คนร้ายเหิม! วางจยย.บอมบ์หวังสังหารหมู่ เจ้าหน้าที่ตำรวจ -อส.-ฝ่ายปกครอง 30 นาย ระหว่างเข้าแถวหน้าโรงพักสภ.เมืองปัตตานี อส.บาดเจ็บ 6 นาย โชคดีไม่มีผู้เสียชีวิต “ผกก.”สั่งเช็ควงจรปิดล่าตัวมือระเบิด

เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 13 ม.ค.68 ศูนย์วิทยุ 191 จ.ปัตตานี ได้รับแจ้งมีเหตุระเบิด ภายในซอย Tk.ปาร์ค ถนนปัตตานีภิรมย์ ข้าง สภ.เมืองปัตตานี อ.เมือง จ.ปัตตานี มีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายราย จึงประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมลงพื้นที่ไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมรายงาน พ.ต.อ.เจฟฟรีย์ ไศลมานกุล ผกก.สภ.เมืองปัตตานี 

เบื้องต้นพบเจ้าหน้าที่สังกัดกองร้อย อส.เมืองปัตตานีที่ 2 ได้รับบาดเจ็บ 6 ราย คือ 1.อส.บุญเลิศ แสงสุวรรณ แน่นหน้าอก 2.อส.ภานุวัตร ใหม่รักษา ถูกสะเก็ดระเบิดบริเวณขาขวา 3.อส.บันเทิง นวลมิ่ง ถูกสะเก็ดระเบิดบริเวณขาขวา 4.อส.มะตอเปด แวกูโน 5.อส.มะตอเฮ สาและ และ 6.อส.เจ๊ะโซ๊ะ มามะ ถูกนำตัวส่ง รพ.ปัตตานี 

จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจ อส. และฝ่ายปกครอง จำนวน 30 นาย กำลังเตรียมตัวเพื่อที่จะเข้าแถวเพื่อทำการปล่อยแถวสายตรวจ ด้านหน้าของโรงพักเมืองปัตตานี ซึ่งเป็นการปฏิบัติหน้าที่ตามปกติประจำวันทุกวัน โดยคาดว่า คนร้ายได้ลอบนำระเบิดแสวงเครื่องบรรจุไว้ในรถจักรยานยนต์ แล้วนำรถจักรยานยนต์ประกอบระเบิด นำไปจอดในซอยซึ่งอยู่ระหว่างโรงพักเมืองปัตตานี กับ TK Park จากนั้นคนร้ายก็ขึ้นรถจักรยานยนต์ของเพื่ออีกคัน เพื่อซุ่มดูเมื่อเจ้าหน้าที่มาถึง และเจ้าหน้าที่บางส่วนได้มาอยู่บริเวณ จยย.บอมบ์ คนร้ายจึงกดชนวนระเบิดทันที่ สะเก็ตระเบิดทำให้เจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บดังกล่าว 

จากการนี้ยังพบซากรถจักรยานยนต์ที่คนร้ายนำมาประกอบระเบิดกระจัดกระจายไปทั่วบริเวณ รวมไปถึงชิ้นส่วนระเบิดเจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน อีกทั้งแรงระเบิดทำให้ประตูเหล็กของห้างร้านเป็นรูเสียหาย รวมไปถึงกระจกตัวอาคารหลายหลังแตกกระจาย นอกจากนี้ สะเก็ดระเบิดยังกระเด็นไปถูกรถยนต์ที่จอดไว้ใกล้ ๆ ได้รับความเสียหายจำนวน 5 คัน 

ทั้งนี้หลังเกิดเหตุ พ.ต.อ.เจฟฟรีย์ ได้สั่งการให้ชุดสืบสวนสอบสวนเข้าไปเก็บวัตถุพยานในที่เกิดเหตุรวมและตรวจกล้องวงจรปิดที่อยู่บริเวณที่เกิดเหตุ เชื่อว่าคนที่ก่อเหตุน่าจะเป็นกลุ่มเดิมที่เคยก่อเหตุในพื้นที่ ซึ่งสาเหตุเจ้าหน้าที่ เชื่อว่าเป็นการสร้างสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ โดยเฉพาะเป็นช่วงโยกย้ายข้าราชการตำรวจระดับหัวหน้าโรงพัก ขณะนี้ เจ้าหน้าที่ติดตามคดีนี้อย่างใกล้ชิด