ครม.ไฟเขียวเดินหน้า “เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์” พร้อมส่งกฤษฎีกาดูข้อกฎหมาย “นายกฯ” ลั่นบอกทำให้ถูกกฎหมาย ทำ ปชช.ปลอดภัย – สร้างรายได้เข้าประเทศ
เมื่อเวลา 11.35 น. วันที่ 13 ม.ค.68 ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ที่ประชุม ครม.มีมติอนุมัติหลักการร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร หรือ เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ แล้วให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยมีสาระกำหนดให้มีกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร เช่น กำหนดให้มีคณะกรรมการกำหนดนโยบายสถานบันเทิงครบวงจร และคณะกรรมการบริหารจัดตั้งสำนักงานกำกับการประกอบสถานบันเทิงครบวงจร และมีการกำหนดหลักเกณฑ์ที่ชัดเจน เรื่องการอนุญาตให้ประกอบสถานบันเทิงครบวงจร ซึ่งมีวัตถุประสงค์ เพื่อเพิ่มเรื่องการท่องเที่ยวและส่งเสริมการลงทุนในประเทศ ตลอดจนการแก้ปัญหาพนันผิดกฎหมายที่มีอยู่ในปัจจุบัน เพื่อให้ส่งผลดีต่อภาพรวม เป็นหนึ่งในการสนับสนุนการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนให้กับประเทศ ตามที่เคยแถลงนโยบายต่อรัฐสภาไป
เมื่อถามว่า เมื่อกฤษฎีกายกร่างแล้ว ต้องนำเข้า ครม.อีกรอบ หรือส่งไปยังสภาฯ น.ส.แพทองธาร ตอบว่า เราให้กฤษฎีกามีความเห็นเฉยๆ ในที่ประชุมเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา ก็ระบุว่า ไม่ได้ขวางอะไร เพียงแต่ต้องการปรับเนื้อหาข้างใน เพราะมีข่าวว่ากฤษฎีกาขวาง ซึ่งไม่ได้ขวาง เพียงแต่อยากปรับเนื้อหาให้ตรงกับที่ตนได้แถลงต่อรัฐสภา ว่าเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยว โดยจะปรับคำให้เข้ากันเท่านั้น
เมื่อถามย้ำว่า แสดงว่าส่งให้สภาฯ ได้เลย ไม่ต้องเข้าครม.อีกรอบ นายกฯตอบว่า ”ใช่คะ ส่งเข้าสภาฯได้เลย“ เมื่อถามอีกว่า เป้าหมายจะผลักดันให้ได้ภายในปีนี้หรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า จริงๆ พยายามผลักดัน แต่ต้องรอกระบวนการต่างๆว่า จะผ่านอะไรแค่ไหนอย่างไร แต่เกิดขึ้นเร็วก็ดี เราดูอย่างประเทศสิงคโปร์ที่มีเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ มีคาซิโนแค่ 10 เปอร์เซ็นต์ นอกนั้นเป็นเรื่องการท่องเที่ยว เมื่อก่อนอาจมีคนบอกว่าสิงคโปร์มีสถานที่ท่องเที่ยวน้อย แต่พอมีคาซิโน ก็ทำให้การท่องเที่ยวเจริญเติบโตอย่างมาก และจีดีพีก็สูงขึ้นอย่างมากเช่นกัน ฉะนั้นจะเกิดผลดีให้กับประเทศในอนาคต ถ้าหากผลักดันให้เกิดขึ้นเร็วก็นับว่าเป็นสิ่งที่ดี
เมื่อถามว่า เรื่องดังกล่าวอาจทำให้มีการมองว่า จะมีเรื่องกลุ่มทุนปัญหามาเฟียตามมา ทำให้ภาพลักษณ์ประเทศเสียไปหรือไม่ เราจะป้องกันหรือทำอย่างไร น.ส.แพทองธาร ตอบว่า เราต้องอยู่บนความจริงว่า ทุกวันนี้มีการพนันที่ไม่ถูกกฎหมายเต็มไปหมด ฉะนั้นเรื่องการส่งเสริมการท่องเที่ยว เป็นเรื่องของการแก้ปัญหา เรื่องการโดนผู้มีอิทธิพลทำอะไรนอกกฎหมาย สิ่งที่เอามาอยู่ในกฎหมายให้กฎหมายระบุชัดเจนคลอบคลุม จะทำให้ชีวิตประชาชนปลอดภัย แถมภาษีที่ได้จะเป็นเงินเข้าประเทศ วันนี้เราต้องมองภาพว่าโลกยุคปัจจุบัน ถ้าเราเอาทุกมากทำให้โปร่งใสได้ก็จะเป็นสิ่งที่บวกให้ประเทศ ความจริงเป็นเรื่องใหม่ในประเทศ เราต้องสื่อสารอธิบายบ่อยหน่อย จะให้กระทรวงต่างๆ ชี้แจงรายละเอียด ทุกคนจะได้เข้าใจภาพรวมไปพร้อมๆกัน
ด้าน นายปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาคณะกรรมการกฤษฎีกา กล่าวถึงกระแสข่าวคณะกรรมการกฤษฎีกาทักท้วง ร่าง พ.ร.บ. การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร ว่า ไม่ได้ไม่เห็นด้วย แต่หลักในการทำกฎหมายของรัฐบาล จะต้องยึดนโยบายของรัฐบาลเป็นหลัก ซึ่งจะต้องไปดูคำแถลงนโยบายต่อรัฐสภา โดยจะไปดู Man -made destination หรือแหล่งท่องเที่ยวที่มนุษย์สร้างขึ้น จะมีตั้งแต่สวนสนุกอื่นๆ และเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ เข้าไปอยู่ในนั้น แต่กฎหมายที่กระทรวงการคลังร่างขึ้น ใช้ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการในสภาผู้แทนราษฎรเป็นหลัก ซึ่งพูดถึงเฉพาะเรื่องของเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ และการแก้ไขปัญหาการพนัน ฉะนั้น จึงแคบกว่าสิ่งที่รัฐบาลต้องการ คณะกรรมการกฤษฎีกาจึงมีความเห็นว่า นโยบายของรัฐบาลกว้างกว่า
ดังนั้น ถ้าจะเป็น Man -made destination ควรจะเขียนให้กว้างขึ้นเพื่อความครอบคลุม รวมถึงมีข้อสังเกตเรื่องเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ที่ในรายงานศึกษาของสภาผู้แทนฯ ที่มุ่งเน้นไปที่การแก้ไขปัญหาการพนัน แต่กฤษฎีกามองว่าการสร้างเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ไม่ได้แก้ไขปัญหาการพนันโดยตรง ถ้าอยากแก้ไขปัญหาการพนันโดยตรงต้องไปแก้ไขที่อื่น เช่น นิสัยของคน พฤติกรรมของคนที่ชอบเล่นการพนัน ซึ่งก็มีกฎหมายการพนันอยู่แล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในกรณีที่ขัดกับนโยบายของรัฐบาลจะถือว่าผิดกฎหมายหรือไม่ นายปกรณ์ กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ถือว่าขัด เพราะเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ อยู่ด้านใน เพียงแต่ว่าเล็กนิดเดียว แต่เป้าหมายของรัฐบาลที่จะทำ หากเป็น Man -made destination ที่จะเป็นการดึงดูดการท่องเที่ยว ก็อยู่ในนโยบายที่เห็นชัดเจน