กรณีที่เมื่องานนี้ (8 ม.ค.68) อัยการฝ่ายคดีพิเศษสั่งฟ้องบอสดิไอคอน ทั้ง “บอสพอล วรัตน์พล” และ “บอสกันต์ กันตถาวร” กับพวก 17 ราย 5 ข้อหาหนัก และสั่งไม่ฟ้อง “บอสมิน พีชญา วัฒนามนตรี” และ “บอสแซม ยุรนันท์ ภมรมนตรี” ทุกข้อหา พร้อมปล่อยตัวสองบอสดาราจากเรือนจำทันที
รายการโหนกระแส วันที่ 9 ม.ค. 68 ดำเนินรายการโดย “หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย” ผลิตในนามบริษัท ดีคืนดีวัน จำกัด ออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 12.35 น. ทางช่อง 3 กดหมายเลข 33 เกาะติดเหตุการณ์ดังกล่าว โดยสัมภาษณ์ ลูกตาล อดีตแม่ทีม , อ.วีรพัฒน์ ปริยวงศ์ นักวิชาการกฎหมายอิสระ ,ร.ต.อ.สุรวุฒิ รังไสย์ ผอ.กองคดีความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ และ ณัชภัทร ขาวแก้ว ผอ.ฝ่ายรับเรื่องราวร้องทุกข์และติดตามสอดส่องการประกอบธุรกิจ สคบ.
ผิดความคาดหมายมั้ย มองยังไง?
อ.วีรพัฒน์ : ถ้าย้อนไปดูในรายการที่ผมอธิบายให้พี่หนุ่มและท่านผู้ชมฟัง กฎหมายมีหลายตัว วันนี้คดีที่คุณแซมและคุณมินถูกปล่อยตัวออกมา เป็นคดีอาญา ขณะเดียวกัน ยังมีการดำเนินการกฎหมายอื่นๆ ที่อาจดำเนินการเกี่ยวข้องกับคุณแซม คุณมินได้ เช่น เรื่องการฟอกเงิน หรือคดีแพ่ง ฉะนั้นถ้ากลับไปดูหลักกฎหมาย การเอาใครเข้าคุก มาตรฐานพิสูจน์ต้องสูง อัยการต้องมั่นใจว่าถ้าคดีไปสู่ศาลแล้ว ไม่ใช่ว่าหลักฐานอ่อนเดี๋ยวศาลยกฟ้อง แต่ขณะนี้อัยการยังไม่ฟ้อง หมายความว่าวันดีคืนดีไปเจอหลักฐานเพิ่ม ที่วันนี้อัยการบอกว่าหลักฐานไม่พอ แต่ในอนาคตไปค้นเอกสารไปค้นแชตเจอหลักฐานเพิ่มเติม เช่นสมมติว่าคุณแซม คุณมิน มีส่วนเกี่ยวข้องมากกว่าที่อัยการทราบตอนนี้ ถามว่ายังมีโอกาสดำเนินคดีอาญาได้มั้ย ก็ยังทำได้ แต่เราต้องให้ความเป็นธรรม ในเมื่อตอนนี้อัยการท่านมองว่าหลักฐานยังไม่เพียงพอ เราก็ไม่ควรเอาคนไปแช่ไว้ในคุก อีก 16 ท่านก็ยังบริสุทธิ์อยู่นะ เราต้องยึดหลักสำคัญก่อนว่าคนเรายังไม่ถูกศาลพิพากษา ก็ถือว่ายังบริสุทธิ์อยู่ เพียงแต่อยู่ในดุลยพินิจของศาลว่าท่านจะปล่อยหรือไม่ปล่อย ฉะนั้นตอนนี้ต้องให้ดีเอสไอ ทำตามขั้นตอนว่าจะมีความเห็นแย้งไปทางอัยการหรือไม่ ถ้าดีเอสไอบอกว่าหลักฐานเพียงพอชัดเจน ทำไมไม่ฟ้อง อัยการก็ต้องมีคณะทำงานขึ้นมาดู กลั้นกรองอีกรอบ นี่คือคดีอาญา แต่จะไม่เหมือนกันนะถ้าเป็นกระบวนการเรื่องการฟอกเงิน ไปติดตามอายัดทรัพย์สิน หรือถ้ากว้างที่สุดเลย คือฟ้องเรียกค่าเสียหายทางแพ่ง ผมเชื่อว่าผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในทางแพ่ง อาจจะกว้างกว่า การมีส่วนเกี่ยวข้องในทางอาญา ผู้เสียหายยังไม่ต้องถึงขั้นสรุปว่าทุกอย่างจบแล้ว ยังไม่ใช่ ยังมีกระบวนการตามกฎหมายหลายๆ อย่าง เช่นการฟ้องคดีแพ่งแบบกลุ่ม เหมือนที่เคยพูดไว้
ยกตัวอย่างคุณแซมกับคุณมิน พอออกมาปุ๊บ ผู้เสียหายยังมีโอกาสฟ้องได้อีก?
อ.วีรพัฒน์ : ถูกต้องครับ แม้แต่ฟ้องคดีอาญา ถามว่าผู้เสียหายบอกว่าอัยการไม่ฟ้อง ฉันฟ้องเองได้มั้ย ในตามหลักทฤษฎีก็ฟ้องได้ เพียงแต่ว่าอาจจะยากแล้ว เพราะอัยการท่านรวบรวมพยานหลักฐานมาจากตร. พอหลักฐานไม่พอ แล้วประชาชนจะเอาหลักฐานมาจากที่ไหน ซึ่งมันเหนือชั้นกว่าที่ดีเอสไอหรืออัยการทำมา แต่ถ้าสมมติดีเอสไอมีความเห็นแย้ง แล้วอัยการกลับไปดูเพิ่ม ปรากฏเจอหลักฐานเพิ่มภายหลัง จะมีประตูที่เปิดช่องได้มั้ย ก็พอมีอยู่ แต่สิ่งที่จะกว้างกว่าคดีอาญาคือฟอกเงิน เพราะการติดตามยึดอายัดทรัพย์สิน เราไม่จำเป็นต้องบอกว่าคุณแซม คุณมิน ทำผิดกฎหมายอาญา ไม่จำเป็น การดำเนินการในทางกฎหมายปปง. ถ้าเขาบอกว่าคุณบอส หรือคนอื่นทำผิดกฎหมาย ได้เงินมาจากประชาชน แล้วส่งเงินนั้นต่อให้คุณแซม คุณมินในทางที่ถูกมองว่าเกี่ยวเนื่องสัมพันธ์กัน ก็อาจมีช่องทางไปเอาเงินมาจากคุณแซม คุณมิน ก็เป็นไปได้ ต้องให้ปปง.เขาทำงาน หรือกว้างที่สุดเลยคือไปฟ้องคดีทางแพ่ง เพื่อพิสูจน์ว่าสิ่งทั้งหมดที่เกิดขึ้นคุณอาจไม่ผิดถึงขั้นเข้าคุก แต่อย่างน้อยคุณต้องรับผิดชอบในทางแพ่ง คือเอาเงินมาคืนผู้เสียหาย ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผมกำลังช่วยเหลือผู้เสียหายว่าเราจะแสวงหาแนวทางยังไงเพื่อคืนความเป็นธรรมให้ผู้เสียหาย ผู้เสียหายหลายท่านคุยกับผมว่าเขาไม่ได้ถึงขั้นเคียดแค้นใจว่าจะเอาบุคคลเหล่านี้ไปเข้าคุก แต่เขาขอความเป็นธรรม ให้เงินที่เขาเสียหายไป เขารู้สึกว่าถูกหลอกไป ให้เงินเขาคืนมาได้มั้ย เพราะตอนนี้เขากำลังลำบากอยู่
ณ วันนี้สิ่งที่เกิดขึ้น เป็นไปตามนโยบายดีเอสไอทุกอย่างแล้ว วันนี้สองคนที่หลุดออกมา อัยการบอกว่าต้องไปถามดีเอสไอจะเอายังไงกันต่อไป จะส่งอัยการสูงสุดมั้ยหรือจะจบไปเลย มองยังไง?
