หลังจากที่ประชุม ครม.มีมติอนุมัติหลักการร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร หรือ เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ แล้วให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยมีสาระกำหนดให้มีกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ล่าสุด เพจเฟซบุ๊ก พรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความระบุว่า...

‘Entertainment Complex ปลดล็อกเพื่อสร้างศูนย์รวมความบันเทิงหลากหลาย มุ่งยกระดับเศรษฐกิจ กระตุ้นการท่องเที่ยว สร้างงานสร้างอาชีพ จัดระเบียบสังคมไทย ทลายธุรกิจสีเทาภายใต้การควบคุมอย่างรัดกุม แก้พนันออนไลน์ ปิดตายช่องทางฟอกเงินระยะยาว’

นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ว่า ครม. มีมติเห็นชอบหลักการร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. ... ตามที่กระทรวงการคลัง เสนอ หลังเปิดรับฟังความเห็นจากประชาชน และปรับปรุงแก้ไขร่างพ.ร.บ.ตามความคิดเห็นจากการรับฟังความเห็นจากประชาชน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเรียบร้อยแล้ว โดยรัฐบาลหวังให้โครงการนี้เป็นโครงการที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจ และการท่องเที่ยวของประเทศ สำหรับวัตถุประสงค์ของโครงการ นายกฯ ระบุว่า เพื่อเพิ่มการท่องเที่ยว ส่งเสริมการลงทุนในประเทศ ตลอดจนแก้ปัญหาการพนันผิดกฎหมายที่มีอยู่ในปัจจุบัน และจะทำให้เกิดผลดีต่อสังคมในอนาคตในภาพรวม ซึ่งเป็นหนึ่งในการสนับสนุนเรื่องการท่องเที่ยวยั่งยืน หรือ man-made tourist destination ที่ได้เคยแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ในส่วนของรายละเอียดกระทรวงการคลังจะนำเสนอต่อไป

“โครงการเอนเทอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์หากเกิดขึ้นได้เร็วก็จะดี เพราะอย่างสิงคโปร์ มีการทำโครงการนี้ และมีกาสิโนเพียง 10% ก็ทำให้การท่องเที่ยวดีขึ้นมาก และระดับเศรษฐกิจ จีดีพีก็เติบโตขึ้นได้อย่างมาก หวังว่าโครงการนี้จะทำให้เศรษฐกิจไทยเติบโตได้เช่นกัน สำหรับคนไทยที่ต้องการเข้าใช้บริการในส่วนกาสิโนจะต้องจ่ายค่าเข้า 5,000 บาท” นายกรัฐมนตรี กล่าว

ส่วนกรณีที่มีความกังวลว่าประเทศไทย จะมีธุรกิจสีเทา นอกกฎหมายมากขึ้นหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า หากสามารถทำทุกเรื่องให้โปร่งใส ก็จะเป็นเรื่องบวกกับประเทศ และมีภาษีที่ได้มากขึ้นก็ถือเป็นรายได้ที่เข้ามาเพิ่มขึ้นของประเทศ

[จากปัญหาสูญเสียรายได้ให้เพื่อนบ้าน ไม่เข้าระบบภาษี]

ปัญหาเศรษฐกิจของไทยในปัจจุบัน ภาคการท่องเที่ยวของไทยนั้นได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โรคระบาดที่ผ่านมา ทำให้เกิดการหยุดชะงักไปในช่วงเวลาหนึ่ง แม้จะมีการเร่งฟื้นฟูและกระตุ้นการท่องเที่ยวมากขึ้น แต่ประเทศไทยกลับไม่ได้มีการสร้างแหล่งท่องเที่ยวใหม่ ๆ เพื่อดึงดูดใจนักท่องเที่ยวมากเท่าที่ควร ประกอบกับการแข่งขันจากประเทศเพื่อนบ้าน ทำให้รายได้จากการท่องเที่ยวลดลงอย่างมากในช่วงปีที่ผ่านมา ทางด้านประเทศคู่แข่งอย่าง สิงคโปร์ มาเก๊า และฟิลิปปินส์ ได้พัฒนาการท่องเที่ยวผ่านการเปิด Entertainment Complex ที่รวมถึงคาสิโน ซึ่งสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกและสร้างรายได้จำนวนมากเข้าสู่ประเทศ

ประเทศไทยสูญเสียรายได้จำนวนมากให้กับประเทศเพื่อนบ้านที่มีคาสิโนถูกกฎหมาย และคาดว่ามีเงินหมุนเวียนจากการพนันผิดกฎหมายภายในประเทศหลายหมื่นล้านบาทต่อปี โดยที่ไม่ได้ถูกนำเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจของประเทศ

[ศึกษาประเทศตัวอย่าง มุ่งวางแผนให้เหมาะสม]

