สภาถกเดือด! สว.-รทสช.รุมถล่ม ปชน. เปิดช่อง คนนอก ร่วมวง กมธ.แก้รธน. ระทึก กระป๋องนม ปริศนาหล่นเฉียดหัว 

 เมื่อวันที่ 14 มกราคม 2568 เวลา 09.30 น. ที่รัฐสภา มีการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณาเรื่องด่วน ร่างข้อบังคับการประชุมรัฐสภา (ฉบับที่...) พ.ศ. ... เสนอโดยนายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.)
        
 ทั้งนี้ นายพริษฐ์ ได้เสนอสาระสำคัญของสาระร่างข้อบังคับที่เสนอต่อรัฐสภา คือ การแก้ไขข้อบังคับการประชุมรัฐสภาพ.ศ.2563 ตอนหนึ่งว่า มี 3 ประเด็นหลัก คือ
        
 1.เปิดพื้นที่ให้ประชาชนสามารถเข้ามามีส่วนร่วมต่อกระบวนการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยรัฐสภาในชั้นกรรมาธิการ (กมธ.) โดยเสนอปลดล็อกและเปิดโอกาสให้พรรคการเมือง หรือ สว.สามารถเสนอชื่อบุคคลทั่วไปเข้าร่วมเป็นกมธ. เหตุผลสำคัญเพื่อให้กระบวนการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญมีความรอบคอบรอบด้านมากขึ้น รวมถึงให้บุคคล ภาคประชาสังคมที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญประสบการณ์กับการแก้รัฐธรรมนูญที่มากกว่าสมาชิกรัฐสภา แต่ไม่ได้เป็นสมาชิกรัฐสภาเข้ามามีส่วนร่วม 2.ลดการใช้กระดาษเพิ่มใช้ประโยชน์จากช่องทางออนไลน์สำหรับงานธุรการของรัฐสภา 3. ยกเลิกบทบัญญัติข้อบังคับการประชุมรัฐสภาที่ไม่มีความจำเป็นเกี่ยวกับหมวดการปฏิรูปประเทศ และหมวดที่เกี่ยวการเห็นชอบบุคคลให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
         
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการอภิปรายของสมาชิกรัฐสภานั้น พบว่า ในการอภิปรายของสมาชิกวุฒิสภา(สว.) รวมถึงสส.พรรคร่วมรัฐบาล เช่น พรรครวมไทยสร้างชาติ(รทสช.) แสดงความไม่เห็นด้วยต่อการแก้ไขในประเด็นการกำหนดให้บุคคลภายนอกที่ไม่ใช่สมาชิกรัฐสภาเข้าร่วมเป็นกมธ.แก้รัฐธรรมนูญ รวมถึงติดใจในประเด็นที่ตัดลักษณะของการพ้นตำแหน่งกมธ. ว่าด้วยการขาดสมาชิกภาพแห่งสภาฯที่ตนเป็นสมาชิกออกไป
         
นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ สว. อภิปรายว่า การแก้ไขข้อบังคับการประชุมรัฐสภา ดูเหมือนเป็นการปูทางไปสู่การแก้รัฐธรรมนูญ ทั้งนี้ตนติดใจในประเด็นการแก้ไขคุณสมบัติของบุคคลที่จะเป็นกรรมาธิการ (กมธ.)  โดยร่างแก้ไขนั้นได้ตัดเกณฑ์ที่กมธ.จะพ้นจากตำแหน่งใน (4) ว่าด้วยการขาดสมาชิกภาพแห่งสภาที่ตนเป็นสมาชิกออก เท่ากับว่าจะให้คนที่ต้องคดีเข้ามาเป็นกมธ. อย่างไรก็ดีการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องสำคัญ ควรให้สมาชิกรัฐสภาดำรงตำแหน่งอย่างไรก็ดีสมาชิกรัฐสภาที่มีรวม 700 คน คือ สส. 500 คน สว.200 คน ส่วนกมธ.ที่จะตั้งมีจำนวน 45 คน ดังนั้นเมื่อกมธ.พ้นตำแหน่งเพราะขาดจากสมาชิกภาพ พรรคการเมืองควรตั้งบุคคลตามสัดส่วนของพรรคมาทดแทน ไม่เป็นปัญหา แต่หากยังให้คนที่ขาดสมาชิกภาพเป็น กมธ. ได้แต่ ถือว่าดูแคลนกันไปหน่อย
         
