DMT ปฏิบัติการลดคาร์บอน ปรับเปลี่ยน ปรับปรุงเพื่ออนาคตสิ่งแวดล้อมและโลกที่ยั่งยืน

เมื่อทั้งโลกกำลังเดินทางไปสู่การค้นหาวิธีการในการลดการผลิตคาร์บอน ไปจนถึงการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ DMT ประกาศ E-in Process เพื่ออนาคตที่สะอาดกว่า ตามไปดูว่าเขาจะทำได้อย่างไร

UN ได้กำหนดเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพื่อควบคุมอุณหภูมิโลกไม่ให้สูงขึ้นเกิน 1.5 องศาเซลเซียส ตามข้อตกลงปารีส (Paris Agreement) ซึ่งมีเป้าหมายร่วมกันในการควบคุมการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกไม่ให้สูงขึ้นเกิน 2 องศาเซลเซียส และพยายามตั้งเป้าหมายสูงสุดไว้ที่ไม่เกิน 1.5 องศาเซลเซียส จากการประชุม COP26 ที่เมืองกลาสโกว์ ประเทศสกอตแลนด์ มีผู้แทนจากกว่า 200 ประเทศทั่วโลกเข้าร่วมประชุมเพื่อประกาศเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของประเทศตัวเองต่อประชาคมโลก และหาข้อตกลงร่วมกันในการวางแผนลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เพื่อก่อให้เกิดการลงมือทำจริง ต่อเนื่องมาจนล่าสุด COP29 ที่เมืองบากู ประเทศอาเซอร์ไบจาน เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2567 ที่ผ่านมา สำหรับประเทศไทยได้ กำหนดการมีส่วนร่วม NDCมีเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจกปี ค.ศ. 2030 หรือ พ.ศ. 2573 ที่ 30-40 % จากกรณีปกติ ดำเนินการใน 5 สาขา ได้แก่ สาขาพลังงาน สาขาคมนาคมขนส่ง สาขากระบวนการทางอุตสาหกรรมและการใช้ผลิตภัณฑ์ (IPPU) สาขาของเสีย และสาขาเกษตร โดยประกาศเป้าหมายการเข้าสู่ Carbon Neutrality ภายในปี ค.ศ. 2050 และเป้าหมาย Net Zero Emissions ภายในปี ค.ศ. 2065

DMT ร่วมขับเคลื่อนการจัดการก๊าซเรือนกระจกในทุกมิติ สู่โลกที่ยั่งยืน

บริษัท ทางยกระดับดอนเมือง จำกัด (มหาชน) หรือ DMT ในฐานะบริษัทผู้ให้บริการความสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย ในการเดินทางเข้าออกระหว่างกรุงเทพฯ เขตปริมณฑล ภาคกลางตอนบน ภาคเหนือ และตะวันออกเฉียงเหนือ ได้เริ่มลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกภายในองค์กร E-in Process เป็นโครงการต่าง ๆ ที่มีเป้าหมายชัดเจน เรามาทำความรู้จักกระบวนการเหล่านี้ที่ทาง DMT ได้ปรับเปลี่ยนและปรับปรุง

ดร.ศักดิ์ดา พรรณไวย กรรมการผู้จัดการ DMT ขยายความให้เราฟังว่า E-in Process เป็นแนวทางในการทำงานที่ DMT ใช้ในการขับเคลื่อนการดำเนินงานภายใน โดยมี 3 แผนงานเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกหรืออย่างน้อยต้องไม่ปล่อยมากขึ้นทั้ง 3 ขอบเขต อย่างแรกโครงการ Tollway EV Way คือการปรับเปลี่ยนการใช้พลังงานกับยานพาหนะของบริษัท ด้วยรถยนต์ไฟฟ้าเข้ามาแทนที่ในการปฏิบัติงาน รวมถึงการสนับสนุน EV ecosystem โดยตั้งจุดให้บริการสถานีอัดประจุไฟฟ้าเพื่อชาร์จไฟให้กับรถของผู้ใช้บริการทางยกระดับอุตราภิมุข เพื่ออำนวยความสะดวกและช่วยเหลือฉุกเฉิน

