สุรินทร์เฮง รับต้นปี รับทั้งเหรียญรับทั้งเลขเด็ด ระดมสุดยอดเกจิ ปลุกเสกวัตถุมงคล รุ่นเฮงมั่งมี เข้มขลังค์ ชาวบ้านได้เหรียญฟรี 3,000 องค์ รับปีใหม่สุดแปลกธูปตัวเลขมีแค่ 2 ตัว คอหวยแห่ส่องนำไปเสี่ยงโชค
วันนี้ 9 ม.ค.68 ที่วัดพัฒนาธรรมาราม หรือวัดบ้านด่านช่องจอม ต.ด่าน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ ช่วงเช้าได้มีพิธีพราหมณ์บวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ก่อนที่ในช่วงบ่ายจะประกอบพิธีมหาพุทธาภิเษกเหรียญ รุ่น “เฮง มั่ง มี”หลวงปู่เฮง ปภาโส เทพเจ้าแห่งโชคลาภ อายุวัฒนมงคล ๙๘ ปี โดยมีหลวงปู่เอง ปภาโส เจ้าอาวาสวัดบ้านด่านช่องจอม เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ นั่งปรกอธิษฐานจิตปลุกเสกวัตถุมงคลรุ่นดังกล่าวร่วมกับเกจิคณาจารย์อีก 8 รูป และมี พล.ต.ต.สุคนธ์ ศรีอรุณ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุรินทร์ เป็นประธานฝ่ายฆราวาส ร่วมกับ พ.ต.อ.คำพล โนนุช ผกก.สภ.กาบเชิง
โดยมี”โก๋ สุรินทร์ (ชัดเจน)” เป็นผู้จัดสร้าง วัตถุประสงค์เพื่อถวายปัจจัยร่วมบูรณะอุโบสถ วัดพัฒนาธรรมารามหลังเก่า ที่ชำรุดทรุดโทรมและมอบทุนการศึกษา อาหารและอุปกรณ์การเรียน รวม 700,000 บาท และเพื่อให้ประชาชนพุทธศาสนิกชนที่เลื่อมใสศรัทธาได้เช่าบูชา มีเนื้อเหรียญให้เลือกหลายชนิด หากประชาชนสนใจร่วมเช่าวัตถุมงคล เพื่อร่วมกันทำบุญ สามารถติดต่อได้ แถมวัตถุมงคลรุ่นดังกล่าว ยังเป็นรุ่นเบิกฤกษ์แห่งปี พ.ศ.2568 อีกด้วย
คคทั้งนี้หลังเสร็จสิ้นพิธีพราหมณ์ในช่วงเช้า พบว่าคอหวยนักเสี่ยงโชคต่างไม่พลาดที่จะพากันแห่ส่องเลขเด็ดธูปในพิธี ซึ่งพบว่ามีเลขแค่สองตัวเลข คือ 67 โดยคอหวยแต่ละคนต่างนำโทรศัพท์มาถ่ายภาพเก็บไว้เพื่อส่งต่อให้ญาติพี่น้องดู และตัวเลขที่นักเสี่ยงโชคจะนำไปเสี่ยงโชคคือ 67,76,97,79 ก่อนที่จะนำเลขเด็ดดังกล่าว ไปเสี่ยงโชคในงวดที่จะถึงนี้กันตามระเบียบเช่นเคย ขณะที่ในช่วงบ่ายหลังเสร็จสิ้นพิธีมหาพุทธาภิเษก ก็ได้มีการแจกวัตถุมงคลให้กับประชาชนทั้งชาวไทยและกัมพูชาที่มาร่วมในพิธีอีกกว่า 3,000 องค์ อีกด้วย
สำหรับหลวงปู่เฮง ปภาโส เจ้าอาวาสวัดพัฒนาธรรมารามหรือวัดบ้านด่านช่องจอม สิริอายุ 98 ปี ซึ่งเป็นผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็น เทพเจ้าแห่งโชคลาภของแดนดินถิ่นอีสานใต้ วัดตั้งอยู่ที่ บ้านด่านช่องจอม ต.ด่าน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ หลวงปู่เฮงฯเกิดเมื่อ เดือนสิงหาคม 2470 ปีเถาะ พ่อแม่เป็นชาวกัมพูชา แต่ได้อพยพมาอยู่ประเทศไทยในสมัยที่ฝรั่งเศสปกครอง โดยย้ายมาอยู่หมู่บ้านปราสาท ต.