ปัดเซ็นเพิกถอนที่ดินอัลไพน์

นายกฯ บอกปมเพิกถอนสิทธิ์ที่ดิน อัลไพน์ ทำให้ถูกกฎหมายพอ ด้าน ปลัด มท.โยนถามกรมที่ดิน ยันเป็นอำนาจ รองปลัด มท. ส่วน อธิบดีกรมที่ดิน ยัน ชาดา ยังไม่ได้เซ็นเพิกถอน ณัฐพงษ์ แย้มศึกซักฟอก มี.ค.พุ่งเป้า 20 ประเด็น โยงทุจริตเชิงนโยบาย โวดาวสภามีแน่ ธนาธร หวั่นดัน เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ เปิดช่องกลุ่มมิจฉาชีพฟอกเงิน
       
ที่อิมแพ็คเมืองทองธานี วันที่ 15 มกราคม 2568 น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวว่านายชาดา ไทยเศรษฐ์ อดีต รมช.มหาดไทย ได้ลงนามสั่งเพิกถอนการจดทะเบียนกรรมสิทธิ์ที่ดินสนามกอล์ฟอัลไพน์กลับไปเป็นที่ธรณีสงฆ์ ว่า ทำให้ถูกต้องตามกฎหมายพอ
         
ด้าน นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า เรื่องนี้กรมที่ดินเป็นผู้ดูแล และเป็นอำนาจของรองปลัดกระทรวงมหาดไทย เดี๋ยวเขาคงดำเนินการ
        
 ผู้สื่อข่าวถามว่า กระแสข่าวที่ออกมายืนยันว่า ไม่เป็นความจริงใช่หรือไม่ นายอรรษิษฐ์ กล่าวว่า รัฐมนตรีไม่ได้มีอำนาจ แต่อาจจะวินิจฉัยในเบื้องต้น เพราะอำนาจในการพิจารณา อยู่ที่นายชำนาญวิทย์ เตรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทยเท่านั้น
       
  เมื่อถามย้ำว่า นายชาดายังไม่ได้เซ็นยกเลิกใช่หรือไม่ นายอรรษิษฐ์ กล่าวว่า ตนขอไปดูรายละเอียดและถามกรมที่ดินก่อน ยืนยันว่าตนไม่ทราบรายละเอียดอะไรเลย 
       
  เมื่อถามย้ำอีกว่า ยืนยันได้หรือไม่นายชาดา ไม่ได้เซ็นเพิกถอนกรรมสิทธิ์ที่ดินอัลไพน์ ก่อนพ้นตำแหน่ง อธิบดีกรมที่ดินกล่าวว่า การเซ็นมอบนโยบายในการกำกับอาจจะจริง เพราะผมไม่ได้เห็น เพียงแต่เป็นเรื่องอำนาจในการเซ็นที่จะมีผลทางกฎหมาย เคสนี้ต้องเป็นอำนาจของรองปลัดกระทรวงไทย
      
 ยืนยันว่า ขณะนี้กรมที่ดิน ยังไม่ได้รับเอกสารการเพิกถอนกรรมสิทธิ์ที่ดินดังกล่าวจากทางกระทรวงมหาดไทยลงมาเลย รวมขณะนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ยังไม่ได้มีข้อสั่งการอะไรลงมาเช่นกัน 
        
 ด้าน นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน กระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า เรื่องที่ดินอัลไพน์ เป็นอำนาจของรองปลัดกระทรวงมหาดไทย ฉะนั้นต้องดูว่าใครเป็นผู้ที่มีอำนาจเซ็น แต่อาจเป็นไปได้ที่นายชาดา ในตอนนั้นซึ่งเป็นรัฐมนตรีที่กำกับดูแล อาจจะมอบนโยบายเพื่อดำเนินการในส่วนเกี่ยวข้อง 
       