ในพรรคการเมืองมีผู้มีความรู้ความสามารถเป็นจำนวนมากในรัฐสภา แต่การเสนอแบบนี้คงหลับตาดูแล้วเห็นว่าใครขาดสมาชิกภาพในอนาคตหรือไม่ ขอให้ทับทวน กมธ.แก้รัฐธรรมนูญนั้น มีความสำคัญหากตัดส่วนคุณสมบัติที่ขาดคุณสมาชิกภาพออกไปจะเห็นใครมาทำหน้าที่ อ้าปากเห็นไปถึงริดสีดวงทวาร นพ.เปรมศักดิ์ กล่าว
         
ขณะที่นายพิสิษฐ์  อภิวัฒนาพงศ์  สว. อภิปรายว่า ตนไม่เห็นด้วยในการแก้ไขข้อบังคับข้อ 123 ที่กำหนดให้ กมธ.แก้รัฐธรรมนูญมาจากรายชื่อที่สมาชิกรัฐสภาเสนอ เท่ากับเปิดทางให้บุคคลภายนอกที่ไม่ใช่สมาชิกรัฐสภาเข้ามาทำหน้าที่ และการกำหนดสัดส่วนให้ประชาชนผู้เสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ เข้าเป็นกมธ. จำนวนไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 ของกมธ.ที่กำหนดให้มี 45 คน ถือว่าขัดต่อเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ มาตรา 114 ที่กำหนดว่า สส. สว. หรือสมาชิกรัฐสภาเป็นตัวแทนปวงชนชาวไทย
       
  การเสนอแก้ไขแบบนี้เท่ากับว่าจะตั้งใครก็ได้ใน 45 คน ไม่ต้องมีมีสมาชิกรัฐสภาแม้แต่คนเดียวก็ได้ ผมมองว่าไม่เป็นเหตุที่สมควร เพราะไม่ตรงกับเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญให้อำนาจหน้าที่และสิทธิแก่สมาชิกรัฐสภา อีกทั้งการเสนอให้มีตัวแทนประชาชนที่เสนอแก้รัฐธรรมนูญนั้น ผมติดใจในกระบวนการคัดเลือกที่ต้องโปร่งใส ยุติธรรม ไม่ใช่ถูกเลือกเข้ามาเพื่อเป็นเครื่องมือทางการเมือง แม้ว่าการเสนอกมธ.จากประชาชนเป็นเจตนาดี เพื่อเพิ่มการมีส่วนร่วมแต่การปฏิบัติและโครงสร้างตั้งกมธ. อาจไม่สมดุล อาจลดทอนอำนาจการถ่วงดุลของสส. และสว. กลับเพิ่มอำนาจให้กับฝ่ายที่สนับสนุนการแก้รัฐธรรมนูญ แม้ไม่มีร่างแก้ไขของประชาชนเข้ามาก็ตาม จะทำให้กระบวนการแก้รัฐธรรมนูญถูกชี้นำโดยเสียงข้างมาก นายพิสิษฐ์ กล่าว
      
   ขณะที่นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ อภิปรายว่า มติของพรรครวมไทยสร้างชาติมีมติไม่รับหลักการของร่างแก้ไขข้อบังคับการประชุมรัฐสภาที่เสนอ เนื่องจากมีประเด็นการกำหนดให้บุคคลภายนอกที่ไม่เป็นสมาชิกรัฐสภาร่วมเป็นกมธ.แก้รัฐธรรมนูญ เพราะการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องสำคัญ เป็นกฎหมายสูงสุดควรให้สิทธิแก่สมาชิกรัฐสภา
     