มีการศึกษาวิเคราะห์โมเดลของประเทศที่มี Entertainment Complex ซึ่งประสบความสำเร็จ เช่น สิงคโปร์ มาเก๊า และลาสเวกัส เพื่อวางแผนการลงทุนที่เหมาะสมเพื่อให้ประเทศไทยเป็นที่ดึงดูดของนักลงทุนต่างชาติ พบว่า

สิงคโปร์ : มีนักท่องเที่ยวกว่า 15 ล้านคน ในปี 2022 โดยกว่า 4.5 ล้านคน หรือร้อยละ 30 เข้าเยี่ยมชม Entertainment Complex โดยมีรายได้จากภาษีธุรกิจ Entertainment Complex ประมาณ 4.4 แสนล้านบาท ดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศกว่า 300,000 ล้านบาท เกิดการจ้างงานกว่า 20,000 ตำแหน่ง

มาเก๊า : รายได้จาก Entertainment Complex สูงถึง 1.2ล้านล้านบาทต่อปี และมี

อัตราการเก็บภาษีคาสิโนในมาเก๊าสูงถึง 35% ของ GGR

ลาสเวกัส, สหรัฐอเมริกา : ศูนย์กลางคาสิโนที่มีชื่อเสียงระดับโลก และสร้างรายได้สูงถึง 30,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ต่อปี มีการเก็บภาษีคาสิโนในอัตราประมาณ 10% ของ GGR (Gross Gaming Revenue) เป็นแหล่งรายได้สำคัญที่รัฐนำไปใช้ในโครงการสาธารณูปโภคต่างๆ

และยังมีตัวอย่างความสำเร็จากการทำ Entertainment Complex ในประเทศอื่นๆนอกเหนือจากนี้ที่สร้างรายได้เข้าประเทศได้อย่ามหาศาล อาทิ เวียดนาม เกาหลีใต้ อินโดนีเซีย และ ฟิลิปปินส์ เป็นต้น กรณีศึกษาาดังกล่าว พิสูจน์ให้เห็นผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจได้อย่างชัดเจน เพราะขนาดตลาอดของ Entertainment Complex มีมูลค่าสูงถึง 54 ล้านล้านบาท ใมปี 2022

ทั้งนี้ยับพบอีกว่า คนไทยกว่า 3.7 ล้านคนเดินทางไปยังประเทศเพื่อนบ้านเพื่อเล่นการพนัน จะดีกว่าหรือไม่ หากสิ่งนี้เกิดขึ้นที่บ้านเรา ทำให้อยู่ในระบบ และสามารถควบคุมได้?

[เปิดประตูสู่ศูนย์ความบันเทิงที่หลากหลาย ภายใต้การแข่งขันที่เป็นธรรม]

จากการศึกษาความสำเร็จของประเทศเพื่อนบ้าน Entertainment Complex ที่กำลังจะเกิดขึ้นในไทย จะเป็นการปลดล็อคเพื่อสร้างแหล่งท่องเที่ยวแบบใหม่ ที่สามารถรองรับนักท่องเที่ยวคุณภาพจากทั่วโลก ท่ามกลางการเป็นศูนย์กลางความบันเทิงครบวงจร ตั้งแต่สเตเดียมกีฬาระดับโลก โรงแรมสุดหรูระดับ 6 ดาว การเป็นศูนย์กลางรองรับคอนเสิร์ตของศิลปินดังทั่วโลก รวมถึงพื้นส่งเสริมวัฒนธรรมของประเทศ และสินค้าชุมชมจาก OTOP สวนสนุก สวนน้ำ ไนท์คลับ-ผับบาร์ สถานที่จัดประชุมขนาดใหญ่ ทั้งนี้ยังให้โอกาสนักลงทุนไทยเข้าร่วมลงทุนในโครงการ โดยจะมีระบบประมูลที่เปิดกว้างและเป็นธรรม เพื่อให้เกิดความร่วมมือที่เข้มแข็งระหว่างทุนไทยและทุนต่างประเทศ สร้างความเชื่อมั่นให้เกิดการไหลเวียนเงินทุนเข้าสู่ประเทศ

[ดึงเม็ดเงินพร้อมสร้างงานหลายหมื่นตำแหน่ง]

Entertainment Complex ช่วยสร้างอาชีพทั้งในภาคบริการ โรงแรม ร้านอาหาร และธุรกิจที่เกี่ยวข้อง คาดว่าจะมีการสร้างงานที่มีรายได้สูงมากกว่า 10,000 ตำแหน่ง ดึงดูดนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น 5-10% ต่อปี และดูดการลงทุนขั้นต่ำกว่า 100,000 ล้านบาท รวมถึงสามารถสร้างรายได้ให้กับการท่องเที่ยวถึง 119,000 - 238,000 ล้านบาท เฉพาะการสร้างรายได้ให้ภาครัฐคาดว่าจตะมูลค่าสูงถึง 39,000 ล้านบาท เกิดการใช้จ่ายเพิ่มขึ้นต่อหัวในหมู่นักท่อเที่ยวเฉลี่ย 66,000 กว่าบาท (จากเดิม 44,000 บาท ต่อคน)