ร.ต.อ.สุรวุฒิ : เป็นกระบวนการตามกฎหมายปกติ กฎหมายบ้านเราตัวอัยการมีความเห็นสั่งฟ้อง-สั่งไม่ฟ้องได้เป็นปกติ ท่านอาจเห็นว่าพยานหลักฐานในชั้นนี้อาจพิสูจน์ไม่ได้ว่าเขาร่วมกัน เขาจึงมีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง เสร็จแล้วกระบวนการตามกฎหมายจะมีการตรวจสอบ ประเทศเราถ้าถูกสั่งไม่ฟ้องเมื่อไหร่ก็จะต้องถูกตรวจสอบจากหน่วยงานนั้น ถ้าตร.เป็นคนทำคดี อัยการสั่งไม่ฟ้อง ตร.ก็ต้องเป็นคนตรวจสอบคำสั่งของพนักงานอัยการ กรณีนี้เป็นดีเอสไอทำการสอบสวน ฉะนั้นอัยการต้องส่งสำนวนมาที่อธิบดีกรมสอบสวนพิเศษเพื่อพิจารณา ว่าการที่อัยการสั่งไม่ฟ้องข้อเท็จจริงเป็นยังไงบ้าง กฎหมายเป็นยังไง ทางเราคืออธิบดีกรมสอบสวนพิเศษ เห็นพ้องมั้ย ถ้าคำสั่งพนักงานอัยการดีแล้วชอบแล้วก็ว่ากันไป แต่ถ้าเรายืนยันว่าพยานหลักฐานต้องมีการถ่วงดุลกัน ก็อาจนำเสนอให้อัยการสูงสุดพิจารณาชี้ขาดอีกรอบนึง เป็นความเห็นแย้งตามกฎหมาย ทางปฏิบัติแล้ว ถ้าเป็นคดีใหญ่ๆ แบบนี้ อธิบดีจะตั้งคณะทำงาน ซึ่งไม่ใช่พนักงานสอบสวนที่เคยทำอยู่แล้ว เห็นสำนวนอยู่แล้ว เขาจะไม่ให้ทำ จะใช้นักกฎหมายหรืออาจใช้กองบริหารคดีตั้งคณะย่อย เพื่อพิจารณาว่าเหตุผลท่านอัยการมีอะไรบ้าง ไม่ร่วมกันเพราะอะไร ไม่เห็นชอบด้วย ก็พิจารณาตามขั้นตอน
ดีเอสไอมีการสอบเพิ่มอีกมั้ย?
ร.ต.อ.สุรวุฒิ : มีการสอบเพิ่มตามที่ท่านพนักงานอัยการให้ดำเนินการสอบเพิ่มเติมหลายประเด็นอยู่เหมือนกัน
หลายคนสงสัย คุณแซม หรือคุณมิน วันนี้ศาลบอกหลักฐานไปไม่ถึง ดูไม่เพียงพอก็ยก เข้าใจได้ แต่มุมกลับกัน กันต์ กันตถาวร มันต่างกรรมต่างวาระกันเหรอกับแซม-มิน?
ร.ต.อ.สุรวุฒิ : เรื่องนี้พูดได้นิดนึง เบื้องต้นเรื่องสำนวนการสอบสวน เราดำเนินคดีในลักษณะการร่วมกัน มีการแบ่งหน้าที่กันทำอยู่ 3 ส่วน ส่วนแรกคือฝ่ายบริหาร ทำหน้าที่บริหาร คือคุณบอส อะไรก็แล้วแต่ สองคือพวกแม่ทีม ที่เข้าไปชักชวนคนนั้นคนนี้ อาจมีล็อตนี้และล็อตต่อไป อันที่ 3 คือพรีเซ็นเตอร์ ในองค์ประกอบกฎหมายเรื่องร่วมกันมี 3 อย่าง หนึ่งตั้งแต่สองคนขึ้นไป สองต้องร่วมกันกระทำความผิด สามต้องรู้เห็นเป็นใจกันมาตั้งแต่ต้น มีการพูดคุยกันในที่ประชุม คือหนึ่งมีประเด็นว่าคุณกันต์อาจเข้ามาตั้งแต่ปี 64 ตั้งแต่เริ่มต้นเลย แต่คุณมินเข้ามามี.ค. 66 คุณแซมเข้ามาทำสัญญาต.ค.66 เรียกว่าหลังจากมีการกระทำเกิดขึ้นแล้ว แต่ทีนี้มีการพูดคุยกันในที่ประชุมก่อนมีความเห็นฟ้องไม่ฟ้องด้วย ถามว่าบอสทั้งสองท่านรู้มั้ย บอสกันต์ไม่ได้มีประเด็น เพราะเริ่มต้น แต่สองบอสมีประเด็นเพราะเข้ามาปี 66 ก็ถามว่าเขารู้มั้ย ดีเอสไอมองเรื่องนี้ตั้งแต่แรก เขารู้มั้ย รู้หรือเปล่าว่าบอสพอล มีการกระทำความผิดมาตั้งแต่ต้น ซึ่งเห็นตรงกันว่า สองท่านเข้ามา 66 แล้วก็จริง แต่หลังจาก 66 ก็ยังมีผู้เสียหายถูกหลอก ถูกชักชวนเป็นระยะๆ ต่อๆ มา เราก็พิจารณาว่าน่าพรีเซ็นเตอร์ก็น่าจะเป็นส่วนหนึ่งในการกระทำความผิด เพราะมีการแบ่งหน้าที่กันทำ ท่านอัยการอาจมองว่าตัวองค์ประกอบสามส่วนนี้อาจยังไม่ครบ เขาอาจไม่รู้เพราะเข้ามาทีหลัง ก็เป็นไปได้
ดีเอสไอไม่แปลกใจ ถ้าสองท่านถูกยก?
ร.ต.อ.สุรวุฒิ : ไม่ใช่ไม่แปลกใจ มันมีความเห็นต่างกันได้ มีการพูดคุย ผมเข้าใจว่าเขาเองก็มีการพูดคุยกันในประเด็นนี้เหมือนกัน เพราะมันเป็นประเด็นจริงๆ มันเป็นข้อเท็จจริงที่ปรากฎในสำนวนเราเปลี่ยนแปลงไม่ได้ แต่เราจะพิจารณาว่าในข้อเท็จจริงของเขา มันเป็นความผิดตามกฎหมายมั้ย นี่แหละที่เราคุยกัน
กรอบระยะเวลาหลังจากวินาทีนี้เป็นต้นไป หลังแซม-มินถูกปล่อยตัวออกมาแล้ว ดีเอสไอจะมีกรอบระยะเวลาแค่ไหน ว่าจะตัดสินใจ ประชุมต่างๆ นานา ว่าจะกลับไปที่อัยการสูงสุด หรือจบเรื่องนี้ไปเลย?
