เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 14 ม.ค. 68 ที่ท้องสนามหลวง นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง กล่าวถึงกรณีสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ระบุว่า เอ็นเตอร์เทน​เมนต์​คอมเพล็กซ์​ไม่ได้ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจว่า ตนยังไม่ได้ยินเลย ความเห็นของสภาพัฒน์ ที่ส่งมาที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ไม่ได้มีประเด็นนี้ ถ้าตนจำไม่ผิด เขาให้ดูเรื่องผลกระทบ เพราะกฎหมายนี้ต้องออกมา ควบคุม กำกับ ดูแล พร้อมกับเยียวยา รวมไปถึงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งการพนันอาจไม่ทำให้เกิดการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจที่ถูกต้อง แต่การศึกษาของกระทรวงการคลัง เกิดผลกระทบใน 2 ช่วง คือ ช่วงก่อสร้างจีดีพีโต ตกปีละ 0.2 % ซึ่งไม่รวมการพนัน และการที่จะนำมาคำนวณเป็นจีดีพี ต้องมีการผลิตเกิดขึ้นในหลายส่วน ตนยืนยันว่า มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจ เพราะมูลค่ากว่าแสนล้าน ถ้าเรามีมากกว่า 1 จุดก็จะมีการเติบโตมากกว่านั้น ซึ่งตัวเลขนี้เป็นเพียงการประเมินเรื่องของการลงทุน ยังไม่ใช่ผลพลอยได้ เพราะเป็นโครงการที่มนุษย์สร้างขึ้น ต้องมีธุรกิจเกี่ยวเนื่องอีกมากมาย ที่จะสร้างรายได้ให้กับประชาชนรอบพื้นที่ และสามารถเก็บรายได้เข้ารัฐได้ 

 

เมื่อถามว่า ได้วางไทม์ไลน์​ไว้หรือไม่ว่า ร่างกฎหมายจะมีผลบังคับใช้เมื่อไร นายจุลพันธ์ กล่าวว่า เร็วที่สุด รัฐบาลชุดนี้ทำงานเร็วอยู่แล้ว มีกระบวนการที่อยู่นอกเหนือมือของพวกตน แต่เราทราบว่า การขับเคลื่อนเรื่องนี้ เป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์ จึงเชื่อว่าไม่มีใครชักช้า ซึ่งขณะนี้ อยู่ในมือของคณะกรรมการกฤษฎีกา คาดว่า ไม่นาน เพราะความล่าช้าเป็นต้นทุนทางโอกาส และเรื่องนี้เป็นประโยชน์ ไม่เหมือนกับที่หลายสำนักข่าวไปบอกว่าเป็นกาสิโน และเอ็นเตอร์เทน​เมนต์​คอมเพล็กซ์​ ที่เกิดขึ้นในหลายประเทศ ทำให้เกิดเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ซึ่งมีความจำเป็นจะต้องออกกฎหมายเฉพาะ

 

นายจุลพันธ์ กล่าวว่า แต่ก็ยอมรับว่า ถ้าจะให้บังคับใช้ได้ไตรมาส 3 ก็ตรึงมาก ส่วนไตรมาส 4 ก็ตอบไม่ได้จริงๆ สำหรับบริษัทที่จะลงทุน จะต้องเป็นบริษัทที่จดทะเบียนในไทย  แต่ไม่ได้จำกัดเรื่องของสัญชาติ เพราะจะมีการเขียนกฎหมาย ให้ผู้ลงทุนต้องมีทุนจดทะเบียน 10,000 ล้านบาท เพื่อเป็นการคัดกรองให้รู้ว่าคนที่เข้ามาเป็นเบอร์ใหญ่ และเป็นนักลงทุนจริง เพราะการทำโปรเจคขนาดนี้ต้องเป็นคนที่มีความพร้อมและมีศักยภาพ มีประสบการณ์ เคยทำธุรกิจประเภทนี้มาก่อน และยืนยัน ตนยังไม่เคยพบกับใครตามที่เป็นข่าว แล้วก็ไม่ต้องมีใครมาพบตนด้วย เพราะตนมีหน้าที่ทำกฎหมาย แต่เรื่องสถานที่ ใครทำอะไรที่ไหน จะมีคณะกรรมการที่จะเกิดขึ้นในอนาคต โดยจะมีการเขียนกฎหมายให้รอบคอบและรัดกุม โปร่งใสตรวจสอบได้ ซึ่งเป็นหน้าที่ของตนที่จะทำกฎหมายให้คลีนที่สุด ใครจะได้ทำอะไรที่ไหน ต้องเสนอเข้ามาแข่งขันกัน และรัฐก็จะได้ประโยชน์จากมิติต่างๆทั้งการจัดเก็บภาษี มิติสังคมและสิ่งปลูกสร้างที่จะเกิดขึ้นมา อะไรที่จะว้าว ก็ต้องไปวัดกันข้างหน้า 

 

นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ส่วนที่ภาคเอกชนมีความสนใจเป็นอย่างมากก็ต้องขอขอบคุณ เพราะมันแสดงให้เห็นว่าประเทศไทยมี ความพร้อมและศักยภาพ ทำให้ทั้งในและต่างประเทศพร้อมโดดมาลงทุน และยืนยันว่า ไม่มีเรื่องของเส้นสาย หรือ เกี้ยเซียะอะไรในรัฐบาล เพราะในรัฐบาลไม่มีใครกล้าทำ 

 

เมื่อถามว่า ภาคเอกชนกังวลเรื่องความการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม นายจุลพัน​ธ์​ กล่าวว่า อยู่ที่การร่างกฎหมายและกลไก การตรวจสอบมีเยอะแยะ ทั้งนักร้อง จึงเชื่อว่าไม่มีใครกล้าทำ