เมื่อวันที่ 12ม.ค.68 เวลา 23.00 น. พล.ต.ต.ชมชวิณ ปุระธนานนท์ รอง ผบช.ภ.7 พ.ต.อ.พงษกร อุปพงษ์ รอง ผบก.ภ.จว.นครปฐม พ.ต.อ.อิทธิพล พรเทวบัญชา ผกก.สืบสวน.ภ.จว.นครปฐม พ.ต.ท.สุเชาว์ เหมือนมิ่ง สว.กก.สืบสวน.ภจว.นครปฐม พ.ต.อ.ภูภณ ทัพเจริญ ผกก.สภ.เมืองนครปฐม พ.ต.ท.ฤทธิชัยปกรณ์ ดำรงค์อิทธิสกุล รอง ผกก. สส.สภ.เมืองนครปฐม พ.ต.ท.ฐิติวัฒน์ นิโกรธา สว.กก.6 บก ปพ. พ.ต.ต.ธนชาติ เกิดผล สว.กก.ปพ.บก.สส.ภ.7 พ.ต.ท.โอภาส วงษ์หงษ์ ผอ.บก.ปปส.ภ.7 พร้อมด้วยฝ่ายผกครอง นางสาวอโรชา นันทมนตรี ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม ดร.อภิชา ไชยพรชลิดา นายอำเภอเมืองนครปฐม นายสืบสกุล อุดมกิจ ปลัดอาวุโสอำเภอเมืองนครปฐม ได้ร่วมกันตรวจค้นยาเสพติด ยาไอซ์ น้ำหนัก 78.92 กิโลกรัม เหตุเกิดภายในบ้านหลังหนึ่ง หมู่ 6 ต.บางแขม อ.เมืองนครปฐม 

โดยสามารถควบคุมตัวได้ผู้ต้องหา 2 รายคือ นายชัยวัฒน์ หรือ เกมส์ อายุ 31 ปี อยู่หมู่ 2 ต.นครปฐม อ.เมืองนครปฐม และ นายสิทธิชัย หรือ เบส อายุ 25 ปี อยู่หมู่ 1 ต.ลาดหญ้า อ.เมืองกาญจนบุรี จากการตรวจค้นภายในห้องเก็บของใต้บันได พบยาไอซ์ซุกซ่อนอยู่ภายในถุงห่อชาเขียว แล้วบรรจุในถุงดำใส่กระเป่าเดินทางจำนวน 11 ห่อ น้ำหนักรวม 11.6 กิโลกรัม ยาไอซ์จำนวน 10 ห่อ บรรจุในถุงดำน้ำหนักรวม 10.19 กิโลกรัม ยาไอซ์จำนวน 16 ห่อ บรรจุในกระสอบปุ๋ยสีขาว นำหนักรวม 17.03 กิโลกรัม ยาไอซ์จำนวน 38 ห่อ บรรจุอยู่ภายในลังพลาสติกสีเทา 40.04 กิโลกรัมรวมทั้งสิ้นเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมยาไอซ์น้ำหนักจำนวน 78.98 กก โทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง อาวุธปืนพกสั้น รีวอลเวอร์ ขนาด 32 และเครื่องกระสุนปืนขนาด 32 จำนวน 6 นัดบรรจุในรังเพลิง

การจับกุมครั้งนี้ พ.ต.ท.ฐิติวัฒน์ นิโกรธา สว.กก.6 บก.ปพ ได้รับแจ้งจากสายลับว่านายชัยวัฒน์ หรือ เกมส์ พักอาศัยอยูู่ในบ้านหลังหนึ่ง  หมู่ 1 ต.นครปฐม อ.เมืองนครปฐม ได้ลำเลียงยาเสพติดจากเครือข่ายยาเสพติดทางภาคเหนือของไทย โดย พ.ต.ท.ฐิติวัฒน์ พร้อมสายลับได้ไปเฝ้าสังเกตการณ์ที่บ้านหลังดังกล่าวตั้งแต่ช่วงเวลาประมาณ 16.40 น. พบนายชัยวัฒน์ ยืนอยู่บริเวณหน้าบ้าน จึงได้เข้าไปแสดงตนเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ และได้สอบถามนายชัยวัฒน์ ถึงเรื่องยาเสพติด โดยนายชัยวัฒน์ ให้การรับสารภาพว่าตนเองได้ลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากทางภาคเหนือมาเก็บรักษาไว้ เพื่อรอคำสั่งจากเจ้าของยาให้ไปส่งให้กับลูกค้า ส่วนยาเสพติดทั้งหมดนั้นนำไปซุกซ่อน อยู่ที่บ้านใน หมู่ 6 ต.บางแขม อ.เมืองนครปฐม จากนั้นถึงได้ประสาน พ.ต.ท.สุเชาว์ เหมือนมิ่ง สว.กก.สืบสวน ภ.จว.นครปฐม พร้อมชุดจับกุมร่วมกันตรวจค้นบ้านเลขที่ดังกล่าว โดยนายชัยวัฒน์ ได้สมัครใจนำชุดจับกลุ่มเข้าตรวจสอบ แต่เมื่อไปถึงพบนายสิทธิชัย หรือ เบส ขับขี่รถ จยย. เข้ามาพอดี โดยได้แสดงตนเป็นผู้ครอบครองบ้านหลังดังกล่าว เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงบัตร ปปส.ให้กับนายสิทธิชัย ดู จากการตรวจค้นในบ้านผลปรากฏว่า พบยาไอซ์ทั้งหมดรวม 78.98 กิโลกรัม ซุกซ่อนอยู่ภายในห้องเก็บของใต้บันได และทำการตรวจยึดโทรศัพท์มือถือ รวมถึงอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืนของนายชัยวัฒน์ ด้วย 