ร.ต.อ.สุรวุฒิ : ตามกระบวนงานของเรา กรอบระยะเวลาเรื่องดำเนินคดี ต้องทำให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน ถ้าไม่เสร็จก็ขอท่านอธิบายขยายเป็นระยะเวลาไป ก็มีกรอบเบื้องต้นเลยคือ 30 วัน แต่คิดว่าน่าจะไม่ครบ เพราะเรื่องนี้เป็นข้อเท็จจริงเท่าที่ฟังแถลง คือมีประเด็นนี้ประเด็นเดียว
น่าจะจบ?
ร.ต.อ.สุรวุฒิ : หมายถึงว่าเราน่าจะพิจารณาให้เสร็จภายใน 30 วัน แล้วนำเสนอว่าเป็นอย่างไรต่อท่านอธิบดี
อ.วีรพัฒน์ : ถ้าให้มองไปในเนื้อลึกกฎหมาย มีการถกเถียงทางทฤษฎีนิติศาสตร์เหมือนกันว่าการที่คุณจะมาร่วมกระทำความผิด คุณมาร่วมตรงกลางได้มั้ย สมมติคุณทำแล้วคุณอาจสงสัยว่าเขาอาจไปโกงชาวบ้าน ฉันเข้ามาทีหลังเป็นแค่พรีเซ็นเตอร์ให้ ตรงนี้ต้องอาศัยการตีความพยานหลักฐาน ซึ่งผมเองก็ไม่สามารถก้าวล่วงดุลยพินิจท่านอัยการได้ สิ่งหนึ่งที่จะช่วยดีเอสไอได้ คือดูวิสัยและพฤติการณ์การเข้าไป สมมติยกตัวอย่าง คุณมิน - คุณแซม ปกติเป็นพรีเซ็นเตอร์ทั่วไป เขาก็ได้ค่าตอบแทนเท่านี้ ส่วนดีลนี้ไปขึ้นเวทีคิดค่าตัวไม่ได้ต่างจากที่รับมา คิดว่าสินค้าที่รับมาก็ไม่ได้ต่างจากเจ้าอื่นๆ ที่ขาย อันนี้อาจตอบได้ว่าเขาก็เข้ามาโดยสุจริตใจจริงๆ แต่ถ้าเขามีมากกว่านั้น มีข้อตกลงพิเศษมากกว่านั้น ที่ทำให้เห็นว่า ยิ่งสมาชิกเยอะขึ้น ค่าตอบแทนยิ่งสูงขึ้น ประเด็นนี้อยากฝากเรียนผ่านดีเอสไอให้ท่านอธิบดีลองเสนอท่านอัยการดูว่ามันเป็นไปได้หรือเปล่า ตอนที่เข้ามาเซ็นสัญญาเนื้อหาสาระและการจ่ายจริงๆ ที่เกิดขึ้น อาจมีมากกว่าการเป็นพรีเซ็นเตอร์ธรรมดา
ร.ต.อ.สุรวุฒิ : แบบที่ท่านพูดเลยครับ เรานำเสนอแบบนี้ตลอดครับ ก็เป็นระบบการตรวจสอบซึ่งกันและกัน
อ.วีรพัฒน์ : ตอนนี้เราอยู่กระบวนการขั้นต้นมากๆ ดีเอสไอ อัยการ แต่สุดท้ายท่านอย่าลืมว่า 16 ท่านที่ฟ้องไป ศาลอาจยกฟ้องทั้งหมดเลยก็ได้ เพราะว่ายังมีอีกชั้นนึงนะ ชั้นต้น ชั้นอุทธรณ์ ชั้นฎีกา กระบวนการทางคดีอาญากฎหมายให้ความเป็นธรรมกับผู้ถูกกล่าวหาว่ามีโอกาสหลุดได้หลายชั้น อาจหลุดตั้งแต่ตอนตร. ดีเอสไอ หรืออาจจะหลุดตอนอัยการ หรือฟ้องไปแล้ว เราเห็นหลายคดีดังๆ แช่อยู่ในคุกตั้งนาน สุดท้ายศาลตัดสินว่าไม่ผิด
ถูกสั่งฟ้องคือจะถูกส่งฟ้องต่อศาลทันที ถูกควบคุมต่อในเรือนจำ ไม่สามารถยื่นขอประกันตัวได้ในช่วงนี้?
อ.วีรพัฒน์ : เช้านี้มีการเบิกตัวไปที่ศาลเพื่อให้การว่าจะปฏิเสธหรือยอมรับ ซึ่งปกติในชั้นนี้เขาก็ปฏิเสธกัน จากนี้ไปทนายความเขาจะทำเรื่องประกันตัวหรือไม่อย่างไรก็เป็นสิทธิ์ของเขา แต่ปกติคดีถ้าสั่งฟ้องแล้ว โอกาสปล่อยก็อาจจะยาก
ปปง.ที่มีการอายัดทรัพย์บางส่วนของ 2 ท่านนี้ไว้ จะเป็นยังไงต่อไป?
อ.วีรพัฒน์ : เท่าที่ผมเข้าใจ รายชื่อตามที่คณะกรรมการธุรกรรม ถ้าปปง.ดำเนินการผ่านคณะกรรมการธุรกรรม ไม่ได้เจาะจงไปครบ 18 คน แต่กฎหมายปปง.เขามีอำนาจดูว่ามีการโอน ทำธุรกรรมเกี่ยวเนื่องสัมพันธ์กันยังไง ตรงนี้เป็นช่องทางนึงซึ่งผู้เสียหายต้องรีบไปแสดงตัวที่ปปง.สะพานหัวช้าง วันที่ 17 ก.พ. อีกไม่กี่วันแล้ว อย่าไปรีรอ ท่านต้องแสดงตัว เอาหลักฐานไปแสดงให้ปปง.ดู เพราะถ้าไม่ไปแสดงตัว ไปขอคุ้มครองสิทธิ์ พอพ้นเดือนก.พ.ไป ปปง.อาจบอกว่าก็ไม่ถูกบันทึกชื่อไว้เป็นผู้เสียหาย ตรงนี้ก็หารือกันว่าภาครัฐเองก็ต้องคุยกันแล้วว่ามีวิธีการยังไงเพื่อช่วยเหลือผู้เสียหายได้มั้ย สมาชิกไปเป็นแสนคน ปปง.ก็เหนื่อย ถ้ามีผู้เสียหายไปกันหลักหลายหมื่นหลายแสน ปปง.จะเช็กได้ยังไงว่าใครเป็นผู้เสียหายจริงหรือไม่จริง สิ่งหนึ่งที่ระบบกฎหมายไทยต้องกลับมาทบทวนคือตอนนี้มีประชาชนไปแจ้งความกับตร.ตั้งเยอะแยะ ทำไมไม่สามารถมีวิธีนำรายชื่อตรงนี้ส่งต่อให้ปปง.ได้ ก็เป็นประเด็นนึงที่กฎหมายไทยต้องกลับมาปรับปรุงแก้ไขช่องว่างตรงนี้
ลูกตาล หลังอัยการสั่งฟ้อง 16 บอส กับยกอีก 2 บอส ในมุมผู้เสียหายเป็นไง?