    ด้านน.ส.รัชนีกร ทองทิพย์ สว. กล่าวด้วยความอัดอั้นตันใจ ไม่เห็นด้วยกับการตั้งคนนอกเป็น กมธ. ว่า สส.ที่กำลังคุยอยู่อย่างมากมายตอนนี้ ไม่ได้ฟังเลย ท่านอาจจะมาจากการเลือกตั้งประชาชนเลือกท่านมา 1 คนมีสิทธิ์ เลือก 1 ท่าน แต่รัฐธรรมนูญฉบับนี้ได้เปิดโอกาสให้ผู้แทนกลุ่มอาชีพอย่างพวกเรา สว.เข้ามาเหมือนท่าน เราใช้รัฐธรรมนูญฉบับเดียวกัน ท่านอาจจะลืม ถ้าท่านลืมกลับไปอ่านใหม่อีกรอบได้ สถานภาพของ สส. และสว. เป็นเครื่องรับรอง และยืนยันว่าจะรับผิดชอบต่อการแก้ไขเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญ การแก้ไขเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญอยู่ในมือท่านอยู่แล้ว
       
  ส่วนนายวิทยา แก้วภราดัย สส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ อภิปรายว่า ในประเด็นกระบวนการแก้รัฐธรรมนูญมี 2 ประเด็นที่เสนอให้แก้ไข คือ การกำหนดการพ้นตำแหน่งของ กมธ.  ที่ตัดการขาดจากสมาชิกภาพออกไป อย่างไรก็ดีการขาดจากสมาชิกภาพไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องมีความผิดทุจริต ผิดจริยธรรม หรือต้องโทษที่ร้ายแรง จึงไม่สมควรทำหน้าที่ต่อฐานะตัวแทนประชาชน นอกจากนั้นแล้วในการตั้งกมธ. ที่กำหนดสิทธิให้ผู้แทนประชาชนที่มีสิทธิเข้าชื่อเสนอกฎหมายเป็นกมธ. จำนวน 1 ใน 3 คือ ตัวแทนที่เตรียมไว้ เตรียมตัวให้เข้ามาเป็น กมธ. 15 คน ซึ่งเท่ากับสว. หรืออาจจะมากกว่า หากเอาตัวแทนผู้เสนอร่างกฎหมายเข้ามาทำหน้าที่โดยไม่ไว้วางใจฝีมือ สมาชิกรัฐสภาแก้กฎหมาย เท่ากับว่าระบบรัฐสภาล้มเหลว
        
 หากไม่เชื่อว่าสองสภาทำได้ กลับเอาตัวแทนคนกลุ่มหนึ่งที่สถาปนาตัวเองเป็นผู้แทน คนที่เป็นตัวแทนตั้งตัวเป็นตัวแทนเพื่อเอาสัดส่วนนี้ ผมคิดว่าการเปิดช่องแบบนี้ไม่เห็นด้วย ในหลักการที่เสนอแก้ไขมานั้นผมไม่เห็นด้วยในประเด็นนี้ ทางที่ดีควรไปยกร่างแยกเนื้อหามา แต่หากติดประเด็นนี้ผมไม่เห็นด้วย นายวิทยา กล่าว
       
  ขณะที่น.ส.นันทนา นันทวโรภาส สว.พันธุ์ใหม่ อภิปรายว่า ขอสนับสนุนข้อบังคับการประชุมรัฐสภาฉบับนี้ เพราะคือข้อบังคับของตัวแทนของประชาชนดำเนินการประชุมให้เป็นไปตามเจตจำนงของประชาชน ต้องขอขอบคุณพรรคประชาชนที่เห็นความสำคัญของการพัฒนาข้อบังคับการประชุมที่ต้องเปลี่ยน และข้อบังคับการประชุมข้อที่ 123 ซึ่งถือเป็นหัวใจ เพราะก่อนหน้านี้ข้อบังคับการประชุมไม่มีการเปิดให้ประชาชนเข้ามาเป็นกรรมาธิการ แต่สมาชิกก็พูดว่านี่เป็นเขตพื้นที่ เขตอำนาจของเรา เราเปิดให้ประชาชนโดยใช้คำว่าคนนอก ตนคิดว่าประชาชนที่ฟังการอภิปรายอยู่เสียใจอย่างยิ่ง
        