นายชัยวัฒน์ ให้การว่า ยาไอซ์ อยู่ในความดูแลของตนเองและอาวุธปืนดังกล่าวก็เป็นของตนเองจริง สำหรับยาไอซ์จำนวนกว่า 78.98 กิโลกรัมนั้น ได้รับการติดต่อมาจาก นายกอล์ฟ (นามสมมุติ) ซึ่งติดต่อผ่านแอพพลิเคชั่น facebook เป็นเพื่อนวัยเรียน ให้เข้าไปรับยาไอซ์ครั้งแรกจำนวน 30 กิโลกรัม ที่ถนนเส้นพระราม 2 เมื่อประมาณเดือนกรกฎาคม 2567 นายชัยวัฒน์ นั้นนำยามาเก็บไว้ที่บ้านพัก หมู่ 1 ต. นครปฐม อ.เมืองนครปฐม จากนั้นนายชัยวัฒน์ ได้นำยาไอซ์ไปส่งตามคำสั่งของนายกอล์ฟ โดยจะได้รับเงินค่าจ้างจำนวน 40,000 บาท แต่เมื่อส่งยาสำเร็จปรากฏว่านายกอล์ฟโอนเงินมาให้เพียง 5,000 บาท 

ส่วนครั้งที่ 2 นายชัยวัฒน์ ได้ไปรับยาไอซ์ ตามคำสั่งของนายกอล์ฟเช่นเดิม ที่เส้นทางกำแพงแสน - พนมทวน จ.กาญจนบุรี จำนวน 100 กิโลกรัม เมื่อเดือนกรกฎาคม 2567 ต่อมาได้นำยาไอซ์ไปส่งให้กับลูกค้าของนายกอล์ฟอีก 20 กิโล ที่เส้นทางกำแพงแสน- พนมทวน ส่วนยาไอซ์ที่เหลือนายชัยวัฒน์ได้นำไปให้กับนายตั้มซึ่งเพื่อนของนายตั้ม นั้นได้แนะนำว่าให้ไปเช่าบ้านหลังเกิดเหตุ อยู่หมู่ 6 ต.บางแขม อ.เมืองนครปฐม เก็บไว้ จนกระทั่งถูกตามจับกุม  

ทั้งนี้นายชัยวัฒน์ ให้การรับสารภาพ ส่วนนายสิทธิชัย ผู้ต้องหาที่ 2 ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา เนื่องจากอ้างว่าเพิ่งมาเช่าบ้านอยู่เพียง 2 เดือนตั้งแต่พฤศจิกายน 2567 โดยทราบว่านายชัยวัฒน์ ได้นำสิ่งของมาเก็บไว้ที่ใต้บันได โดยไม่ทราบว่าเป็นสิ่งของใด หลังการจับกุมได้นำตัวผู้ต้องหาทั้งสองมาที่ กก.สส.ภ.จว. เพื่อตรวจสารเสพติดในปัสสาวะแต่ไม่พบ โดยเจ้าหน้าที่ตั้งข้อหานายชัยวัฒน์ ร่วมกันมียาไอซ์ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นการกระทำเพื่อการค้าและก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน และมีอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืนไว้ด้วยความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต

ส่วนนายสิทธิชัย เจ้าหน้าที่ตั้งข้อหาร่วมกันมียาไอซ์ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาตอันเป็นการกระทำเพื่อการค้าและก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจจะขยายผลยาเสพติดเพื่อโยงไปสู่การจับกุมของผู้ค้ารายใหญาต่อไป