ลูกตาล : เอาตรงๆ ว่าตาลเองไม่รู้ว่าปลายทางจะมาถึงวันที่เกิดขึ้นเมื่อวานหรือเปล่า ตอนที่ออกมาวันแรกตาลออกมาพูดในส่วนข้อเท็จจริงสิ่งที่เราได้เข้าไปประสบพบเจอเข้าไปอยู่ในประสบการณ์กับบริษัท ส่วนกระบวนการยุติธรรม ตร. ดีเอสไอ อัยการ ท่านพิจารณายังไง เชื่อว่าท่านได้พิจารณาตามพยานหลักฐาน และได้มีการประชุมกัน ตัดสินตามพยานหลักฐานที่ท่านได้เห็นแล้ว แต่ตัวตาลเองตั้งแต่แรกไม่ได้ชี้ว่าใครผิดใครถูก หลายคนอาจมองว่าคุณมีสถานะเป็นแม่ทีมมั้ย คุณมีสถานะเป็นลูกทีมมั้ย คุณได้ผลประโยชน์หรือเปล่า ตาลไม่เคยคิดว่าต้องมากล่าวโทษใคร เพียงแต่เล่าพฤติการณ์และข้อเท็จจริงให้สังคมและเจ้าหน้าที่ฟัง ส่วนเจ้าหน้าที่จะไปขยายผลว่าผิดข้อกฎหมายตรงไหน ก็เป็นในส่วนเจ้าหน้าที่
แต่ 3 เดือนที่ผ่านมา คุณก็กดดันมาก?
ลูกตาล : มากค่ะ โดนขู่ โดนด่า มีออเดอร์มาจากในคุกว่าคุณเป็นแม่ทีม ถ้าเราฉ้อโกง คุณก็ต้องฉ้อโกงเหมือนเรา ตาลก็ยังงงจนทุกวันนี้ ว่าทำไมถึงเป็นเรา ในเมื่อคนที่มีสถานะแม่ทีม คุณมีลูกทีม 1 คน ก็เป็นแม่ทีมแล้ว ถ้าจะบอกว่าคนไม่มีลูกทีมเลย ต้องเป็นคนสุดท้ายที่สมัครเข้ามาในบริษัท ตาลเชื่อว่าตาลพูดทุกอย่างตามข้อเท็จจริง ไม่ได้เป็นความลับด้วย รวมไปถึงสิ่งที่ตาลได้ให้ข้อเท็จจริงกับเจ้าหน้าที่ทุกท่าน ทุกหน่วยงาน มันก็คือข้อเท็จจริง ไม่ได้มีอะไรที่ต้องกังวล แต่สิ่งหนึ่งที่รู้สึกไม่ค่อยสบายใจ คือตอนนี้เหมือนเป็นม็อบ 2 ฝั่ง ม็อบผู้เสียหายและฝั่งดิไอคอน มีการข่มขู่ ดิสเครดิต ทำคลิปด่า มีการกดดัน มีการออกมาปลุกระดมว่าถ้าคุณแจ้งความ คุณจะโดนข้อหาแจ้งความเท็จ ตาลคิดว่าไม่ควรมีเรื่องแบบนี้ ตาลไม่ค่อยสบายใจ เพราะตาลคิดว่าสุดท้ายแล้วใครผิดใครถูกอยากให้ไปพิสูจน์ในชั้นศาล ด้วยพยานหลักฐานกันดีกว่า ไม่จำเป็นต้องปลุกระดมให้ใครมาสู้กัน ด่ากัน ดิสเครดิตกัน
ก่อนหน้านี้มีช่วงเวลานึง ผู้เสียหายกลุ่มนึงไปถอนแจ้งความ มันคืออะไร?
ร.ต.อ.สุรวุฒิ : อาจเป็นกระบวนการนึงในการต่อสู้คดีก็เป็นไปได้ ไปถอนร้องทุกข์ แต่เราชี้แจงไปแล้วว่าคดีนี้เป็นความผิดต่อแผ่นดิน ถอนคำร้องทุกข์ได้ แต่คดีไม่ระงับ การดำเนินการก็ดำเนินการปกติ
ลูกตาล : เทปที่หนูมาแล้วมีการโฟนอินจากทนายฝั่งบริษัทเข้ามา บอกตาลตีเนียนเป็นแม่ทีม ตาลพูดว่าตาลยังไม่ได้แจ้งความเลย ก็มีกลุ่มบริษัทที่เป็นแม่ทีมเอาข้อความตรงนี้ไปใช้เป็นเครื่องมือปลุกระดมคนว่าดูสิ ขนาดคนนี้เขายังไม่แจ้งความเลย แสดงว่าเขากลัวแน่เลย เขาหลอกคนมาแจ้งความ เขากลัวแน่เลยว่าจะโดนแจ้งความเท็จ อันนี้ไม่ใช่เรื่องจริงนะคะ ณ วันนั้นตาลยังไม่ได้แจ้งความ ไม่ได้หมายความว่าตาลไม่แจ้ง ตาลแจ้งค่ะ เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องมานั่งเปิดเผยในสื่อ แต่ตาลเชื่อว่ามีการให้ข้อเท็จจริงกับหน่วยงานรัฐทุกหน่วยงานเรียบร้อยแล้วค่ะ
มีบางท่านบอกว่าคอยดูนะ เดี๋ยวเขาออกมา เขาจะไล่เช็กบิล?
ลูกตาล : หนูก็โดนเหมือนกัน เมื่อเช้ายังมีในกลุ่มอยู่เลยว่าให้นิ่งไว้ก่อน เดี๋ยวรอออกมาจะจัดการให้หมด ในเรื่องคดีบอกตามตรงว่าตาลไม่กลัวเลยจริงๆ ถ้าคิดว่าสิ่งที่ตาลทำมันผิด ก็ยินดีให้การตามความเป็นจริงทุกอย่าง เรื่องนี้ตาลไม่ได้กลัว แต่ตาลคิดว่าเรื่องมาข่มขู่ ดิสเครดิต มันควรต้องจบได้แล้วค่ะ เราควรไปพิสูจน์ความผิดกันในชั้นศาลมากกว่า
เขาบอกคุณมาฟอกขาว?
ลูกตาล : ไม่ฟอกหรอก หนูไม่จำเป็นต้องมานั่งเปิดให้ใครดูว่าหนูเสียหายเท่าไหร่ ทุกอย่างหนูให้ข้อเท็จจริงกับพนักงานสอบสวนไปหมดแล้วค่ะ ไม่ได้มีความกังวลอะไร
คุณมิน-คุณแซมออกมา กลุ่มคุณมองยังไง?
ลูกตาล : ตรงนี้ก็จะมีความเห็นแต่ละคน แต่ละคนคิดเห็นไม่เหมือนกัน ส่วนตัวขณะที่ตาลยังแอ็กทีฟอยู่ในบริษัท สองท่านนี้ยังไม่ได้เข้ามามีบทบาท ฉะนั้นตาลไม่ทราบบทบาทของสองท่านนี้เลยจริงๆ ฉะนั้นต้องขออนุญาตว่าตาลไม่ทราบในส่วนนี้ ส่วนกระบวนการตามกฎหมาย ตาลขอไม่ก้าวล่วงเรื่องตรงนี้
กรณีที่เหล่าบอส เขาบอกว่าไม่เป็นธรรมกับเขาเลย เขายังไม่รู้ว่าเขาเข้าไปอยู่ในเรือนจำ เขาผิดอะไรกันแน่ ในเมื่อของเขาก็มี คนมาซื้อก็มีของให้?
