หวั่นไม่ปลอดภัย! เจ้าหน้าที่ตำรวจคุ้มกันแน่น! คุม “จ่าเอ็ม” มือสังหาร “อดีต สส.ฝ่ายค้านกัมพูชา” ฝากขัง พร้อมค้านประกันตัว พร้อมเร่งสืบหา “ผู้มีพระคุณ” แย้มรู้แล้วเป็นใคร จ่อเรียกตัวมาสอบปากคำ ด้าน “ทวี” ระบุเตรียม “อสรจ.”คุมเข้มความปลอดภัย “จ่าเอ็ม” ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพ สั่ง “อธิบดี-ผู้บัญชาการผู้เรือนจำ” เช็คคู่อริ

ความคืบหน้ากรณี นายเอกลักษณ์ แพน้อย หรือ จ่าเอ็ม อายุ 41 ปี ผู้ต้องหายิงนายลิม กิมยา อายุ 73 ปี อดีต สส.ฝ่ายค้านของกัมพูชา เสียชีวิตบริเวณเกาะกลางถนน ตรงข้ามวัดบวรนิเวศ เมื่อวันที่ 7 ม.ค.ที่ผ่านมา ก่อนที่ หลบหนีเจ้าหน้าที่ตำรวจข้ามแดนไปยังประเทศกัมพูชาผ่านช่องทางธรรมขาติ แต่ไปไม่รอดถูกเจ้าหน้าที่กัมพูชาจับกุมตัวได้ขณะทานอาหารใน ต.ปเรยสวย อ.โมงรึไทร จ.พระตะบอง เมื่อวันที่ 8 ม.ค.ที่ผ่านมา

เมื่อวันที่ 13 มกราคม 2568 พนักงานสอบสวน สน.ชนะสงคราม ควบคุมตัวนายเอกลักษณ์ หรือ “จ่าเอ็ม กองเรือ” ผู้ต้องหาในคดีใช้อาวุธปืนยิงนายลิม กิมยา อดีต สส.กัมพูชา ไปขออำนาจศาลอาญารัชดา ฝากขังผัดแรก โดยนายเอ็ม สวมเสื้อยืดสีฟ้า สวมเสื้อเกราะกันกระสุนสีดำ หมวกกันกระสุนสีดำ สวมกางเกงขายาวสีดำ มีสีหน้าเรียบเฉยไม่ตอบคำถามใดๆ กับสื่อมวลชน สำหรับขบวนรถที่จะพาไปฝากขังต่อศาลฯ นั้น มีหน่วยอรินทราช 26 คอยดูแลเรื่องความปลอดภัยให้ตลอดทาง

ขณะเดียวกันเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา แม่พร้อมน้องสาวของจ่าเอ็มได้นำข้าวผัดหมู กระเพราหมู อย่างละ 1 กล่อง และน้ำเปล่า 1 ขวด มาเข้าเยี่ยมนายเอ็ม แต่ตำรวจสิบเวรหน้าห้องขังได้แจ้งกลับแม่ว่า นายเอ็มปฏิเสธที่จะให้เข้าพบและไม่ขอรับข้าวกล่องจากคุณแม่
พล.ต.ต.อัฏธพร วงศ์ศิริปรีดา ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 เปิดเผยว่า พนักงานสอบสวน สน.ชนะสงคราม ได้คัดค้านการประกันตัวผู้ต้องหาท้ายคำร้องฝากขัง เพราะเกรงว่าจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน ซึ่งต้องส่งตัวเข้าเรือนจำทันที ทั้งนี้ จากการสอบปากคำนายเอ็ม เพิ่มเติมเมื่อวานนี้ นายเอ็มยังไม่ให้การเป็นประโยชน์มากกว่าเดิม แต่ตำรวจก็ได้ใช้แนวทางการสืบสวนในการขยายผล โดยเฉพาะเรื่องผู้มีพระคุณ ซึ่งตอนนี้ทราบชัดเจนแล้วว่าเป็นบุคคลใด แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ แต่คาดว่าจะสามารถติดตามตัวมาได้อย่างแน่นอน ส่วนจะออกหมายเรียกหรือหมายจับเร็วๆ นี้หรือไม่นั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานให้ชัดเจน

ที่ทำเนียบรัฐบาล พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม กล่าวว่า ตอนนี้ทราบว่ายังไม่มีการนำตัวจ่าเอ็มเข้ามาที่เรือนจำ ซึ่งหากส่งมาจะมีการนำตัวไปคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ซึ่งผู้ต้องขังทุกคนเรามีการดูแลความปลอดภัย 

พ.ต.อ.ทวี  กล่าวว่า ส่วนกรณีของจ่าเอ็มนั้นทางเรือนจำต้องประเมินก่อน แต่สิ่งแรกที่อยากจะให้เห็นในเรื่องของการดูแลความปลอดภัยในเรือนจำ นอกจากมีพัศดีแล้วยังมีอาสาสมัครที่ดูแลเรือนจำ ซึ่งเรียกว่า(อสรจ.) ที่ได้รับการฝึกมาเป็นอย่างดี โดยจะดูเรื่องของความเจ็บป่วย ครอบคลุมไปถึงความปลอดภัยของผู้ต้องขังในเรือนจำ รวมถึงเรามีกล้องวงจรปิดตาม พ.ร.บ.การป้องกันและปราบปรามการกระทำให้สูญหายโดยจะมีการมอนิเตอร์ตลอด 24 ชั่วโมง อีกทั้งเรือนจำยังมีระบบการประเมิน เช่น ผู้ต้องหามีคู่อริหรือไม่ และผู้ราชทัณฑ์ที่เป็นสัญชาติเดียวกัน ซึ่งได้กำชับไปยังอธิบดีกรมราชทัณฑ์และผู้บัญชาการเรือนจำ 

เมื่อถามว่า คดีดังกล่าวเหมือนเป็นการจ้าง เรือนจำจะมีมาตรการในการป้องกันฆ่าปิดปากอย่างไร พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า อย่างที่บอกไปว่าเรามีมาตรการในการป้องกันรวมถึงมาตรการการข่าวในการดูแลผู้ต้องขัง ยืนยันว่าในเรื่องของการดูแลความปลอดภัยทางเรือนจำมีมาตรฐานเป็นสากล ส่วนความกังวลว่าจะมีการตัดตอน ซึ่งส่วนใหญ่เกิดขึ้นภายนอกเรือนจำนั้น ตนต้องขอขอบคุณข้อกังวลต่างๆ  ซึ่งหากเป็นเคสในลักษณะอย่างนี้ตำรวจจะต้องมีการดูแลเป็นพิเศษ