ศาลอนุมัติหมายจับ สมหวังชาวกัมพูชา ผู้ต้องหาจ้างวาน จ่าเอ็ม บุกสังหาร ลิม กิมยา อดีต สส.ฝ่ายค้านกัมพูชา อ่วม! โดน 3 ข้อหาหลัก ด้าน ตร.ประสานกัมพูชา หลังเตรียมออกหมายแดงล่า สมหวัง

        
 จากกรณีนายเอกลักษณ์ แพน้อย หรือจ่าเอ็ม กองเรือ อายุ 41 ปี ก่อเหตุอุกอาจ บุกยิงนายลิม กิมยา อายุ 73 ปี อดีตสส.ฝ่ายค้านของกัมพูชาเสียชีวิตบริเวณเกาะกลางถนน ตรงข้ามวัดบวรนิเวศ เมื่อวันที่ 7 ม.ค.ที่ผ่านมา ก่อนหลบหนีไปยังประเทศกัมพูชาผ่านช่องทางธรรมชาติ แต่ถูกเจ้าหน้าที่กัมพูชาจับกุมตัวไว้ได้ ขณะพักทานอาหารใน ต.ปเรยสวย อ.โมงรึไทร จ.พระตะบอง เมื่อวันที่ 8 ม.ค.ที่ผ่านมา และถูกส่งตัว มาดำเนินคดีในไทย พร้อมให้การยอมรับว่าถูกว่าจ้างโดยผู้มีพระคุณ แต่ไม่ยอมบอกว่าคือใคร ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

         ล่าสุดเมื่อวันที่ 15 ม.ค.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจสน.ชนะสงคราม ได้รวบรวมพยานหลักฐาน และขออำนาจศาลอนุมัติหมายจับ นายลี รัตนรัศมี หรือชื่อไทย นายสมหวัง บำรุงกิจ อายุ 43 ปี ชาวกัมพูชา ใน 3 ข้อหา ประกอบด้วยเป็นผู้ใช้จ้างวานให้ผู้อื่นกระทำความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ,พาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร ,ยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดซึ่งใช่เหตุในเมือง ซึ่งศาลอนุมัติหมายจับแล้ว
        
 นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้เตรียมขอออกหมายแดง (red notice) หรือ คำร้องให้สามารถบังคับใช้กฎหมายทั่วโลกเพื่อระบุและจับกุมบุคคลโดยผ่านวิธีการส่งผู้ร้ายข้ามแดน ส่งตัวผู้ร้าย หรือกระบวนการกฎหมายที่คล้ายคลึงกัน พร้อมประสานงานกับหน่วยงานประเทศกัมพูชา เพื่อติดตามตัวมาดำเนินคดี หลังพบว่า นายลี หรือ นายสมหวัง ออกนอกประเทศไปตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค.68
       
  ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชุดสืบสวน ได้รวบรวมพยานหลักฐาน พบว่ามีการโอนเงินครั้งละ 30,000 บาท จำนวน 2 ครั้ง ซึ่งหลักฐานเชื่อมโยงทางวิทยาศาสตร์ การเงิน และความเคลื่อนไหวของนายลี และพบว่านายลี เดินทางเข้าออกประเทศไทย ตั้งแต่ปี 66 ถึงปัจจุบัน รวมทั้งหมด 68 ครั้ง (เข้า 34 ครั้งออก 34 ครั้ง) อีกทั้งมีข้อมูลที่เชื่อมโยงก่อนเกิดเหตุฆาตกรรมนายลิม โดยเมื่อวันที่ 3 ม.ค.68 เวลาประมาณ 10.00 น. เดินทางเข้าประเทศไทยผ่านจุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก จ.สระแก้ว และวันที่ 5 ม.ค.68 เวลาประมาณ 17.00 น. ได้เดินทางออกจากประเทศไทย ผ่านท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ด้วยสายการบินไทย เที่ยวบิน TG 574 ไปยังเวียงจันทร์ สปป.ลาว
       
  ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้น เมื่อวันที่ 6 ม.ค.68 เวลาประมาณ 22.00 น. นายลี ได้เดินทางด้วยสายการบินไทย เที่ยวบิน TG 575 จากเวียงจันทร์ สปป.ลาว มายังประเทศไทย ผ่านทางสนามบินสุวรรณภูมิ และ วันที่ 8 ม.ค.68 เวลาประมาณ 07.35 น. ได้เดินทางออกจากไทย ผ่านทางจุดตรวจถาวรบ้านแหลม จ.จันทบุรี โดยการเดินทางของนายลี ทำให้ชุดสืบสวนตั้งข้อสงสัยว่า นายลี เข้าประเทศไทยช่วงกลางดึกของวันที่ 6 ม.ค.68 และนายลิม อดีตนักเคลื่อนไหวชาวกัมพูชา เข้าประเทศไทยช่วงเช้าวันที่ 7 ม.ค. โดยมีนายคิม อายุ 24 ปี ชาวกัมพูชา นั่งรถบัส คันเดียวกันจาก จ.สระแก้ว เข้ามาที่กรุงเทพฯ อีกทั้ง เมื่อวันที่ 7 ม.ค.68 นายเอกลักษณ์ ได้โอนเงินจ่ายคืนค่าจำนำปืน พร้อมดอกเบี้ยรวม 22,000 บาทให้กับ จ่า ว. และนายเอกลักษณ์ มานอนนวดเท้าคอบ่าไหล่ 1 ชั่วโมง 30 นาที เพื่อรอยิงนายลิม ในช่วงเย็นวันที่ 7 ม.ค.68 โดยหลังก่อเหตุเสร็จนายเอกลักษณ์ ได้ขี่รถจักรยานยนต์หลบหนี และนายคิม คนชี้เป้าไปซื้อตั๋วเครื่องบินเดินทางกลับกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา ส่วนนายลี ออกจากประเทศไทย ช่วงเช้าของวันที่ 8 ม.ค.68 จากนั้นชุดสืบสวนนำข้อมูลมาสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติมนำไปสู่การออกหมายจับนายลี ผู้มีพระคุณของนายเอกลักษณ์ หรือจ่าเอ็ม