 เมื่อเขาเลือกพวกคุณเข้ามาแล้ว พวกคุณเรียกเขาว่าเป็นคนนอกหรือ ตอนที่คุณจะให้เขาเลือกก็ไปกราบขอคะแนนเขา แต่พอเขาเลือกเสร็จแล้วคุณบอกว่าเขาเป็นคนนอก เขาไม่มีสิทธิ์เข้ามาในวงอำนาจนี้ กำลังหลงผิด และหวงอำนาจกันอยู่หรือเปล่า กำลังกลัวว่าโควตา 1 ใน 3 ที่จะเปิดให้ประชาชนเข้ามาเป็นกรรมาธิการร่วมพิจารณารัฐธรรมนูญนั้นจะเบียดบังโควต้าพรรคของท่าน น่าเสียใจ ตนอยากจะให้ทุกท่านเปลี่ยนจากคำว่าบุคคลภายนอก เป็นบุคคลสำคัญ เพราะประชาชนนั้นคือเจ้าของอำนาจที่แท้จริง และถ้าเราจะพิจารณาในเรื่องรัฐธรรมนูญ ประชาชนเป็นผู้เลือกสมาชิกรัฐสภาเข้ามา แล้วเหตุใดจึงกรีดกันไม่ให้ประชาชนเข้ามามีส่วนรวมในการที่จะพิจารณษกฎหมายสูงสุด ตรงนี้จึงมองว่าสมาชิกรัฐสาหลายท่านกังวลจนเกินเหตุในการที่จะเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการเป็นกรรมาธิการพิจารณากฎหมายสูงสุดของประเทศ แต่ควรเปิดใจให้กว้างยอมรับพัฒนาการนี้

จากนั้นนายพริษฐ์  อภิปรายสรุปด้วยว่าการประเด็นที่สมาชิกรัฐสภาติดในการตัดเงื่อนไขให้กมธ.พ้นจากตำแหน่งกรณีที่ขาดจากสมาชิกภาพของสภาที่เป็นสมาชิกนั้น เป็นการแก้ไขเพื่อให้สอดรับกับกรณีที่บางพรรคหรือสว. เสนอบุคคลภายนอกเป็นกมธ. แต่หากเขียนไว้ไว้ จะมีปัญหาทางกฎหมายทันที ที่บอกว่าอาจไม่มีสส.สว.เป็นกมธ.เลย นั้นอาจเป็นไปได้ กรณีที่พรรคการเมืองและสว. ไม่เสนอสมาชิกของสภาของตนเองได้ แต่หากเห็นว่าควรมีสมาชิกรัฐสภาอยู่ในกมธ. ในโควต้าของสว. ไม่ต้องเสนอคนนอก เพื่อปิดปัญหา อย่างไรก็ดีหากสว. หรือ สส. จะเสนอชื่อใครต้องขออนุมัติจากสมาชิกรัฐสภา หากพบว่ามี กมธ.ที่น้อยไป สามารถแก้ไขได้ หากต้องการหลักประกันสามารถรับหลักการแล้วไปแก้ไขในชั้นกมธ.ได้ กรณีที่เสนอให้ผู้แทนประชาชนที่เข้าชื่อเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ เป็นกมธ. นั้นเป็นกรณีพิเศษที่เสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยประชาชน ส่วนจำนวน และถ้อยคำนั้นตนดึงมาจากรัฐธรรมนูญที่กำหนดไว้
        
