แสงสปอตไลต์การเมืองไทยฉายจับไปตามวาทกรรมของ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่สวมหมวก “ผู้ช่วยหาเสียง” ใช้เวทีปราศรัยหาเสียงเลือกตั้งนายกอบจ. อาละวาดฟาดงวงฟาดงา ไปยังศัตรูคู่อาฆาตที่ทำสงครามน้ำลายสาดใส่รัฐบาลแพทองธาร

จนวิจารณ์กันขรมว่า ฤาเจ้าสำนักบ้านจันทร์ส่องหล้าจะธาตุไฟแตก!!

ด้วยอาจถูกแรงกดดันทางการเมืองจากรอบทิศ จนลมปราณแตกซ่าน จากคดีความต่างๆ  ไม่ว่าจะเป็นกรณีชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ และกรณีครอบงำพรรคการเมือง ที่อาจทำให้เป็นฉากอวสาน ของพรรคเพื่อไทย และ “นายกฯอิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร

แม้จะเชื่อกันว่า คดีชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจสุดท้าย ซึ่งคดีใน ป.ป.ช. อาจมี “คนตายแทน” ที่ความผิดไปไม่ถึง “ทักษิณ” ส่วนที่มีผู้ไปร้องศาลฎีกากรณีเดียวกัน เพื่อให้ “ทักษิณ”กลับไปถูกคุมขังอีกครั้งนั้น ในประเด็นนี้ก็ยังมีช่องรอดที่ผู้ร้องอาจไม่ใช่ผู้เสียหาย

 แต่คดียุบพรรคที่อยู่ในมือของ กกต. จู่ก็มีกระแสข่าวว่า ได้รับสัญญาณ “ไม่ปกติ” ที่อาจจะส่งผลออกมาเป็นลบ!! 

ด้วยหากพรรคเพื่อไทยถูกยุบพรรค ยังสามารถตั้งพรรคขึ้นมารองรับได้ แต่ “นายกฯอิ๊งค์” ที่สวมหัวโขนหัวหน้าพรรคเพื่อไทย จะถูกกวาดตกเวทีการเมือง โดนตัดสิทธิ 10 ปี เช่นเดียวกับกรรมการบริหารพรรครายอื่น

ฉากทัศน์ที่อาจจะเกิดขึ้นนั้น  จะนำมาซึ่งความเสียหายใหญ่หลวงต่อขั้วอำนาจพรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะอำนาจต่อรองในพรรคร่วมรัฐบาล ที่อาจพลิกผัน

ฉะนั้น ไม่เพียงกระแสข่าวการปรับครม. ที่จู่ๆก็ผุดขึ้นมาในช่วงวันหยุดยาวปีใหม่ที่ผ่านมาจากบรรดานักวิเคราะห์การเมือง ที่มองไปในทิศทางเดียวกัน แต่การเมืองไทยนับจากนี้ ยังต้องติดตามชนิดห้ามกะพริบตา เพราะอาจมีการเปลี่ยนแปลงใหญ่กว่านั้น

ด้วยหมากบังคับเดิน ที่ทำให้ “ทักษิณ”มีทางเลือกไม่มากนัก ต่อการ “ผ่าทางตัน” เพื่อรักษาเก้าอี้นายกรัฐมนตรีไว้กับพรรคเพื่อไทย อาจทำให้เขาตัดสินใจ เปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรี!!

นั่นทำให้มีการจับตา การปรากฏตัวของ ชัยเกษม นิติสิริ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ที่เป็นหนึ่งในแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย เมื่อวันที่ 2 มกราคม 2568 ที่ทำเนียบรัฐบาลร่วมทำบุญตักบาตรกับนายกรัฐมนตรี ในโอกาสขึ้นปีใหม่

ซึ่งมีบางช่วงบางตอนที่ ผู้สื่อข่าวถามกับ “ชัยเกษม”ว่า สุขภาพแข็งแรง พร้อมจะทำงานตลอดเวลา ใช่หรือไม่ ซึ่ง“ชัยเกษม”  ก็ตอบว่า

“ผมนี่พร้อมทำงานตลอดเวลาอยู่แล้ว สุขภาพผมก็ดีขึ้น ที่บอกว่าเดินป่วยเดินเป๋อะไรก็หายไปนมนานแล้ว”

นั่นเป็นสัญญาณที่คนในพรรคเพื่อไทย เชื่อว่า “ชัยเกษม”  จะเป็นไพ่อีกใบ ของ “ทักษิณ” ที่จะไม่ยอมให้เก้าอี้นายกฯเปลี่ยนมือไปอยู่กับพรรคการเมืองอื่น!!

