วันที่ 14 ม.ค.68 ที่มูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคมถนนแจ้งวัฒนะ ต.บางตลาด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี นายบุญยืน อายุ 66 ปี พร้อมด้วย น.ส.บี (นามสมมุติ) อายุ 15 ปี ลูกสาวเดินทางเข้าร้องเรียนกับว่าที่ร้อยตรีรภัสสิทธิ์ ภัทรสิริชัยสิน รองประธานมูลนิธิฯ และนางชฎาภรณ์ พงศ์ทองเมือง ที่ปรึกษามูลนิธิ เพื่อขอให้ช่วยเหลือหลังลูกสาวได้ออกจากบ้านเพื่อไปหางานทำและได้ไปขอพักอาศัยอยู่ที่ห้องพักภายในซอยประชาชื่น 12 แยก 16 ตลาดท่าทราย แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม.ของนายเจ็ก อายุ 35 ปี ญาติลูกพี่ลูกน้องที่สนิทกันกับลูกสาว โดยนายเจ็ก มีภรรยาพักอาศัยอยู่ด้วย เมื่อช่วงเดือนสิงหาคม ปี67 ที่ผ่านมา แต่หลังไปอยู่ด้วยแค่ 2 สัปดาห์ กลับถูกนายเจ็ก ออกอุบายให้ลูกสาวช่วยเหยียบหลังให้อ้างว่าปวดหลัง ก่อนจะคว้าตัวลูกสาวจนล้มลงไปกับพื้นแล้วบังคับขืนใจจนสำเร็จความใคร่ และบอกกับลูกสาวว่าห้ามเอาเรื่องไปบอกใคร เพราะจะไม่มีใครเชื่อมันเป็นเรื่องขี้ๆ หลังจากนั้นก็บังคับขืนใจลูกสาวตนเรื่อยมาร่วม 3 ครั้ง จนลูกสาวหนีออกจากห้องนายเจ็ก มาได้และเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ภรรยาตนฟังจึงตัดสินใจพาลูกสาวเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจนครบาลทุ่งสองห้อง เมื่อวันที่ 25 พ.ย.67ให้ดำเนินคดีกับนายเจ็ก แต่เรื่องก็เงียบหายไปพอโทรศัพท์ไปสอบถาม กับบอกว่าลืม วันนี้จึงเดินทางมาร้องกับทางมูลนิธิให้ช่วยเหลือในเรื่องคดีที่ไม่มีความคืบหน้า

น.ส.บี อายุ 15 ปี เล่าทั้งน้ำตาว่า ก่อนเกิดเรื่องตนตั้งใจจะออกไปหางานทำกับภรรยานายเจ็ก ที่ทำงานเป็นแม่บ้านที่สนามกอลฟแห่งหนึ่ง จึงตัดสินใจมาขอพักอาศัยที่ห้องดังกล่าว จนมาเกิดเรื่องดังกล่าวขึ้น หลังเกิดเรื่องได้บอกให้ภรรยาของนายเจ็ก ทราบถึงพฤติกรรมของสามีแต่กับถูกภรรยาของนายเจ็กต่อว่าและเสนอเงินให้ 50,000 บาทเพื่อจบเรื่อง ตนไม่ยอมก็ถูกพูดจาข่มขู่ทั้งที่ภรรยานายเจ็กก็เป็นผู้หญิงเหมือนกับตนถ้าเขาโดนกับตัวเองบ้างจะรู้สึกอย่างไป ที่ต้องมีตราบาปติดตัวไปตลอดชีวิต

ด้านว่าที่ร้อยตรีรภัสสิทธิ์ กล่าวว่า หลังรับเรื่องร้องเรียนกรณีนี้ ถือว่าเป็นภัยอันตรายของน้องผู้หญิงที่เกิดจากบุคคลในครอบครัวที่สนิทและไว้ใจ แล้วหลังเกิดเรื่องพอไปแจ้งความเรื่องกับเงียบหายไป พอโทรไปตามเรื่องตำรวจเจ้าของคดีกับบอกว่าลืม หลังจากนี้ตนจะพาพ่อกับลูกสาวไปตามคดีที่สน.ทุ่งสองห้อง ให้ดำเนินคดีกับคนก่อเหตุให้ถึงที่สุด