคอม จำกัด(มหาชน) หรือ SAMTEL ที่มีความชำนาญในการคัดสรรนวัตกรรมเทคโนโลยีครบวงจรเพื่อตอบโจทย์ลูกค้าทั้งภาครัฐและเอกชน ปีนี้มุ่งขยายฐานลูกค้าและพันธมิตรใหม่ ๆ เพื่อเสริมความแข็งแกร่ง โดยเฉพาะงานโครงการใหญ่ เพื่อช่วยให้ลูกค้าลดภาระด้านงบประมาณ ด้วยรูปแบบ Outsource Services สร้างรายได้ประจำระยะยาว ซึ่งปัจจุบันมีงานในมือแล้วมูลค่ากว่า 5,500 ล้านบาท โดยตั้งเป้ารายได้ปี 2568 อยู่ที่ 6,500 ล้านบาท มั่นใจว่าปีนี้สายธุรกิจ ICT จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 40 % ด้วยโอกาสจากหลายโครงการที่เลื่อนมาจากปีที่แล้ว ประกอบกับโครงการใหม่จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจใหม่ ๆ จากภาครัฐ รวมถึงนโยบายบูรณาการด้านเทคโนโลยี เพื่อต่อยอดการให้บริการด้านต่าง ๆ คาดว่าในปีนี้ จะมีโครงการใหม่ ๆ ที่จะเข้าร่วมประมูล ทั้งโครงการรูปแบบ Outsource Services ขนาดใหญ่หลักหมื่นล้านบาท และโครงการเป้าหมาย มูลค่ารวมกว่า 8,000 ล้านบาท เช่นงาน บริหารจัดการ Operation ขององค์กร ด้วยระบบบริหารจัดการทรัพยากรองค์กร หรือ ERP ,งานด้านการพัฒนาบุคลากรด้วย e-Learning Solutions ,งานด้านสาธารณูปโภคไฟฟ้า เช่น AMR, AMI และ Smart Meter, ระบบงานด้านการเงินและการธนาคาร เช่น Core Banking Solutions และ e-Payment Solutions, บริการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างผู้ประกอบการในธุรกิจภาคการขนส่ง เช่น Electronic Data Interchange (EDI) และ Supply Chain Management เป็นต้น
นายวัฒน์ชัย กล่าวว่า ส่วนธุรกิจ Utilities & Transportations โดย บริษัทสามารถ เอวิเอชั่น โซลูชั่น จำกัด(มหาชน)หรือ SAV ตั้งเป้ารายได้ที่ 6,000 ล้านบาท เติบโตขึ้น 9 % ด้วยโอกาสทางธุรกิจให้บริการควบคุมการจราจรทางอากาศในประเทศกัมพูชาภายใต้ CATS คาดว่ารายได้จะเติบโตกว่า 8% ซึ่งเป็นผลมาจากธุรกิจการบินเริ่มขยายตัวเต็มที่หลังวิกฤตโควิด รัฐบาลกัมพูชามีนโยบายสนับสนุนภาคธุรกิจและการท่องเที่ยวอย่างจริงจัง ด้วยการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและการยกระดับสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ โดยช่วงปลายปี2567 2024 ได้มีการเปิดให้บริการสนามบินนานาชาติแห่งใหม่ ดาราสาคร ที่เกาะกง และภายในปีนี้จะมีการเปิดสนามบินนานาชาติพนมเปญแห่งใหม่ คาดว่าปีนี้จำนวนผู้โดยสารอาจมีมากถึง 7 ล้านคน หรือเพิ่มขึ้น 24% เมื่อเทียบกับปีก่อน และเที่ยวบินโดยรวมเพิ่มขึ้นถึงกว่า 1 แสนเที่ยวบิน ซึ่งจะส่งผลให้ SAV มีแนวโน้มการเติบโตทางธุรกิจที่เป็นบวกอย่างโดดเด่นในปีนี้
ธุรกิจด้าน Power Construction & Services โดยบริษัทเทด้าและทรานเส็ค มีงานในมือปัจจุบันรวม กว่า 2,000 ล้านบาท โดยมีแผนรุกเข้าสู่การให้บริการ upgrade สถานีไฟฟ้าแบบเดิมให้เป็น Digital Substation และมีแผนที่จะเข้าร่วมประมูลโครงการต่างๆในปีนี้กว่า 3,000 ล้านบาท , ด้าน โครงการ Direct Coding ปัจจุบันยังเหลือสัญญาอีก 5 ปี เฉลี่ยรายได้ปีละกว่า 1 พันล้านบาท ซึ่งบริษัทยังมีแผนที่จะขยายฐานธุรกิจบริการระบบพิมพ์รหัสควบคุมบนบรรจุภัณฑ์ หรือ Direct Coding ไปสู่การจัดเก็บภาษีสินค้าอื่นๆ อาทิ ยา อาหารเสริม น้ำมัน และ Soft Drink อีกด้วย
นายวัฒน์ชัย กล่าวต่อว่า สำหรับสายธุรกิจ Digital Communications ภายใต้ บริษัทสามารถดิจิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ SDCตั้งเป้ารายได้ปี 2568 ที่ 1,000 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อนมากกว่า 50% และจะเป็นปีแรกในรอบ 10 ปีที่ SDC จะหยุดการขาดทุน และกลับมามีผลการดำเนินงานเป็น “บวก” โดยโอกาสสร้างรายได้ประจำให้เติบโตในปีต่อไป โดยเฉพาะโครงการ DTRS มีการรับรู้รายได้จากการจำหน่ายเครื่องวิทยุลูกข่ายและค่าใช้บริการ Air Time ประมาณ 800 ล้านบาท และมุ่งเป้าขยายจำนวนผู้ใช้บริการไปยังหน่วยงานผู้ให้บริการประชาชน ทั้งภาครัฐและเอกชน อาทิ การปกครองส่วนท้องถิ่น, บรรเทาสาธารณภัย และการแพทย์ฉุกเฉิน เป็นต้น โดยตั้งเป้าจะมีผู้ใช้บริการ 9 หมื่นรายในปีนี้ และ 1.2 แสนราย ในปี2569
“แม้ในปีที่ผ่านมาภาพรวมเศรษฐกิจในประเทศจะชะลอตัว แต่เชื่อว่าผลการดำเนินงานในปี 2567 ที่จะยังอยู่ในระดับที่ดี และคาดว่าจะมีรายได้รวมประมาณ 13,500 ล้านบาท และมีกำไรเติบโต จากแผนที่จะเข้าประมูลงานภาครัฐ-เอกชนมูลค่ารวมกว่า 20,000 ล้านบาท เพื่อต่อยอดมูลค่างานในมือที่คาดว่าจะเติบโต35,000ล้านบาท จากปีก่อนที่14,000ล้านบาท อีกทั้งกำลังศึกษาเกี่ยวกับ Carbon Credits c ซึ่งเราหวังว่าธุรกิจใหม่จะสร้างรายได้ประจำให้กับกลุ่มสามารถต่อไปในอนาคต”