ร.ต.อ.สุรวุฒิ : ถ้าพูดในมุมมองของรัฐธรรมนูญ มาตรา 29 เขาก็ยังเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่ แต่ช่วงนี้เป็นระบบการสอบสวนฟ้องร้องซึ่งเราต้องดำเนินคดีกับเขา เรื่องการร้องทุกข์กล่าวโทษเป็นกระบวนการสอบสวนฟ้องร้อง เขาก็ต้องมาพิสูจน์ตัวเอง พนักงานอัยการหรือพนักงานสอบสวนต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าเขากระทำความผิด เพื่อให้ศาลลงโทษ ถามว่ามีสิทธ์พูดมั้ย ก็มีสิทธิ์พูดนะ เพราะตามรัฐธรรมนูญ เราก็ยังถือว่าเขายังเป็นผู้บริสุทธิ์ จนกว่าศาลมีคำสั่งพิพากษาว่าเขาผิด
ดิไอคอน ผ่าน 3 หน่วยงานพิสูจน์มาแล้ว หนึ่งสอบสวนกลาง เรียกมาสอบปากคำ แจ้งข้อกล่าวหา แล้วเหล่าบอสเข้าไปอยู่ในเรือนจำรอการพิสูจน์ตัวเองตั้งแต่สอบสวนกลาง จากนั้นมีมูลเหตุเรื่องตัวเงิน เรื่องผู้เสียหายเยอะ เลยเข้าข้อคดีพิเศษ หลังจากสอบสวนกลางพิสูจน์ไปแล้วในช่วงแรก แต่ผิดไม่ผิดต้องขึ้นอยู่ที่ศาล แต่เบื้องต้นสอบสวนกลางตรวจสอบไปก่อนแล้ว หลังจากนั้นดีเอสไอเข้ามา ก็ดึงเรื่องนี้เป็นคดีพิเศษคือแชร์ลูกโซ่ ฉะนั้นดีเอสไอก็ต้องมีการตรวจสอบครั้งที่สองว่าคนนี้ใช่ไม่ใช่ เข้าข่ายมั้ยต่างๆ นานา ถ้าเข้าข่ายก็ต้องทำสำนวน แต่ถ้าไม่เข้าข่ายก็ต้องพิจารณาภายหลังว่าจะส่งฟ้องไปที่อัยการมั้ย แต่นี่ดีเอสไอเองก็เห็นสมควรสั่งฟ้องทั้งหมดไปที่อัยการ อัยการคือหน่วยงานที่สาม ที่มีการตรวจสอบเหล่าบอสดีเอสไอ และตกตะกอนมาว่าสองคนยก คือบอสแซม กับบอสมิน อีกด่านที่เหล่าบอสต้องเจอคือศาลเขามีสิทธิ์หาทนายไปต่อสู้ หาหลักฐานไปต่อสู้ว่าเขาไม่ผิดยังไง ถ้าเกิดไม่ผิดก็ออกมา เดี๋ยวว่ากัน ถ้าไม่ผิดก็ออกมา แต่ถ้าผิดก็มีสิทธิ์อุทธรณ์ต่อได้ หรือยื่นเรื่องฎีกาเป็นศาลที่ 3 อาจารย์มองยังไง ถ้าเขาบอกว่าเขายังไม่ผิด ทำไมไม่ปล่อยให้เขาได้ออกมาต่อสู้?
อ.วีรพัฒน์ : ต่างประเทศก่อนเข้าคุก บางทีอัยการเรียกผู้ถูกกล่าวหามาเจรจาว่ารีบสารภาพได้มั้ยลดหนักเป็นเบา รีบจ่ายเงินคืนผู้เสียหายไป จะได้ไม่ต้องไปเข้าคุกอะไร ยิ่งผู้เสียหายที่เป็นคนมีเงิน มีหน้ามีตาพวกนี้กลัวคุกมาก บางทีเขาสารภาพเลยนะว่าผมไม่ได้เจตนา แต่ผมผิดพลาดไปแล้ว ก็ลดอะไรก็ว่ากันไป เซ็นเป็นเอกสาร ระบบกฎหมายนักวิชาการก็คุยกันมาตั้งนานแล้ว เพียงแต่ว่าบ้านเราใช้วิธีไม่กันไว้เป็นพยานเลย ให้เป็นดุลยพินิจของศาล เราอยู่ในระบบเดิมคือต้องรอ ข่าวล่าสุดคือจะไม่มีการสารภาพ จะยกข้อต่อสู้ สู้คดี ก็เป็นสิทธิ์ของท่าน ศาลก็จะดูว่าเขาไม่ได้ทำอะไรที่ขัดขวางกระบวนการศาลยุติธรรม ศาลท่านก็ใช้ดุลยพินิจพิจารณา สิ่งที่ต้องไม่ลืมคือยังมีขยักที่ดีเอสไออีก 30 วัน ตรงนี้คิดว่าน่าสนใจมาก เชื่อว่าดีเอสไอก็มีความเห็นต่างจากอัยการได้ ไม่แปลกอะไร นักกฎหมายเราตีความกันคนละแบบ แต่ดีเอสไอต้องยกประเด็นสำคัญคือการเข้าไป แม้ไม่ได้เข้าไปตั้งแต่แรก จะบอกว่าคุณเข้าไปเป็นพรีเซ็นเตอร์แบบปกติธรรมดาหรือเปล่า ผมว่าตรงนี้ยังเป็นสิ่งที่สังคมคาใจอยู่ ผมไม่ได้ตัดสินว่าคุณแซม คุณมิน ผิดหรือไม่ผิด แต่ดีเอสไอมีข้อมูลตรงนี้ ถ้าดีเอสไอยืนยันว่าเข้าข่ายลักษณะท่านก็ส่งไป ถ้าอัยการบอกไม่ผิด หลักฐานไม่พอ กระบวนการสั่งฟ้อง รัฐธรรมนูญเขียนไว้เลยว่าดุลยพินิจอัยการ เป็นที่สุด แต่ถ้าสมมติวันดีคืนดี ผู้เสียหายค้นเจอหลักฐาน แอบเจอคลิปเสียงคุยกันว่าไม่ใช่เป็นแค่พรีเซ็นเตอร์ อย่างนั้นอาจมีกระบวนการดำเนินคดีเพิ่ม แต่ทั้งหมดทั้งปวง กลับมาที่คำถาม ว่าเป็นธรรมมั้ย คนถูกแช่ขังอยู่ในคุกเป็นประโยชน์ต่อผู้เสียหายหรือเปล่าที่เขาถูกแช่อยู่ในคุก เพราะวันนี้เขาได้รับการประกันตัวออกมา สมมติผมเป็นผู้เสียหาย ผมคงเชิญ 16 บอสมานั่งคุยกันแล้วนะ ว่าคุณมีวิธีแสดงความจริงใจ เยียวยาผู้เสียหายเชิงตัวเงินได้หรือเปล่า แต่ตอนนี้ทำยาก เพราะเจ้าตัวอยู่ในคุก ตัวทนายก็มีประเด็น เป็นการปะทะกันไป ความจริงควรหารือกัน ทั้งหมดทั้งปวงหัวใจเรื่องนี้คือเยียวยาผู้เสียหาย
มีคนส่งมาว่าคุณตาลเคยพาผู้เสียหายไปถอนแจ้งความ จริงมั้ย?