โดยเลือกเข้ามา “ขัดตาทัพ” ในจังหวะที่ ผลการวินิจฉัยของ กกต.อาจส่อไปว่าเข้าข่ายถูกยับพรรค ก่อนที่จะส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญนั้น ก็อาจเป็นช่วงจังหวะที่ นายกฯอิ๊งค์ จะลงจากตำแหน่ง แล้วสลับให้ “ชัยเกษม”เข้ามารั้งเก้าอี้นายกฯไว้ ด้วยพรรคเพื่อไทยยังครองเสียงข้างมากในขั้วของพรรคร่วมรัฐบาล

แม้พรรคร่วมรัฐบาลเดิม ไม่ว่าจะเป็นพรรคภูมิใจไทย พรรครวมไทยสร้างชาติ และพรรคประชาธิปัตย์ จะเคยมีปฏิกิริยาต่อต้าน กรณีที่ “ชัยเกษม” เคยมีประเด็นโดนขุดว่าเคยหาเสียงประเด็นมาตรา 112 ยิ่งเป็นจุดวัดใจที่สำคัญ

ด้วยหากพรรคร่วมรัฐบาลทั้ง 3 พรรคยังคงยืนยันจุดเดิม อาจกลายเป็นช่องให้พรรคเพื่อไทยสลัดให้หลุดจากขั้วเก่า ไปจับมือกับพรรคประชาชนจัดตั้งรัฐบาลได้

เพราะถึงแม้ ลีลาการปราศรัยหาเสียงเลือกตั้งท้องถิ่นของ “ทักษิณ” ในพื้นที่ภาคเหนือและภาคอีสาน จะฟาดฟันกับพรรคประชาชนอย่างดุเดือด  แต่ก็เป็นเรื่องของการหาเสียง ที่สุดท้ายนักการเมืองก็สามารถที่จะคุยกันได้ ด้วยอย่าลืมว่าครั้งหนึ่ง ผู้นำจิตวิญญาณของพรรคประชาชนอย่าง ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เองก็ยังเคยดอดไปคุยกับ “ทักษิณ” ถึงฮ่องกงมาแล้ว

อีกด้านหนึ่ง ยังมีการตั้งข้อสังเกตว่า ในขณะที่ “ทักษิณ”ไปปราศรัยที่เชียงรายขึ้นเวทีใหญ่ 3 จุด แต่ “เท้ง” ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน กลับเดินสายหาเสียงที่เชียงใหม่อย่างเงียบเชียบ ชนิดที่ผู้สื่อข่าวประจำพรรคยังไม่ทราบกำหนดการ ทำให้มีการเชื่อมโยงท่าทีการอ่อนข้อเก็บคองอเข่าของ พรรคประชาชนต่อ “ทักษิณ”

ไม่เท่านั้น ในศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจที่พรรคประชาชนวางเป้าเอาไว้ น่าสนใจกับ “ธง”ของพรรคประชาชนที่แว่วว่าจะตั้งประเด็นเรื่องทุจริตกับรัฐมนตรี จากพรรคร่วมรัฐบาล ทั้งพรรคภูมิใจไทย และพรรครวมไทยสร้างชาติ  ในขณะที่ยังไว้ไมตรีกับ นายกฯอิ๊งค์ที่จะมีแต่เรื่องของนโยบายและการบริหารล้มเหลว

ทั้งหมดทั้งมวล จึงทำให้สูตรรัฐบาลเพื่อไทย+พรรคประชาชน ยังมีความเป็นไปได้ในชั่วโมงนี้ ด้วยพรรคประชาชนไม่มีแคนดิเดตนายกฯของพรรคเหลือแล้ว  ซึ่งหาก “ชัยเกษม”ขึ้นมากุมบังเหียนในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อนี้ ผ่านด่านศาลรัฐธรรมนูญไปได้ โดยถ้ามีคำสั่งไม่ยุบพรรคเพื่อไทยขึ้นมา  นายกฯอิ๊งค์ก็ยังมีโอกาสกลับมาดำรงตำแหน่งนายกฯได้อีกครั้ง

เว้นเสียแต่ว่า พรรคร่วมรัฐบาลจะยอมหวานอมขมกลืน เดินกอดคอร่วมทางกับพรรคเพื่อไทยต่อไปแม้จะมีนายกฯที่ชื่อ “ชัยเกษม”  ก็ถือว่าเป็นประเด็นที่ท้าทาย ซึ่งถ้าไพ่ออกมาหน้านี้ “ทักษิณ” ก็มีแต่กินรอบวง!!