ตร.ทำหนังขอ “กัมพูชา” ส่ง “จ่าเอ็ม” ดำเนินคดีในไทย คาดใช้เวลา 2 สัปดาห์ถึง 1 เดือน ด้าน “ผู้การจ๋อ” เชื่อมีผู้ร่วมขบวนการ พร้อมขอเวลาเจ้าหน้าที่สืบสวนหาข้อเท็จจริง ส่วน “ผกก.ชนะสงคราม” ระบุ ศาลฯออกหมายจับ “หนุ่มกัมพูชา” มือชี้เป้าสังหาร ขณะที่ “นายกฯ” ย้ำคุมเข้มมาตรการป้องก่ออาชญากรรมในไทย ลั่น ต้องยึดกฎหมายเป็นหลัก

ความคืบหน้าเหตุคนร้าย บุกเดี่ยวจ่อยิงนายลิม คิมยา (Mr.Lim Kimya) อายุ 73 ปี ชาวกัมพูชาสัญชาติฝรั่งเศส และเป็นอดีต สส.ฝ่ายค้านและนักเคลื่อนไหวทางการเมืองกัมพูชา เสียชีวิตบริเวณเกาะกลางถนนตรงข้ามวัดบวรนิเวศราชวรวิหาร กทม. ล่าสุด เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนนครบาล สืบสวนภาค 2 และกองปราบปราม ได้ติดตามจับกุมนายเอกลักษณ์ หรือ “จ่าเอ็ม” อดีต นย.ทหารเรือ ได้ในพื้นที่ จ.พระตะบอง ก่อนนำตัวไปสอบสวนที่กรุงพนมเปญ 

เมื่อวันที่ 9 ม.ค.68 พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล (ผบก.สส.บช.น.)กล่าวว่า ขณะนี้ “จ่าเอ็ม” อยู่ในขั้นตอนทางกฎหมายของทางการกัมพูชา เนื่องจาก “จ่าเอ็ม” เข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย จึงต้องดำเนินคดีที่กัมพูชาก่อน อย่างไรก็ตาม ทางรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และผู้บัญชาการตำรวจนครบาลได้ทำหนังสือทางการทูต เพื่อขอให้ส่งตัวคนร้ายมาดำเนินคดีต่อที่ไทยแล้ว โดยคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์ถึง 1 เดือน

“คดีนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจไทย เป็นคนไปประสานงานกับตำรวจกัมพูชา และร่วมกันติดตามตัว โดย จ่าเอ็ม ใช้เส้นทางจ.ชลบุรี และจันทบุรีเป็นทางผ่าน และมีวิธีหลอกตบตาเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก่อนจะเดินทางออกทางชายแดนจ.สระแก้ว เข้าไปยังกัมพูชา แต่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวได้ ขณะกำลังนั่งกินข้าวอยู่ที่อำเภอพระตะบอง แต่ไม่พบอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุ พบเพียงบัตรประจำตัวประชาชนและบัตรข้าราชการ”

พล.ต.ต.ธีรเดช กล่าวยืนยันว่า คดีนี้ เชื่อว่ายังมีผู้ร่วมขบวนการสัญชาติเดียวกันอีก โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องขอเวลาทำงานสักระยะ ซึ่งไม่สามารถเปิดเผยได้ เพราะเกรงว่าคนร้ายจะไหวตัวทัน


ด้าน พ.ต.อ.สนอง แสงมณี ผกก.สน.ชนะสงคราม กล่าวว่า นอกจากออกหมายจับ “จ่าเอ็ม” มือปืนแล้ว พ.ต.ท.ภัชชภณ สุประดิษฐ์ สว.(สอบสวน) สน.ชนะสงคราม ได้นำพยานหลักฐานเสนอศาลอาญารัชดา ศาลอนุมัติออกหมายจับ นายคิมริน พิช ชาวกัมพูชา​ ที่ 104/2568 ลงวันที่ 8 ม.ค.68 ในข้อหา ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน โดย นายคิมริน พิช เป็นคนชี้เป้าให้จ่าเอ็ม

ส่วนน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ก่อนลงพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ถึงการเฝ้าระวัง การใช้ประเทศไทยเข้ามาก่อปัญหาอาชญากรรม หลังมีการลอบสังหาร อดีต ส.ส.ฝ่ายค้านกัมพูชา ในประเทศไทย รวมถึงการหลอกนักแสดงชาวจีนไปประเทศเพื่อนบ้าน ว่า เรื่องนี้ให้ความสำคัญมากอยู่แล้ว และต้องดูในเรื่องของกฎหมายด้วย ต้องให้มาดำเนินการอย่างจริงจัง รวมถึงต้องทบทวนมาตรการอื่นๆ ด้วย