ถัดมานั้นเป็นส่วนของพลังงานไฟฟ้าที่ใช้ในการดำเนินธุรกิจ เริ่มต้นด้วยการเพิ่ม การใช้ไฟฟ้าจากแหล่งพลังงานแสงอาทิตย์ เช่น Solar Rooftop ที่ติดตั้งทุกอาคารด่านเต็มพื้นที่หลังคา 100% และเพิ่มระยะเวลาการใช้ไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ในช่วงกลางคืนด้วยระบบกักเก็บไฟฟ้า Battery Energy Storage System (BESS) รวมถึงการใช้ Power Optimizer ติดตั้งบนไฟส่องสว่างบนสายทางเพื่อให้ใช้ไฟฟ้าได้อย่างประหยัดโดยยังคงความสว่างตามมาตรฐานวิศวกรรม นอกจากนี้ยังมีการปรับเปลี่ยนกระบวนการทำงานรวมไปถึงการปรับปรุงอาคารให้สามารถลดการใช้พลังงาน ที่ใส่ใจรายละเอียดไปถึงการใช้สีลดโลกร้อน จนได้รับรางวัล Green Office ระดับ ดีเยี่ยม (ทอง) และกำลังยื่นประเมินอาคารเขียวไทย ในปี 2568

งานวิจัยและพัฒนาเพื่อความยั่งยืน

องค์กรในประเทศไทยหลายแห่งเริ่มมองเห็นปัญหาต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับการมีงานวิจัยที่ไม่เพียงพอ DMT ก็เช่นเดียวกัน จึงได้กำหนดแนวนโยบายให้องค์กรนั้น ต้องทำการส่งเสริมในเรื่องของการวิจัยและพัฒนาเพื่อความยั่งยืน เพราะเรานั้นไม่สามารถรอผลงานวิจัยต่าง ๆ บนโลกได้ทุกตัว ทำให้ ณ ปัจจุบันได้ลงมือกับเรื่องนี้ไปแล้ว

หลายปีที่ผ่านมาบริษัทได้เริ่มลงทุนในการวิจัยและพัฒนา เพื่อสร้างนวัตกรรมที่ช่วยลดปริมาณคาร์บอน เช่น การรีไซเคิลขยะพลาสติกเป็นวัสดุซ่อมผิวจราจร การสร้างกำแพงกันเสียงพลังงานแสงอาทิตย์ และรถปฏิบัติงานที่ใช้พลังงานแสงอาทิตย์ อีกหนึ่งสิ่งที่มองเห็นได้ชัดเจนคือ DMT เป็นทางด่วนรายแรกที่ส่งเสริมการใช้ M-Pass / Easy Pass ด้วยการให้แต้มพิเศษสะสมไว้แลกสิทธิพิเศษต่าง ๆ ซึ่งช่วยลดการติดขัดและมลพิษหน้าด่านได้เป็นจำนวนมาก ผู้ใช้บริการสามารถลดระยะเวลาผ่านด่านจากหน่วยหลายนาทีเหลือเพียงไม่กี่วินาทีแถมไม่ต้องเตรียมเงินสดให้ยุ่งยากอีกเลย ซึ่งโดยหลักการแล้ว การใช้บริการทางยกระดับอุตราภิมุขเป็นการเพิ่มความรวดเร็วในการเดินทาง ลดการติดขัดจากการจราจรด้านล่างบนถนนวิภาวดีรังสิต มีส่วนช่วยในการลดก๊าชเรือนกระจกได้เป็นอย่างดี

DMT มุ่งมั่นในเรื่องของการลดคาร์บอนให้เป็นศูนย์อย่างจริงจัง

บริษัท ทางยกระดับดอนเมือง จำกัด (มหาชน) และพนักงาน มีความภาคภูมิใจ ที่ได้รับมอบประกาศนียบัตรการรับรองระบบมาตรฐาน ISO 14064-1:2018 ปีนี้เป็นปีแรก ซึ่งเป็นมาตรฐานสากลด้านการทวนสอบการวัดปริมาณและการรายงานผลการปล่อยและลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกในระดับองค์กร จากบริษัท บูโร เวอริทัส เซอทิฟิเคชั่น (ประเทศไทย) จำกัด

จุดนี้ถือเป็นเครื่องพิสูจน์ความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน ภายใต้กลยุทธ์ ESG In Process ยกระดับการบริหารจัดการด้านสิ่งแวดล้อม และให้ความสำคัญในด้านการมีส่วนร่วมในการแก้ไขภาวะโลกร้อนและการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ รวมถึงการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์กร


ทั้งนี้ DMT ได้จัดทำ “คาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กร” (Carbon Footprint of Organization : CFO) ให้สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนแห่งองค์การสหประชาชาติ (UN Sustainable Development Goals : SDGs) และเพื่อร่วมขับเคลื่อนนโยบายของประเทศไทย ในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสู่เป้าหมาย ความเป็นกลางทางคาร์บอน Carbon Neutrality ปี 2050 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ Net Zero ปี 2065 ตามเจตนารมณ์ ของประชาคมโลกที่ปรากฎในเป้าหมายของความตกลงปารีสว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เพราะบริษัทต้องการมีส่วนร่วมในการรับผิดชอบต่อสังคมทั้งในปัจจุบันและอนาคตนั่นเอง