ขบวนการขนยาบ้ายังลักลอบนำเข้าบึงกาฬมาได้เรื่อยๆ แม้จะสกัดขนาดไหนก็เอาไม่อยู่ วันนี้ทหารพรานก็ยังตรวจยึดได้ 3 กระสอบยาบ้าน 1 ล้านกว่าเม็ด ที่ริมโขง ก่อนยิงปืนเปิดทางหนีเจ้าหน้าที่ ขับเรือข้ามโขงหนีไปได้ทั้ง 3 คน
บ่ายวันนี้ 15 ม.ค.67 ที่กองร้อยทหารพรานที่ 2108 นายวรพฏ วรรณฉัตรสิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬ ได้มอบหมายให้นายวรพันธ์ ชำนิยันต์ ปลัดจังหวัดบึงกาฬ แถลงข่าวตรวจยึดยาบ้า ร่วมกับ พ.อ.เรวัฒ ธรรมจิรเดช รอง.ผบ.บก.ควบคุมที่ 2 (ร.13 ) พ.อ.อินทราวุธ ทองคำ ผบ.ฉก.ทพ.21 / ผบ.กรม ทพ.21 /ตำรวจ ตชด.244 ตำรวจน้ำ หน่วยเรือ นรข. ฝ่ายปกครอง และหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ ร่วมกันแถลงข่าว ตรวจยึดยาบ้า จำนวน 3 กระสอบ ประมาณ 1,080,000 เม็ด หลังตรวจนับอย่างละเอียด ส่วนผู้ต้องหาชาวลาวที่มาด้วยกัน 3 คน หลังจากยิงปืนขึ้นฟ้า 1 นัดเพื่อเปิดทางหนี พากันวิ่งลงเรือขับแล่นหลบหนีข้ามฝั่งโขงกลับไป สปป.ลาวได้
โดยภาพเหตุการณ์เจ้าหน้าที่ทหารพรานที่ 2108 หน่วยเฉพาะกิจทหารพรานที่ 21 กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี นำโดย ร.ท.โกวิทย์ วงษ์แสง ผบ.ร้อย.ฉก.ทพ.2108 ได้รับทราบจากแหล่งข่าวว่าจะมีการลักลอบขนยาเสพติด ข้ามแม่น้ำโขงจากฝั่ง สปป.ลาว เข้ามาฝั่งประเทศไทย บริเวณริมฝั่งแม่น้ำโขงพื้นที่หมู่ที่ 4 บ้านหนองคังคา ต.หนองเดิ่น อ.บุ่งคล้า จ.บึงกาฬ จึงวางแผนจัดกำลังพลเฝ้าตรวจบริเวณตามที่ได้รับแจ้ง ครั้นเวลาประมาณ 19.30 น.(วานนี้) ตรวจพบเรือหางยาวติดเครื่องยนต์ต้องสงสัย ขับมุ่งหน้ามาจากริมฝั่งโขงฝั่ง สปป.ลาว และคนขับได้แล่นเรือมาจอดเทียบริมฝั่งแม่น้ำโขงฝั่งไทย ห่างจากชุดซุ่มประมาณ 100 เมตร จากนั้นมีชายต้องสงสัย จำนวน 3 คน แบกสิ่งของจากเรือขึ้นมาบนฝั่ง เจ้าหน้าที่จึงแสดงตนเข้าตรวจสอบ กลุ่มชายต้องสงสัยเมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ ยิงปืนขึ้นฟ้า 1 นัด ก่อนวิ่งหลบหนีลงเรือหางยาว แล่นข้ามกลับไปฝั่ง สปป.ลาว เมื่อเข้าตรวจสอบบริเวณดังกล่าวพบ กระสอบสีดำ จำนวน 3 กระสอบ เมื่อเปิดออกดูพบเป็นยาบ้าจำนวนมาก และอาวุธปืนลูกซองยาว จำนวน 1 กระบอก โทรศัพท์มือถือ จำนวน 1 เครื่อง รองเท้าหมวก กระเป๋าสะพาย อุปกรณ์เสพยาจำนวนหนึ่ง และเงินสดลาว 1000 กีบ ตกอยู่ในที่เกิดเหตุ จึงตรวจยึดไว้เป็นหลักฐานนำมาตรวจสอบที่ ร้อย.ฉก.ทพ.2108
ด้านนายวรพันธ์ ชำนิยันต์ ปลัดจังหวัดบึงกาฬ กล่าวว่า ขบวนการค้ายาเสพติด ทิ้งของกลางเอาไว้หลายรายการ โดยเฉพาะโทรศัพท์มือถือ หลังจากนี้จะส่งมอบให้ตำรวจ ทำการขยายผลติดตามเครือข่ายยาเสพติดจากโทรศัพท์ หากพบว่าเป็นคนไทยจะทำการออกหมายเรียกมาสอบสวน ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่ หากเข้าข่ายมีความผิดก็จะออกหมายจับนำตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.