ลูกตาล : ไม่เคยนะคะ ตัวหนูเองจะไม่ชี้นำใคร แต่ส่วนที่หนูรับผิดชอบคือทีมงาน ลูกทีมของหนูทุกคน ถ้าได้ดูจะบอกทุกคนว่าถ้ามีความเสียหาย แล้วรู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมไปแจ้งความเลย แต่ถามว่าเราเคยไปชี้นำ ปลุกระดมคนให้ไปแจ้งหรือไปถอนมั้ย ไม่มีแน่นอน ดีเอสไอนั่งอยู่ตรงนี้ทราบดีว่าไม่มีลูกตาลไปเย้วๆ บอกทุกคนให้ถอนแจ้งความแน่นอน
มุมสคบ. ที่ออกใบอนุญาตและควบคุมเรื่องสินค้า มองยังไง?
ณัชภัทร ขาวแก้ว : สคบ.อนุญาตให้บริษัทดิไอคอนกรุ๊ป ประกอบธุรกิจแบบตรง หมายความว่าให้มีการซื้อขายสินค้าผ่านเว็บไซต์ของดิไอคอนกรุ๊ปเท่านั้นตามรายการสินค้าที่เขาขออนุญาตไว้กับสคบ. และนายทะเบียนได้จดทะเบียนให้เขาประกอบธุรกิจแบบตรง คือซื้อมาขายไปผ่านเว็บไซต์แค่นั้นเอง ข้อเท็จจริงที่พบคือตัวเว็บไซต์ ตัวนิติบุคคลดิไอคอน กลับไปทำในลักษณะชักชวนคนให้เข้ามา เน้นเปิดบิล 2.5 แสน แล้วให้ลูกทีมที่เปิดบิลไปหาคนมาต่อกันเป็นทอดๆ 2.5 แสน จากการสอบสวนของตัวสคบ.เอง ที่มีผู้เสียหายมาให้ปากคำไว้เขาบอกว่าไม่เคยขายสินค้าเลยแม้แต่ชิ้นเดียว สุดท้ายคำว่าผู้บริโภคตัวจริงอยู่ตรงไหนยังไม่รู้เลย พฤติกรรมแบบนี้ในมาตรา 19 บอกว่าห้ามไม่ให้ผู้ประกอบธุรกิจตลาดแบบตรง ชักชวนให้บุคคลเข้าร่วมเป็นเครือข่าย โดยคิดคำนวณจากจำนวนคนที่มันเพิ่มขึ้น 2.5 แสนเนี่ย ถามว่าสินค้าตัวนี้ สมาชิกหรือตัวแทนบริษัทได้เอาสินค้าไปขายต่อให้ผู้บริโภคมั้ย
เข้าในมุมสคบ.เป็นแชร์ลูกโซ่มั้ย ไม่เป็นตลาดตรงตรงไหน?
ณัชภัทร : ที่เราเพิกถอนใบอนุญาต ผมก็ลองให้เจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบเว็บไซต์บริษัทดิไอคอน พบว่าคนทั่วไปไม่สามารถเข้าไปซื้อจากบริษัทดิไอคอนกรุ๊ปได้ ซื้อไม่ได้นะครับ ต้องซื้อจากตัวแทน ที่ต้องลงสมัครสมาชิก ตลาดแบบตรงดิไอคอนต้องขายให้ลูกค้าเอง แต่นี่กลับไปซื้อกับใครไม่รู้ ที่ไม่ใช่เว็บไซต์ดิไอคอนกรุ๊ป อันนี้ก็ผิดวัตถุประสงค์ของสคบ.ที่อนุญาตหรือจดทะเบียนกับสคบ.
สคบ.ดำเนินการเรื่องนี้ยังไง?
ณัชภัทร : ส่วนของผม จริงๆ ถามว่าวันนั้นที่ได้มาออกรายการ มีหลักฐานเพียงพอระดับนึง แต่ยังไม่ถึงเวลาร้องทุกข์กล่าวโทษ ในภายหลังเมื่อได้เอกสารหลักฐานครบถ้วน ประกอบกับผู้เสียหายที่เราสอบปากคำครบถ้วนแล้ว ผมเองได้รับมอบหมายให้ไปร้องทุกข์กล่าวโทษกับพนักงานสอบสวนของดีเอสไอ ร้องให้ดำเนินคดีในมาตรา 19 ของพรบ.ขายตรงและตลาดแบบตรง ประกอบกับมาตรา 20 คือประกอบธุรกิจขายตรงก่อนได้รับอนุญาต สองข้อกล่าวหา
ร้องกับดีเอสไอ แต่ไม่เป็นข่าว?
ณัชภัทร : เป็นหนึ่งในผู้กล่าวหาด้วย
อ.วีรพัฒน์ : คดีทั้งหมดในตอนนี้ ถ้าไม่มีมาตรา 19 มันอาจทำให้เกิดความยุ่งยากในการพิสูจน์เรื่องฉ้อโกงแชร์ลูกโซ่ แชร์ลูกโซ่ควรมีองค์ประกอบว่าเป็นธุรกิจที่ทำไม่ถูกต้อง ผิดกฎหมาย ล่าสุดอัยการท่านกางมา 5 ข้อหาแล้ว ไม่ได้เป็นแค่มาตรา 19 หรือแชร์ลูกโซ่ คือฉ้อโกงประชาชน แชร์ลูกโซ่ พรบ.คอมพิวเตอร์ ทำผิดมาตรา 19 ชักชวนคนมาทำสมาชิก และมีกรณีคือขายตรงโดยไม่ได้รับอนุญาต ทั้งหมดทั้งปวงเป็นในกรอบคดีอาญา ถ้าผู้เสียหายอยากหาทนายไปดูว่ากรอบตรงนี้สามารถไปฟ้องทางแพ่งได้มั้ย ผมว่าก็มีช่องทางอยู่ แต่ว่ามาตรฐานการพิสูจน์จะไม่เหมือนกันแล้ว ในคดีอาญา วันนี้คุณมิน-คุณแซมกลับบ้าน เพราะมาตรฐานคดีอาญาคุณต้องมีหลักฐานเพียงพอระดับสูงพอสมควร แต่พอเป็นคดีแพ่งไม่ได้เข้มงวดเหมือนคดีอาญา ก็ฝากในรายการ ให้ผู้เสียหายอย่าเข้าใจผิดว่าคุณมิน-คุณแซมจบแล้ว แต่ให้ความเป็นธรรมว่าเขายังบริสุทธิ์อยู่นะ แต่ถามว่าผู้เสียหายยังมีช่องทางฟ้องเรียกร้องค่าเสียหายมั้ย ยังมีอยู่ครับ
ทำไมสคบ.เพิ่งยกเลิกใบอนุญาตตลาดแบบตรง?
ณัชภัทร : เพราะผิดเงื่อนไขที่เราได้รับจดทะเบียนไว้ อย่างที่ได้เรียนไป ถามว่าทำไมไม่ยกตั้งแต่ตอนโน้น มันต้องมีหลักฐานชัดเจน เพียงพอด้วยส่วนนึง ไม่ได้ยกเลิกเพิกถอนหลับหูหลับตาตามโซเชียลมีเดียกดดันเรา คงทำไม่ได้ เพราะมันเป็นคดีอาญา ต้องพิสูจน์ลึกให้ชัดเจน และชัดก่อน ตอนนี้ชัดแล้วถึงได้ยกเลิก
จะมีผลอะไรตามมา?