ตาอ็อง อ.เมือง จ.สุรินทร์ ประกอบอาชีพทำนาทำสวน มีพี่น้องด้วยกัน 13 คน เป็นบุตรคนที่ 7 ที่หมู่บ้านปราสาท ในวัยเด็กอายุประมาณ 13-14 ปี พระอาจารย์เฉิด ธัมมกโร ลูกพี่ลูกน้องของหลวงปู่เฮง เดินทางธุดงค์มาจากประเทศกัมพูชา เข้ามาเยี่ยมญาติ พี่น้องที่ประเทศไทย บอกจะเดินธุดงค์ไปเรื่อยๆ ก่อนที่จะไปได้ขอกับแม่ของท่าน โดยขอให้น้องไปด้วย และจะได้สอนให้ได้หัดเรียนเขียนอ่านหนังสือทำให้ได้ศึกษาอักษรขอมศาสตร์วิชาแขนงต่างๆ ตั้งแต่บัดนั้น ศึกษากับพระอาจารย์เฉิด พระพี่ชายและออกธุดงค์ไปด้วยเสมอ
จนอายุ 15 ปี ได้กลับมาบ้านและบวชเรียนเป็นเณร เรียนภาษาไทย ขอม และภาษาบาลี เพิ่มเติม สอบได้นักธรรมโท ครั้นอายุ 21 ปี ไปเป็นทหารที่กรมทหารม้า จ.ลพบุรี เลี้ยงม้าขี่ม้าอยู่ 3 ปี หลังปลดประจำการก็ท่องเที่ยวไปเรื่อย ช่วงชีวิตหนึ่งของท่านท่องเที่ยวไปทั่ว และไปอยู่ประเทศกัมพูชา
จนกระทั่ง พ.ศ.2495 ได้ย้ายไปอยู่ จ.จันทบุรี มีโอกาสพบกับหลวงพ่อคง วัดวังสรรพรส จึงตัดสินใจบวช หลวงพ่อคงได้ถ่ายทอดวิทยาคม อักขระเลขยันต์ ภาษาขอม เขียนผงลบผง สักยันต์ และคาถาต่างๆ มากมาย โดยเฉพาะคาถาคงกระพันชาตรี ย่นระยะทาง มุ่งศึกษาจนมีความชำนาญ กระทั่งหลวงพ่อคงไว้ใจให้เขียนยันต์ อักขระแทน และเข้าร่วมปลุกเสกด้วย พ.ศ.2532 หลวงพ่อคงมรณภาพ จึงได้รับการแต่งตั้งเป็น เจ้าอาวาสวัดวังสรรพรสแทน แต่อยู่ได้เพียง 6 พรรษา ก็ขอลาออกและธุดงค์ไปเรื่อยๆจนกระทั่งกลับมาบ้านเกิดอยู่จำพรรษาที่วัดบ้านด่านช่องจอม อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ จนถึงปัจจุบัน เป็นพระเกจิอาจารย์ที่ชาวอีสานใต้และชาวกัมพูชาแถบชายแดน ให้ความเลื่อมใสศรัทธา ด้วยเป็นพระที่เปี่ยมด้วยเมตตาธรรมยามได้รับกิจนิมนต์ไปงานบุญต่างๆ ไม่เคยปฏิเสธ
แม้ว่าอายุจะย่างเข้าสู่วัยชราและมีปัญหาด้านสุขภาพตามวัย อีกทั้งเมื่อท่านรับกิจนิมนต์แล้วท่านจะต้องเดินทางไปถึงสถานที่งานก่อนเป็นประจำ ส่วนกิจนิมนต์ในพิธีพุทธาภิเษกวัตถุมงคลตามวัดต่างๆ ท่านต้อง เดินทางเข้าร่วมพิธีเสมอ แม้จะไกลหรือจะเหน็ดเหนื่อยเพียงใด ก็มีความสุขที่ได้ปฏิบัติเช่นนั้น ศิษย์ผู้คอยดูแลปรนนิบัติก็ไม่สามารถ ทัดทานได้ ด้านวัตถุมงคลที่อธิษฐานจิตปลุกเสกนั้น ล้วนแล้วแต่มีประสบการณ์เล่าขาน ทำให้บรรดานักสะสมนิยมพระเครื่องวัตถุมงคลต่างเสาะแสวงหามาบูชาครอบครองติดตัวเกียรติคุณบารมี รวมทั้งพุทธาคมและพลังจิตของท่าน ทำให้ได้รับการยกย่องว่าเป็นพระเกจิอาจารย์ชื่อดังของจังหวัดสุรินทร์และแดนดินถิ่นใต้อีกด้วย