 จากนั้น เวลา 12.00 น. ที่ประชุมลงมติเห็นด้วย 415 ต่อ 185 เสียง งดออกเสียง 3 เสียง ที่ประชุมลงมติรับหลักการแห่งร่างข้อบังคับการประชุม ฉบับที่ ... พ.ศ. ... จากนั้นตั้ง กมธ.วิสามัญ จำนวน 18 คน
         
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่าการตั้ง กมธ.ในครั้งนี้ มีรายชื่อที่น่าสนใจ ได้แก่ นายปดิพัทธ์ สันติภาดา อดีต สส.พิษณุโลก รองประธานสภาฯ ถูกเสนอชื่อในสัดส่วนพรรคประชาชนด้วย ขณะที่ในการตั้งกมธ.สัดส่วนของวุฒิสภานั้น มีความวุ่นวายมาก โดยพบว่ามีประเด็นขัดแย้งระหว่าง สว. 2 กลุ่ม ทำให้นายเทวฤทธิ์ มณีฉาย สว.กลุ่มพันธุ์ใหม่ เสนอให้ที่ประชุมรัฐสภาลงมติตัดสิน แต่นายวันมูหะมัดนอร์ ขอให้สว. หารือกันภายในก่อนเสนอต่อที่ประชุม และสั่งพักการประชุมเพื่อตกลงกันก่อน
        
 ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ระหว่างการพิจารณาร่างข้อบังคับการประชุมรัฐสภา (ฉบับที่...) พ.ศ...ภายในห้องประชุมพระจันทรา มีวัตถุต้องสงสัยตกลงมาบริเวณ หลังเก้าอี้ที่บรรดา สส. พรรคเพื่อไทยนั่งอยู่ โดยมีนางวิลดา อินฉัตร สส.ศรีสะเกษ พรรคเพื่อไทย ยืนอยู่ ซึ่งไม่ทราบว่าวัตถุดังกล่าวมาจากไหน แต่ไม่โดนใคร และกระป๋องได้กลิ้งไปอยู่ใต้เก้าอี้ สส. ทำให้ สส. เตะกระป๋องออกมา จากนั้นบรรดา สส. เพื่อไทยได้มายืนดูวัตถุที่ตกลงมา พบว่าเป็น กระป๋องนมยี่ห้อหนึ่ง โดยมีกระดาษสีน้ำตาลเสียบอยู่ด้านใน แต่ไม่มีข้อความอะไร จึงให้เจ้าหน้าที่มาเก็บออกไป
        
 ด้านนายวิทยา แก้วภราดัย สส. บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ ที่เดินผ่านมาเห็นเหตุการณ์พอดี กล่าวว่า สิ่งที่เห็นเป็นกระป๋องเครื่องดื่มและมีกระดาษอยู่ข้างใน และไม่คิดว่าเป็นการร่วงลงมาจากข้างบน เพราะเงยขึ้นไปเห็นเป็นเพดาน จึงคิดว่ามีความเป็นไปได้ว่าอาจมีการขว้างลงมาจากที่สูง และไม่คิดว่าวางอยู่ก่อนแล้วเพราะก่อนการประชุมเจ้าหน้าที่จะต้องตรวจเช็คความพร้อมของไมค์ และเก็บกวาดสถานที่ก่อนการประชุม ทั้งนี้ไม่ทราบที่มา ที่ไป อาจมีใครเผลอขว้างหรือเจ้าหน้าที่ไม่ได้ทำความสะอาด
       
จากเหตุการณ์นี้ไม่มีใครได้รับอันตราย แต่ตั้งข้อสังเกตว่าหากมีของผิดปกติร่วงลงมาลักษณะนี้ไม่ควรเก็บ แต่ควรให้ผู้เชี่ยวชาญมาตรวจสอบก่อนที่จะเก็บเพราะไม่ทราบว่าเป็นอะไรนายวิทยา กล่าว