  เมื่อถามว่าขณะนี้ได้เซ็นเพิกถอนกรรมสิทธิ์ที่ดินอัลไพน์แล้วหรือไม่ นายพรพจน์ กล่าวว่า ยังไม่ได้เซ็น 
       
  ส่วน ที่ตลาดนัดหลังการไฟฟ้าฝ่ายผลิต (กฟผ.) อ.บางกรวย จ.นนทบุรี นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์ถึง ความคืบหน้าการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ ว่า ตามกำหนดจะอยู่ในช่วงเดือน มี.ค. แต่จะพยายามยื่นให้เร็วที่สุด เนื่องจากมีการเลื่อนวาระการพิจารณาร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ มาตรา 256 เป็นช่วงกลางเดือน ก.พ. ดังนั้นการอภิปรายไม่ไว้วางใจคาดว่าจะอยู่ในช่วงเดือน มี.ค.นี้
       
  เมื่อถามถึงความคืบหน้าในการเตรียมตัว นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ในส่วนของพรรคประชาชนขณะนี้มี 20 เรื่อง ที่มีการพิจารณาหยิบเข้าหยิบออก ขึ้นอยู่กับว่าประเด็นดังกล่าวมีน้ำหนักน้อยแค่ไหน ซึ่งเชื่อว่าการบริหารรัฐบาลชุดนี้ยังมีหลายอย่าง ที่เป็นที่น่ากังวลและเป็นที่น่าสงสัย และอาจจะมีการทุจริตเชิงนโยบายที่เราอยากขอข้อมูลแบบนี้เข้ามาเรื่อยๆ โดยตอนนี้ยังเปิดรับข้อมูลอยู่ ใครมีข้อมูลที่ต้องการให้พรรคฝ่ายค้าน หรือพรรคประชาชน ก็ช่วยกัน ซึ่งสามารถส่งข้อมูลเข้ามาได้เรื่อยๆ
       
  เมื่อถามว่าจะมีแผลใหญ่ที่จะทำให้รัฐบาลล้มลงได้หรือไม่ นายณัฐพงษ์กล่าวว่า มีหลายเรื่องที่เรามองว่าสามารถโยงไปทำให้เห็นได้ว่า เป็นการทุจริตเชิงนโยบายอย่างเห็นได้ชัด มีผลประโยชน์ทับซ้อนภายในพรรคร่วมรัฐบาลกันเอง แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดในตอนนี้ได้ 
        
 เมื่อถามว่าจะได้เห็นดาวสภาหน้าใหม่ ของพรรคประชาชนหรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า มีแน่นอน รอติดตามดู โดยเชื่อว่า สส. ของพรรคประชาชนทุกคนมีความรู้ความสามารถและมีศักยภาพที่จะสะท้อนเสียงแทนพ่อแม่พี่น้องประชาชนได้อย่างแน่นอน 
        
 นอกจากนี้ นายณัฐพงษ์ ยังกล่าวถึงกรณีที่ประชุมครธรัฐมนตรี(ครม.)มีมติผ่านร่างพระราชบัญญัติ การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร (เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์) ว่า สิ่งที่เรากังวลใจคือผลกระทบที่เกิดขึ้นทางสังคม และสิ่งที่รัฐบาลอาจจะยังไม่ได้ให้ความชัดเจนมากคือถึงแม้บ่อนการพนันจะมีแค่ 10% จากโครงการทั้งหมด แต่สิ่งที่เรากังวลคือผลกระทบที่ตามมา ข้อเสนอของเราตั้งแต่สมัยพรรคก้าวไกลคือต้องมีการตรวจสอบเรื่องฐานรายได้ ต้องอยู่ในระบบภาษีเงินได้ เรายังไม่เห็นว่ารัฐบาลมีมาตรการป้องกันอะไร
        