ซึ่งรายได้จาก Entertainment Complex จะทำให้รัฐบาลมีรายได้จากภาษีและค่าธรรมเนียมที่สามารถนำไปใช้พัฒนาโครงการสาธารณประโยชน์ต่าง ๆ เช่น การพัฒนาสาธารณูปโภค การศึกษา และการดูแลสุขภาพ

[ไม่ใช่ปลดล็อคเสรีพนัน แต่มุ่งมั่นทลายธุรกิจสีเทา]

ปัจจุบันการพนันผิดกฎหมายเป็นปัญหาที่แพร่หลาย มีการแจ้งความคดีเกี่ยวกับการพนันทุกประเภทเฉลี่ยปีละ 42,000 คดีและมีผู้ต้องหาประมาณ 90,000 คน นอกจากนี้การพนันผิดกฎหมายยังเชื่อมโยงกับปัญหายาเสพติด การก่ออาชญากรรม และการทุจริต การไม่มีระบบควบคุมการพนันที่ชัดเจนและรัดกุมมากพอ ทำให้ผู้ที่ติดพนันและนายทุนเจ้าของธุรกิจสีเทาสามารถฉวยโอกาสจากการไร้ซึ่งข้อกฎหมายเพื่อกระทำการก่ออาชญากรรมได้โดยง่าย สร้างความไม่มั่นคงให้สังคม

Entertainment Complex จะทำให้การพนันอยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐ โดยเฉพาะในส่วนของคาสิโนซึ่งมีสัดส่วนเพียงไม่ถึง 10% นั้น จะต้องมีการจัดระเบียบอย่างรัดกุมเพื่อไม่ทำให้เกิดปัญหาสังคม การจัดระเบียบด้วยข้อกฎหมายในครั้งนี้ เป็นโอกาสแก้ปัญหาบ่อนเถื่อน การพนันออนไลน์ และธุรกิจสีเทา และเสริมสร้างมาตรการป้องกันการฟอกเงินที่มีประสิทธิภาพ

โดยมีกฎหมายและมาตรการที่เข้มงวดในการควบคุมการเข้าใช้บริการ เช่น กำหนดอายุขั้นต่ำในการเข้าใช้บริการ และใช้ระบบคัดกรองผู้ที่เข้ามาเล่น รวมถึงกำหนดเงินขั้นต่ำในการคัดกรอง รวมถึงจะมีการเก้บค่ทำเนียมค่าเข้าใช้บริการสำหรับบุคคลสัญชาติไทย รายละ 5,000 บาท

[เก็บภาษีกาสิโน]

ทั้งนี้ จะมีการตั้ง “ภาษีกาสิโน” ขึ้นมาโดยเฉพาะ เพื่อนำเข้าสู่ระบบและนำมาพัฒนาประเทศ โดยคิดจาก % รายได้ขั้นต้นจากการเล่นเกม (GGR) โดยจะเก็บ 17-20% ของ GGR

[บำบัดคนติดพนัน ด้วยภาษีกาสิโน]

นอกจากนี้ รัฐบาลจะจัดสรรรายได้ส่วนหนึ่งจากโครงการไปสร้างองค์กรและโครงการเพื่อช่วยเหลือบำบัดผู้ติดการพนัน มีการให้คำปรึกษาและบริการฟื้นฟูผู้ติดการพนันอย่างเป็นระบบ เพื่อช่วยลดปัญหาสังคมที่เกิดจากการพนัน ซึ่งเรื่องนี้ อ้างอิงผลสำเร็จจากประเทศสิงคโปร์ ที่ใช้ภาษี ที่เกิดขึ้นจากโครงการ Entertainment Complex ตั้งกองทุนป้องกันและบรรเทาผลกระทบ ส่งผลเล่นให้การเล่นการพนันที่ผิดกฎหมาย ลดลงจาก 2.1% ในปี 2005 เหลือเพียง 0.2% ในปี 2020

[สร้างความมั่นคงและยกระดับคุณภาพชีวิตคนไทยด้วย Entertainment Complex ]

การจัดตั้ง Entertainment Complex ในประเทศไทยไม่เพียงแต่จะเป็นการเพิ่มรายได้จากการท่องเที่ยวและการจ้างงาน ผ่านการสร้างแหล่งท่องเที่ยวในรูปแบบใหม่ แต่ยังช่วยควบคุมและจัดการปัญหาการพนันที่ผิดกฎหมาย รวมถึงการฟอกเงินและอาชญากรรมที่เกี่ยวข้องกับการพนันอย่างมีประสิทธิภาพ

นอกจากนี้ ยังเป็นโอกาสในการสร้างรายได้ที่จะนำไปพัฒนาโครงการสาธารณประโยชน์และการบำบัดผู้ติดการพนัน เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นสำหรับประชาชนไทยในอนาคต

#พรรคเพื่อไทย #EntertainmentComplex