ณัชภัทร : เมื่อนายทะเบียนมีคำสั่งเพิกถอนตลาดแบบตรง ตัวนิติบุคคลคือดิไอคอนเอง ไม่สามารถทำการขายสินค้าหรือขยายเครือข่ายผ่านเว็บไซต์ดิไอคอนกรุ๊ป ขายไม่ได้แล้วตามออนไลน์
ถ้าดิไอคอนเอาของที่มีไปขายที่ตลาดนัด ได้มั้ย?
ณัชภัทร : ได้ครับ เพียงแต่ของที่มีอยู่มันถูกอายัดหรือเปล่า ผมไม่รู้นะ เขาผลิตใหม่คงได้ เพราะไม่ได้มีปัญหา เพราะสินค้าไม่ได้ผิดกฎหมาย ขออนุญาตอย.ถูกต้อง ขายตลาดนัดได้ แต่พูดง่ายๆ ขายผ่านโซเชียลไม่ได้แล้ว ถ้าขายผ่านโซเชียลเมื่อไหร่ ตัวดิไอคอนจะมีความผิดต่อเนื่องประกอบธุรกิจแบบตรงอันฝ่าฝืน ก็มีโทษปรับรายวัน
ตัวแทนที่มีสินค้าอยู่ในมือ สามารถขายได้?
ณัชภัทร : สามารถขายผ่านสื่อโซเชียลของตัวเองได้ กฎหมายยกเว้น ถ้าเป็นบุคคลธรรมดาที่ทำการขายสินค้าผ่านสื่อโซเชียลหรือเพจตัวเอง ถ้ามีรายได้ต่อปีไม่เกิน 1.8 ล้าน กฎหมายบอกว่าให้ขายไปเลย ถ้าเกินคุณต้องมีหน้าที่มาจดทะเบียนกับสคบ.เพราะมีเรื่อง vat เข้ามา ก็บีบให้ไปจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล ซึ่งจำเป็นต้องเป็นดิไอคอน ที่อื่นก็เหมือนกัน ไม่จดก็มีความผิดกาประกอบธุรกิจแบบตรงก่อนได้รับอนุญาตอีก มีความผิดอีก
ดิไอคอนไม่สามารถขายสินค้าผ่านออนไลน์ได้แล้ว คนสมัครเป็นเครือข่ายไม่ได้แล้ว ยกเลิกตรงนี้ไปเลย แต่ตัวแทนที่มีสินค้าขายได้อยู่ แต่ดิไอคอนสามารถขายที่บริษัทก็ได้ วอล์กอินเดินไปซื้อได้?
ณัชภัทร : โดยสภาพต้องบอกว่าตัวสินค้าไม่ได้ผิด แต่รูปแบบวิธีการของบริษัทต่างหากที่ทำแล้วเกิดข้อกังขา
อ.วีรพัฒน์ : อย่าลืมว่าคนเดือดร้อนคือคนไปซื้อสินค้า มีผู้เสียหายเอาสินค้ามาฝากผม ถูกเพิกถอนคดีอาญาไม่ได้เกี่ยวว่าสินค้าจะมีพิษนะ เกิดญาติพี่น้องช่วยกันซื้อคนละเล็กคนละน้อย ก็เหมือนช่วยเหลือซึ่งกันและกัน อย่าให้คนที่ตกเป็นเหยื่อต้องแบกรับภาระแล้วกองสินค้าไว้ที่บ้าน คนเสียหายต้องการระบายสินค้าออกไป ก็ไม่ได้เสียหายอะไร อีกช่องทางนึงผู้เสียหายสามารถช่วยเหลือกันได้ อย่าลืมว่าขณะที่ภาครัฐดำเนินคดีอาญา ผู้เสียหายควรเริ่มเกาะกลุ่มกัน และคิดว่าจะร่วมมือกันเรียกร้องค่าเสียหายในทางแพ่งอย่างไร เพราะคนลำบากจริงๆ คือผู้เสียหาย ที่เขาหลงเชื่อว่าเขาจะขายสินค้าได้ แต่วันนี้สินค้ากองอยู่ที่เขา
กลัวเขาออกมาแล้วฟ้องกลับมั้ย?
ลูกตาล : ไม่ได้กลัวค่ะ ไม่ได้ท้าทายนะ แต่ยังหาประเด็นที่เขาจะมาฟ้องหนูไม่เจอ จะฟ้องเรื่องอะไร หนูว่าหนูไม่ได้พูดอะไร
เขาบอกคุณเองครั้งนึงเคยทำงานที่ดิไอคอน เป็นหนึ่งในแม่ทีม วันนึงผลประโยชน์ไม่สมประโยชน์ วันนึงกลับไปเล่นงานเขา?
ลูกตาล : ตาลเชื่อว่ามีกลุ่มคนที่เสียผลประโยชน์แน่นอนอาจไม่พอใจ จึงออกมาให้ข้อมูลในลักษณะนี้ ที่ผ่านมามีการโจมตี ดิสเครดิต ปล่อยข่าวเท็จตลอด แต่ตาลยึดถือข้อเท็จจริง ตาลเชื่อว่าสิ่งที่ตาลพูดคือข้อเท็จจริง ส่วนกระบวนการยุติธรรมจะดำเนินไปยังไง ก็ให้เป็นไปในส่วนของกระบวนการยุติธรรม ในส่วนมาฟ้องก็ไม่รู้จะฟ้องเรื่องอะไร เท่าที่เห็นไม่ใช่ตาลคนเดียวที่มาออกสื่อ เขาไม่ได้พูดเรื่องเท็จ แต่บังเอิญไปขัดกับสิ่งที่เขาไม่ต้องการให้ออกสู่สาธารณะ ก็ถูกนำมาโจมตี ให้ร้ายต่างๆ เรื่องนี้ควรพอได้แล้ว ควรไปใช้กระบวนการยุติธรรม พิสูจน์ด้วยข้อกฎหมายดีกว่า
เขาลือกันว่าจะมีล็อต 2 ของดิไอคอน?
ร.ต.อ.สุรวุฒิ : กระบวนการสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น เพียงแต่ว่าสำนวนแรกที่เราต้องดูรูปแบบพนักงานอัยการด้วยว่าท่านมีความเห็นฟ้องข้อหาอะไรเพราะหลักการวิธีการดำเนินคดีผู้กระทำผิดต้องถูกดำเนินคดีอยู่แล้ว เบื้องต้นมีอีกหนึ่งสำนวนตั้งรอไว้อยู่แล้ว แต่ยังไม่เริ่มนับหนึ่ง เพราะรอผลคดนี้ก่อน ก็การสอบสวนต่ออยู่ ยังไม่เสร็จสิ้น ถ้าพบการกระทำความผิด ก็จะมีผู้ต้องหาเพิ่มขึ้น แต่ยังพูดไม่ได้ ถ้าภาษาบ้านๆ เขาเรียกแถวสอง ยังตอบไม่ได้ว่าจะมีใครบ้าง
แสดงว่ามี?