 สิ่งที่เราอยากได้ความชัดเจนก็คือเรื่องมาตรการที่จะป้องกันปัญหาสังคมและความโปร่งใสในการให้สัมปทาน สิ่งต่างๆเหล่านี้จะทำให้สังคมเห็นได้ว่าตกลงสิ่งที่รัฐบาลต้องการดำเนินการนี้ทำเพื่อแก้ไขปัญหาสังคม หรือทำเพื่อผลประโยชน์ทับซ้อนอะไรมากกว่านั้น 
       
  ด้าน นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ให้สัมภาษณ์ถึงมติครม.รับร่างพ.ร.บ. เอ็นเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์ว่า การทำเอ็นเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์ที่มีลักษณะเหมือนคาสิโน จะต้องทำให้รัดกุม อย่าให้มีการเปิดช่องให้กลุ่มมิจฉาชีพฟอกเงิน ส่วนจะตรงเป้าหมายของรัฐบาลที่วางไว้หรือไม่ ยืนยันว่าภาพรวมเศรษฐกิจไทยในรอบหลายปีที่ผ่านมาที่ซบเซา ไม่ใช่วิกฤติเศรษฐกิจเหมือนปี 2540 วิกฤตต้มยำกุ้ง ที่เศรษฐกิจตกโดยเฉียบพลัน แต่ครั้งนี้เศรษฐกิจซึมระยะยาว หมายถึงขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยเมื่อเทียบกับประเทศต่างๆในโลกลดน้อยลง หากจะหันมาฟื้นฟูเศรษฐกิจไทยในรอบนี้ ต้องบอกว่าไม่มีเงินเร็ว มีอย่างเดียวคือต้องเข้าไปทำงานหนักฟื้นฟูคิดความสามารถในการแข่งขันอุตสาหกรรมการผลิต และการบริการให้ประเทศไทยแข่งขันกับโลกได้ ไม่มี Quick Fix หรือ Easy Money แน่นอน ในรอบนี้ แต่จะต้องกลับไปทำพื้นฐานให้เข้มแข็งในทุกอุตสาหกรรม เพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารการผลิตเพิ่มเอาท์พุตต่อหัวประชากร ซึ่งเป็นทางออกเดียวของประชากร ซึ่งเป็นทางออกเดียวของประเทศไทยในการสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันไม่ใช่เพื่อพรุ่งนี้แต่เพื่อระยะกลางระยะยาว
        
 เมื่อถามย้ำว่าโครงการดังกล่าวไม่เห็นด้วยใช่หรือไม่ เพราะเมืองโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่นก็จะทำ นายธนาธร กล่าวว่า อาจจะมีบ้าง ต้องให้ความยุติธรรมกับรัฐบาล การสร้างจุดหมายท่องเที่ยว ก็คงจะดึงดูดนักท่องเที่ยวมาได้บ้าง แต่ไม่ได้ตอบโจทย์ว่าไทยจะแข่งขันทางด้านสินค้า บริการในอนาคตได้ ตนอยากเห็นการลงทุนกับการสร้างความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทย
        
