ภายหลังจากที่ กรมส่งเสริมสหกรณ์ ได้รับการจัดสรรงบประมาณกลางปีจากรัฐบาล วงเงิน 1,773.42 ล้านบาท ในการขัลเคลื่อน “โครงการไทยนิยม ยั่งยืน” เพื่อสนับสนุนสหกรณ์การเกษตร 302 สหกรณ์ในพื้นที่ 67 จังหวัด ดำเนินการจัดสร้างอุปกรณ์การตลาดและแปรรูปผลผลิตการเกษตร เพื่อเพิ่มมูลค่าสินค้า ซึ่งประกอบด้วย 4 โครงการหลัก ได้แก่ โครงการพัฒนาสถาบันเกษตรกรจัดเก็บพืชผลทางการเกษตร จำนวน 146 สหกรณ์ ใน 40 จังหวัด วงเงิน 1,074,980,533 ล้านบาท จัดสร้างฉาง ลานตาก โกดัง สำหรับรวบรวมและชะลอผลผลิตข้าว ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ มันสำปะหลัง ขณะนี้ดำเนินการเบิกจ่ายงบประมาณเพื่อก่อสร้างไปแล้วกว่า 98.92 % อุปกรณ์และสิ่งก่อสร้างดำเนินการแล้วเสร็จ 158 รายการและสหกรณ์สามารถนำมาใช้ประโยชน์ใกนารรวบรวมผลผลิตจากสมาชิกแล้ว 230,957 ตัน มีสมาชิกและเกษตรกรได้รับประโยชน์ 75,385 ราย โครงการสนับสนุนอุปกรณ์แปรรูปผลผลิตทางการเกษตร จำนวน 99 สหกรณ์ ใน 42 จังหวัด จัดซื้ออุปกรณ์แปรรูปและรักษาคุณภาพผลผลิต ซึ่งมีสหกรณ์ดำเนินการเสร็จสิ้นและใช้ประโยชน์แล้ว 50 สหกรณ์ สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มผลผลิตการเกษตรจากการแปรรูป 59 ล้านบาท โครงการเพิ่มศักยภาพการรวบรวมและการแปรรูปยางพาราในสถาบันเกษตรกร ก่อสร้างปัจจัยพื้นฐานในการจัดเก็บรวบรวมและแปรรูปยางพารา ตลอดจนพัฒนากระบวนการแปรรูปผลิตภัณฑ์เพื่อเพิ่มมูลค่าสินค้ายางพารา จำนวน 58 สหกรณ์ ใน 23 จังหวัด ขณะนี้ดำเนินการแล้วเสร็จและใช้ประโยชน์แล้ว 26 สหกรณ์ สามารถรวบรวมยาง 35,914 ตัน และแปรรูปยาง 5 สหกรณ์ คิดเป็นมูลค่า 5 ล้านบาท โครงการส่งเสริมและพัฒนาอาชีพเพื่อแก้ไขปัญหาที่ดินทำกินของเกษตรกร (คทช.) วงเงิน 22.2789 ล้านบาท เพื่อส่งเสริมการประกอบอาชีพให้กับชาวบ้านที่ได้รับการจัดสรรที่ดินไม่น้อยกว่า 10,320 ราย และสนับสนุนการดำเนินธุรกิจการวบรวมและการแปรรูปผลผลิตให้กับสหกรณ์พื้นที่เป้าหมาย 6 จังหวัด ขณะนี้ได้มีการจัดอบรมให้ความรู้เกษตรกรที่ได้รับการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนตามนโยบายของรัฐแล้ว 10,778 ราย ใน 36 จังหวัด สนับสนุนงบประมาณก่อสร้างและปรับปรุงอาคารอเนกประสงค์ให้สหกรณ์ และสนับสนุนงบประมาณก่อสร้างโรงเรือนผลิตอาหาร ดำเนินการสร้างเสร็จแล้ว 8 สหกรณ์ วงเงิน 12,361,900 บาท นายเชิดชัย พรหมแก้ว รองอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ กล่าวว่า ทุกสหกรณ์ที่ได้รับงบประมาณจากโครงการไทยนิยมยั่งยืน เพื่อสร้างอุปกรณ์การตลาดและการแปรรูปผลผลิตการเกษตร โดยจะมีแผนการใช้ประโยชน์จากอุปกรณ์การตลาดในการรวบรวมและเก็บชะลอผลผลิตการเกษตรจากสมาชิก ซึ่งกรมส่งเสริมสหกรณ์ ได้กำชับให้สำนักงานสหกรณ์จังหวัดทุกจังหวัดติดตามการดำเนินโครงการดังกล่าวอย่างใกล้ชิด และจัดอบรมถ่ายทอดความรู้ในการใช้อุปกรณ์การตลาดและแปรรูปผลผลิตให้กับเจ้าหน้าที่ของสหกรณ์เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและความคุ้มค่าในการใช้งาน ทั้งนี้ คาดว่าในฤดูกาลผลิตปี 2562 สหกรณ์ที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณในการก่อสร้างอุปกรณ์การตลาด จะสามารถเพิ่มปริมาณการรวบรวมและแปรรูปผลผลิตการเกษตรได้ไม่น้อยกว่า 700,000 แสนตัน ซึ่งจะช่วยเก็บชะลอและเพิ่มมูลค่าผลผลิตการเกษตร และส่งผลต่อการสร้างเสถียรภาพด้านราคาสินค้าเกษตรได้ในที่สุด