ร.ต.อ.สุรวุฒิ : (หัวเราะ) อยู่ระหว่างสอบสวน
ตกลงแล้วมิน พีชญา ออกมาปุ๊บทำไมผมยาว ทำไมไม่ตัดผมสั้น ต่อสายหาท่านรองโฆษก กรมราชทัณฑ์ “กนกวรรณ จิ๋วเชื้อพันธุ์” จะได้สิ้นสงสัย?
กนกวรรณ : ระเบียบกรมราชทัณฑ์ ปี 2565 เป็นระเบียบเรื่องการตัดผม ซึ่งออกขึ้นมาใหม่ จะแยกเด็ดขาดชัดเจนว่าระหว่างผู้ต้องขังเด็ดขาดกับผู้ต้องขังระหว่างพิจารณาคดี ทรงผมจะแตกต่างกัน ทั้งผู้ชายและผู้หญิง สำหรับผู้หญิงถ้าเป็นผู้ต้องขังเด็ดขาดแล้ว จะตัดไม่เกินบ่า ส่วนผู้ต้องขังระหว่างพิจารณาคดีสามารถไว้ยาวได้ค่ะ แต่ต้องมัดรวบให้เรียบร้อย ที่เราออกระเบียบแบบนี้ กรมราชทัณฑ์คำนึงถึงการปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 29 วรรค 2 ผู้ต้องขังคดีอาญาที่ยังไม่ได้ตัดสินเด็ดขาด เราให้คำนึงว่าเขายังเป็นผู้บริสุทธิ์ ฉะนั้นการปฏิบัติต้องแตกต่างกัน ถ้าดูจากระเบียบทรงผม ถ้าเป็นผู้ต้องขังเด็ดขาดแล้วจะตัดผมไม่เกินบ่า แต่ถ้าเป็นผู้ต้องขังระหว่างพิจารณาคดี ไว้ยาวได้แต่ต้องมัดให้เรียบร้อย บางท่านอาจเห็นว่าเช่นเรือนจำต่างจังหวัด บางที่ทำไมถึงยังมีการตัดผมอยู่ เราขอเรียนให้ทราบว่าเรือนจำมีความแออัด การแยกพื้นที่ระหว่างผู้ต้องขังเด็ดขาดกับรอพิจารณาคดีบางที่ทำไม่ได้จริงๆ บางที่เขาต้องอยู่ร่วมกัน ดังนั้นบางปฏิบัติอย่าง อย่างการตัดผมต้องมีบ้างที่ต้องให้เหมือนกัน เพื่อให้เกิดความแตกต่างและดูเหมือนเลือกปฏิบัติ แต่ถ้าบางเรือนจำที่เขาสามารถแบ่งได้ชัดเจน เช่นทัณฑสถานหญิงกลาง เขาแยกเป็นแดนพิจารณาคดีกับเด็ดขาด เราก็สามารถปฏิบัติได้ชัดเจนค่ะ
มีการนำตัว 16 บอสไปคุมขังที่เรือนจำ จะมีมาตรการอย่างไร?
กนกวรรณ : ถ้าเป็นผู้ต้องขังระหว่างพิจารณาคดีเราก็ปฏิบัติเหมือนเดิมค่ะ วันนี้ศาลนัดก็ไปทั้งหมดค่ะ
อยากพูดอะไร?
อ.วีรพัฒน์ : ต้องให้ความเป็นธรรมกับคุณแซมคุณมิน ที่ผ่านมาเขาไปอยู่ข้างใน เขาอาจต้องเผชิญชะตากรรมอะไรยังไง อยากให้เขามีพื้นที่ได้แสดงความรู้สึกออกมา แต่ทั้งหมดทั้งปวง หัวใจของเรื่องนี้คือผู้เสียหาย ผู้เสียหายหลายคนตัดสินใจซื้อสินค้าเพราะเชื่อมั่นในสิ่งที่เขาเห็นและคนที่พูดอยู่บนเวที สิ่งนี้ดีเอสไอต้องทำการบ้านว่าจะมีความเห็นส่งกลับไปที่อัยการอย่างไร
ร.ต.อ.สุรวุฒิ : เรื่องการทำความเห็นคงต้องพิจารณาอย่างรอบด้าน ท่านอธิบดีคงตั้งคณะทำงานขึ้นมาเพื่อให้มีความรอบคอบมากยิ่งขึ้น สิ่งที่เราทำผิดพลาดตรงไหนมั้ย มีอะไรต้องเพิ่มเติมมั้ย หรือเรายืนยันว่าเราทำครบถ้วนดี
ณัชภัทร : ฝากเตือนไปยังบริษัทที่มีพฤติกรรมเบี่ยงเบน นำไปสู่พฤติกรรมแชร์ลูกโซ่ขอให้หยุดการกระทำ เพราะโทษค่อนข้างจะหนัก ให้ดูหลายคดีเป็นตัวอย่างแล้วกันครับ
ลูกตาล : ส่วนผู้เสียหายอยากให้สังคมรวมถึงฝั่งของ บริษัทดิไอคอนหยุดซ้ำเติมผู้เสียหาย ที่ผ่านมามีการออกมาร้องเรียน ต่อว่า ตำหนิว่าผู้เสียหายที่มาแจ้งความดำเนินคดี บอกว่าโง่เอง โลภมาก ขายไม่ได้ ไม่เรียนรู้ ไม่ประเมินตัวเอง จริงๆ ต้องบอกว่าผู้เสียหายหลายคน ตัวแทนเขาไม่ได้มาเพราะเขาโลภอย่างเดียว เขาไม่ได้ตัดสินใจเอาเงินก้อนสุดท้ายในชีวิตเขามาลงเพราะเขาอยากรวย เขาโลภ อยากฟุ้งเฟ้อ บางคนมาด้วยความหวังค่ะ เขาไม่ได้มาด้วยความโลภ เขาใช้เงินก้อนสุดท้ายในชีวิต อยากให้หยุดซ้ำเติมผู้เสียหาย แล้วให้เป็นเรื่องกระบวนการยุติธรรม ผู้เสียหายบางคน ตอนหนูไปสอบสวนกลาง มารถเข็นบ้าง ไม้เท้าบ้าง อายุ 80 บ้าง ถ้าคุณขายได้ก็โอเค แต่ไม่อยากให้มีการซ้ำเติมผู้เสียหายแล้วค่ะ
จากนี้นับถอยหลัง ภายใน 30 วัน ดีเอสไอจะมีดุลยพินิจยังไง มีการส่งเรื่องแย้งเห็นแย้งว่าเห็นฟ้องทางฝั่งคุณแซม คุณมิน ไปที่อัยการสูงสุดหรือไม่ สองไปดูนะครับว่า 16 บอสดิไอคอน หลังถูกฟ้องไปที่ศาลแล้ จากนี้ไปขึ้นสู่กระบวนการชั้นศาลจะเป็นอย่างไรต่อไป 16 บอสต้องหาหลักฐานมาหักล้าง ว่าเขาเองทำในลักษณะแชร์ลูกโซ่ ฉ้อโกงประชาชน ผิดพรบ.คอมพ์ ห้ามกระพริบตาและห้ามพลาดเด็ดขาด อีกไม่นาน เรื่องขึ้นศาลนัดแรกก็จะได้เห็นแล้ว ติดตามดีๆ รวมถึงแถวสองตอบไม่ได้ว่ามีใครบ้าง