 วันเดียวกัน นายพิชิต ไชยมงคล แกนนำเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.)พร้อมนายนัสเซอร์ ยีหมะ ตัวแทนเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) ดร.ใจเพชร กล้าจน ตัวแทนกองทัพธรรม นายอานนท์  กลิ่นแก้ว ตัวแทนศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน ศปปส. ยื่นหนังสือถึง นายกแพทยสภาและกรรมการแพทยสภา เรื่อง ขอให้ยึดมั่นในจรรยาบรรณแพทย์ กรณีที่มีแพทย์เข้าไปทำการรักษาผู้ป่วยที่อ้างป่วยวิกฤต 180 วัน ของอดีตผู้ต้องขังเด็ดขาด ทักษิณ ชินวัตร  โดยที่ประชาชนทั่วไปที่ไม่มีความรู้ด้านการแพทย์ หรือ แม้แต่คณะแพทย์กลุ่มหนึ่ง ก็มีความสงสัยในกระบวนการ ขั้นตอนการรักษาเป็นอย่างมากว่า แพทย์ที่ทำการรรักษา อดีตผู้ต้องขังเด็ดขาด ทักษิณ ชินวัตร จะได้กระทำการร่วมกันปกปิดอาการป่วยที่แท้จริงของอดีตผู้ต้องขังคนนี้หรือไม่ อย่างไร เพราะมีการตั้งคำถามถึงความผิดปกติตั้งแต่การวินิจฉัยก่อนส่งตัวนักโทษออกมารักษาตัวนอกเรือนจำ ซึ่งมันเป็นจุดเริ่มต้นของมาตรฐานทางการแพทย์ที่ประชาชนมีคำถามมาโดยตลอด จนภาคสังคม สื่อมวลชน ประชาชน และคณะแพทย์บางกลุ่ม ได้ตั้งสมมุติฐานว่านี่คือการ ป่วยทิพย์  หรือแม้แต่กระบวนการรักษาในหลายขั้นตอนก็ผิดหลักของผู้ป่วยวิกฤต วันนี้เหตุการณ์ดังกล่าวไม่ใช่แค่ทำลายความมีจรรยาบรรณของวงการแพทย์เท่านั้น แต่มันได้ทำลายกระบวนการยุติธรรมของประเทศไทยไปด้วย เราทราบว่าแพทยสภาเป็นองค์กรที่รักษาไว้ซึ่ง เกียตริ ศักดิ์ศรี และจรรยาบรรณของการเป็นแพทย์ เราจึงขอให้
      
 1. แพทยสภา เดินหน้าพิสูจน์ความจริง เหมือนที่แพทย์พิสูจย์โรคร้ายในตัวคน ว่าป่วยชนิดไหนแล้วให้ยารักษา  กรณีก็เช่นเดียวกัน แพทยสภาต้องพิสูจน์และวินิจฉัยความจริงให้ปรากฎแก่ประเทศไทยแล้วฉีดยาความจริงให้ความถูกต้องปรากฏขึ้นมาให้ได้ เพื่อรักษาไว้ซึ่งกระบวนการยุติธรรมของประเทศไทยและมาตรฐานทางการแพทย์เอง

2. เราขอให้กำลังใจแพทยสภา อย่าให้การเมืองเข้ามาแทรกแซงการตรวจสอบในเรื่องนี้ เพื่อหวังจะให้ แพทยสภาเป็นองค์กรฟอกขาว ให้กับการป่วยทิพย์ของนักโทษเทวดา 3. เราจะร่วมกับแพทยสภาเพื่อเดินหน้าขอเอกสารทางการแพทย์หลายรายการที่แพทยสภาขอไปยัง โรงพยาบาลตำรวจ เพราะถือเป็นพยานเอกสารทางสังคมที่ทั้ง ป.ป.ช. ก็ต้องการเพื่อนำมาสู่การพิสูจย์ความจริงแก่ประเทศไทย 4.เราหวังว่าแพทยสภา จะยืนอยู่บนความถูกต้องยึดมั่นในจรรยาบรรณของแพทย์ในการสร้างความจริงอย่างถึงที่สุด
        
 ที่สำนักงานอัยการสูงสุด(อสส.) ศูนย์ราชการฯ ถนนเเจ้งวัฒนะ นายสนธิญา สวัสดี นักร้องเรียนทางการเมือง ได้ยื่นหนังสือถึงอัยการสูงสุด เพื่อให้ตรวจสอบพิจารณาส่งเรื่องต่อให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย กรณีน.ส.แพทองธาร แต่งตั้งนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เป็นที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 4 ต.ค 67 ที่ผ่านมา ที่อาจจะกระทำผิดต่อรัฐธรรมนูญ เนื่องจากนายณัฐวุฒิ ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง 10 ปี ถูกจำคุก 2 ปี 8 เดือน กรณีบุกบ้าน พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ นอกจากนี้ยังเป็นผู้สนับสนุนกลุ่มผู้กระทำความผิดกฎหมายในมาตรา 112