วันที่ 13 ม.ค.2568 เมื่อเวลา 09.10 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาคณะกรรมการกฤษฎีกา กล่าวถึงกระแสข่าวคณะกรรมการกฤษฎีกาทักท้วง ร่าง พ.ร.บ. การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร ว่า ไม่ได้ไม่เห็นด้วย แต่หลักในการทำกฎหมายของรัฐบาล จะต้องยึดนโยบายของรัฐบาลเป็นหลัก ซึ่งจะต้องไปดูคำแถลงนโยบายต่อรัฐสภา โดยจะไปดู Man -made destination หรือแหล่งท่องเที่ยวที่มนุษย์สร้างขึ้น จะมีตั้งแต่สวนสนุกอื่นๆ และเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ เข้าไปอยู่ในนั้น แต่กฎหมายที่กระทรวงการคลังร่างขึ้น ใช้ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการในสภาผู้แทนราษฎรเป็นหลัก ซึ่งพูดถึงเฉพาะเรื่องของเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ และการแก้ไขปัญหาการพนัน ฉะนั้น จึงแคบกว่าสิ่งที่รัฐบาลต้องการ คณะกรรมการกฤษฎีกาจึงมีความเห็นว่า นโยบายของรัฐบาลกว้างกว่า
ดังนั้น ถ้าจะเป็น Man -made destination ควรจะเขียนให้กว้างขึ้นเพื่อความครอบคลุม รวมถึงมีข้อสังเกตเรื่องเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ที่ในรายงานศึกษาของสภาผู้แทนฯ ที่มุ่งเน้นไปที่การแก้ไขปัญหาการพนัน แต่กฤษฎีกามองว่าการสร้างเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ไม่ได้แก้ไขปัญหาการพนันโดยตรง ถ้าอยากแก้ไขปัญหาการพนันโดยตรงต้องไปแก้ไขที่อื่น เช่น นิสัยของคน พฤติกรรมของคนที่ชอบเล่นการพนัน ซึ่งก็มีกฎหมายการพนันอยู่แล้ว
“จึงต้องเอาให้ชัดว่าร่างกฎหมายนี้ต้องการบรรลุวัตถุประสงค์อะไร ค่อยเสนอ ครม.ให้พิจารณา ว่าจะเน้น Man -made destination หรือจะเน้นเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ไม่อย่างนั้นก็ร่างไม่ถูก เพราะกระบวนการกลไกต่างกัน ถ้าเป็น เน้น Man -made destination จะเป็นเหมือนรีสอร์ทขนาดใหญ่ มีทั้งสนามกอล์ฟ สถานบันเทิง เหมือนที่เจอในต่างประเทศ มีที่พักสำหรับครอบครัว และมีกิจกรรมของแต่ละคน มีสวนสนุกและสวนน้ำสำหรับเด็ก สุภาพสตรี มีศูนย์การค้า ขณะที่ผู้ชายจะมีกีฬา ในส่วนของการพนันมีเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ถ้าต้องการเช่นนี้จริงๆ ต้องขยายขอบของกฎหมายให้ครอบคลุม จึงเสนอไปยัง ครม.ขอให้เอาให้ชัดก่อน และยืนยันว่าไม่ได้กระโดดขวาง เหมือนที่สื่อบางสำนักพาดหัวไว้” นายปกรณ์ ระบุ
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในกรณีที่ขัดกับนโยบายของรัฐบาลจะถือว่าผิดกฎหมายหรือไม่ นายปกรณ์ กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ถือว่าขัด เพราะเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ อยู่ด้านใน เพียงแต่ว่าเล็กนิดเดียว แต่เป้าหมายของรัฐบาลที่จะทำ หากเป็น Man -made destination ที่จะเป็นการดึงดูดการท่องเที่ยว ก็อยู่ในนโยบายที่เห็นชัดเจน
เมื่อถามว่า จำเป็นต้องทำความเข้าใจกับสังคมให้ดีก่อนหรือไม่ ไม่ใช่การหมกเม็ดเข้าที่ประชุม ครม. นายปกรณ์ กล่าวว่า ตนไม่ได้บอกว่าหมกเม็ด แค่บอกว่าร่างกฎหมายกับกลุ่มเป้าหมายยังไม่ชัด จึงอยากให้ถาม ครม.ว่าจะเอาอย่างไรแน่ แล้วมาคุยกับสังคมให้ชัด ซึ่งก็ทำได้เหมือนกัน ไม่มีปัญหาอะไร หากวันนี้มีการนำเสนอเข้าสู่ที่ประชุม ครม.ว่าจะบรรลุวัตถุประสงค์อะไร กฤษฎีกาก็จะไปร่างกฎหมายให้ตรงกับวัตถุประสงค์ตามนโยบายที่รัฐบาลต้องการ สามารถดำเนินนโยบายนี้ได้ไม่มีปัญหาอะไร เพราะเป็นเรื่องที่นายกรัฐมนตรีไปแถลงนโยบายต่อรัฐสภาไว้อยู่แล้ว จึงไม่มีประเด็นปัญหาเรื่องนโยบาย เพราะจริงๆ สภาฯรับรู้แล้ว ว่าจะมีเรื่องในวันนี้ ถ้าหลักการและเป้าหมายชัดเจนก็เดินหน้าได้ ไม่มีประเด็นอะไรเลย ไปพาดหัวกันเสียจนตนจะถูกย้ายออกจากเก้าอี้แล้ว